โชว์ผลงาน 1 ปี ชูแผนเดินหน้า ‘เรียนรู้ออนไลน์- สร้างงานสร้างอาชีพ-ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ
เมื่อวันที่17 ก.ค.2563 ที่หอประชุมคุรุสภา นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ จัดแถลงผลการทำงาน “1 ปี ณ วังจันทรเกษม สะท้อนงาน สะท้อนคน กับ กนกวรรณ วิลาวัลย์”โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) ใน 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้รับฟังความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานในกํากับ ทั้ง3หน่วยงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทํางาน พร้อมทั้งลงพื้นที่ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อติดตามการนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติ พร้อมร่วมกันแก้ไขข้อติดขัด อุปสรรค และปัญหา เพื่อจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้ผลักดันการเพิ่มอัตราข้าราชการครู กศน. คูณ 3 แบ่งเป็น ครูผู้ช่วยพื้นที่สูง ครูผู้ช่วยชายแดนใต้ ครูผู้ช่วยพื้นที่ทั่วไป และครูผู้ช่วยแบบสอบแข่งขัน รวม 1,590 อัตรา และสรรหาเป็นผู้บริหาร กศน. 140 อัตรา ทําให้สามารถขยับลูกจ้างขึ้นมาเป็นพนักงานราชการ และรับสมัครบุคคลภายนอกมาทดแทนอัตราจ้างที่ว่างลง งาน สช. ได้ผลักดันการเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลครูเอกชน จาก 100,000 บาทต่อคนต่อปี เป็น 150,000 บาทต่อคนต่อปี โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 กองทุนสงเคราะห์ได้อนุมัติค่ารักษาพยาบาลแก่ครู 5,106 คน วงเงินกว่า 77 ล้านบาท และน้อมนําหลักสูตรจิตอาสา 904 มาใช้ในกระบวนการอบรมลูกเสือ เพื่อช่วยสร้างศักยภาพ ระเบียบวินัย และปลูกจิตอาสาให้แก่เยาวชน พร้อมพัฒนาหลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ ให้มีความโดดเด่นด้านภาษา และองค์ความรู้ในเชิงการท่องเที่ยว โดยจัดอบรมลูกเสือมัคคุเทศก์รุ่นแรก ใน 8 จังหวัด 480 คน และในเดือนสิงหาคมนี้จัดอบรมในรุ่นที่ 2 รวม 4,140 คนในทุกจังหวัดทั่วไปประเทศ
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการดําเนินงานในระยะต่อไป ได้วางแผนและกําหนดเป้าหมาย ที่จะสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องของการศึกษาต้องมีความต่อเนื่องและต้องอาศัยเวลาจึงจะเกิดผล ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้ออนไลน์- สร้างงานสร้างอาชีพ-ก้าวสู่สังคมสุขภาวะอย่างมีคุณภาพ” การเรียนรู้ออนไลน์ จะใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุนเป็นเครื่องมือในการจัดการศึกษา เรียนรู้ และสร้างอาชีพแก่ กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ผ่านแอปพลิเคชัน “ONIE Online” ส่งเสริมให้ใช้ Google Classroom และพัฒนาหลักสูตรพื้นฐาน ของ กศน.ให้มีความทันสมัยครบถ้วน หลักสูตรอาชีพที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการและบริบทของแต่ละพื้นที่ นําเทคโนโลยีมาขยายผลกับแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ของ กศน. รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่าน มีห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราช กุมารี” 103 แห่ง และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั้ง 19 แห่ง ส่วนการจัดการศึกษาเอกชน จะขยายความร่วมมือ กับภาคีเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล “ศูนย์ Digital Learning Center” ของ สช. ที่หลากหลายมากขึ้น เข้าถึงนักเรียน นักศึกษา กศน. และประชาชนมากขึ้น โดยเน้นให้ครูใช้ระบบออนไลน์ได้อย่างชํานาญ เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของทุกกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
นางกนกวรรณ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้จะมีการพัฒนาระบบสวัสดิการกองทุนสงเคราะห์ออนไลน์ ให้สมาชิกได้รู้ข้อมูล ความเคลื่อนไหวและข่าวสารของกองทุนสงเคราะห์ และพัฒนาค่ายลูกเสือ 66 แห่งทั่วประเทศ ให้มีความทันสมัย นําเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยผลิตสื่อการเรียนรู้ รองรับการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรจิตอาสา 904 สําหรับกระบวนการอบรมลูกเสือ และการอบรมลูกเสือมัคคุเทศก์ โดยในงบประมาณปี 2563 ได้รับการจัดสรรมาแล้วแล้ว จํานวน 118 ล้านบาท ซึ่งจะขับเคลื่อนในค่ายลูกเสือจังหวัด 62 ค่าย และค่ายลูกเสือในกํากับ 4 ค่าย ส่วนสร้างงานสร้างอาชีพ ตนจะเน้นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ กศน.พรีเมียม ทั้ง 231 รายการ ที่จําหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสร้างรายได้แก่ประชาชนทุกชุมชน และพัฒนาไปสู่การจดอนุสิทธิบัตร เพื่อรักษาสมบัติของคนไทย และการก้าวสู่สังคมสุขภาวะอย่างมีคุณภาพ โดยจะพัฒนาระบบการทํางานร่วมกันสําหรับกลุ่มบุคลากรนักวิชาชีพ ภาคประชาสังคม กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ ภายใต้ “การจัดการความรู้สนับสนุนเครือข่ายบูรณาการด้าน ผู้สูงอายุและคนพิการ และการบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการและขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากร กศน. ให้มี ศักยภาพในการจัดกิจกรรม กศน. เพื่อร่วมสร้างสังคมสูงอายุที่มีสุขภาวะ” รองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย โดยต้องดําเนินการพัฒนาต่อเนื่องทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพรองรับ “สังคมผู้สูงอายุ” รวมทั้งพัฒนาระบบสารสนเทศ “เว็บไซต์รวมพลัง” รองรับการจัดการเรียนรู้และข้อมูลสนับสนุนเครือข่าย บูรณาการด้านผู้สูงอายุและคนพิการ แบบ One stop service และการทำงานต่อไปนี้ จะต่อยอดผลงานต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการพัฒนาการเรียนออนไลน์ โดยพัฒนาศักยภาพครูให้สอนทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต