วอศ.เชียงใหม่ สุดเจ๋ง! กวาดรางวัลประกวดเมนูอาหาร

นายสมบัติ นาหลวง ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ได้ร่วมเข้าการประกวดเมนูอาหารจาก “โครงการการพัฒนาตำรับเมนูเพื่อสุขภาพ อาหารปลอดภัย food safety CMU” ระยะที่ 3 ซึ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2564 เพื่อให้นักเรียน และนักศึกษา ได้พัฒนาทักษะการทำอาหารเมนูเพื่อสุขภาพ และเข้าใจการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ โดยการจัดประกวด แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทอาหารจานเดียวเพื่อสุขภาพ ประเภทเซตอาหารเพื่อสุขภาพ และประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ส่งทีมเข้าประกวด เป็นนักเรียน นักศึกษา จากแผนกวิชาอาหารและโภชนาการ 5 ทีม ซึ่งทุกทีมสามารถคว้ารางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ ประเภทอาหารจานเดียวเพื่อสุขภาพ, รางวัลชนะเลิศ ประเภทเซตอาหารเพื่อสุขภาพ, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทอาหารจานเดียวเพื่อสุขภาพ, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทอาหารจานเดียวเพื่อสุขภาพ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ กล่าวต่อไปว่า การที่ได้นำนักเรียน นักศึกษาเข้าประกวดในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมเพิ่มโอกาสการบูรณาการนำองค์ความรู้และทักษะในห้องเรียนสู่การปฏิบัติจริง รวมถึงเป็นการทดสอบสมรรถภาพของผู้เรียน ก่อนจบการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และที่สำคัญแสดงถึงความรู้ความสามารถของครูผู้อบรมบ่มเพาะให้นักเรียน นักศึกษาเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สามารถดำรงตนในสังคมได้อย่างมีความสุข

อาชีวศึกษาภูเก็ต จัด R-Phuket Fashion Week 2021 รับ Phuket Sandbox

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการ R – PHUKET FASHION WEEK 2021 เชื่อมโยงการศึกษา “EDUCATION STUDIO” สู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อสร้างผู้เรียนเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพในยุค New Normal ตอบรับเปิดเมืองภูเก็ต Phuket Sandbox ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาระดับนานาชาติ และสถานประกอบการ ในการเชื่อมโยงการศึกษาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างสถานศึกษา กับสถานประกอบการ และการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อพัฒนากำลังคนสู่การพัฒนา ฟื้นฟูการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต

ด้าน ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังอาชีวศึกษา Center of Vocational Manpower Networking Management หรือ CVM ตามนโยบาย 7 วาระเร่งด่วนของนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา และการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 25 ศูนย์เครือข่าย CVM ที่เป็นสถานศึกษากลุ่มความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะ ที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการในสาขาวิชาการโรงแรม และยังเป็นสาขาอาชีพที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนาประเทศ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นจำนวนมาก มาสนับสนุนและส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัย จึงทำให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต มีความเป็นเลิศทางการจัดการเรียนการสอนด้านการโรงแรม และยังตั้งอยู่ในจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวติดอันดับโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก

นายวิทยา เกตุชู ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ในการเปิดเมืองภูเก็ต Phuket Sandbox เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเป็นการนำร่องการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต จัดการศึกษาภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งผลิตและพัฒนากำลังคนสู่สากล” มีภารกิจหลักในการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อสร้างผู้เรียนให้เป็นผู้ประกอบการอย่างมืออาชีพ จึงได้มีโมเดลการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Education Studio ขึ้น โดยจะเป็นการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ ในยุค New Normal มีการเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยว การบริการด้านสุขภาพและความงาม การส่งเสริมความร่วมมือการจัดการศึกษาระดับนานาชาติ ความร่วมมือกับสถานประกอบการในการเชื่อมโยงการศึกษาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก รวมทั้งยังได้จัดโครงการ R-Phuket Fashion Week 2021 โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อีกด้วย

“โครงการ R-Phuket Fashion Week 2021 จัดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดเมืองภูเก็ต Phuket Sandbox ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ภายในงานประกอบด้วย 1. กิจกรรม R-Phuket Fashion Week 2021 เป็นการแสดงผลงานการตัดเย็บ “ผ้าลายขอ” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยแผนกวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ 2. กิจกรรมอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีการจัดทำสารบัญพันธุ์ไม้ภายในวิทยาลัย เป็นข้อมูล digital การทำป้ายพันธุ์ไม้ พร้อม QR Code ให้ต้นไม้ทุกต้น และการปลูกต้นไม้เพิ่มเติม ปรับภูมิทัศน์ ในบริเวณสวนภายในวิทยาลัย และการจัดการพลังงานสะอาด Smart farm ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซลาเซลล์เพื่อนำพลังงานมาใช้ในบริเวณสวนของวิทยาลัย และที่สำคัญคือ มีการควบคุมผ่านระบบสมาร์ทโฟน 3. การแสดงนิทรรศการความเชื่อมโยงอาชีวศึกษาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก เช่น การแสดงผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ R-bukit จากแผนกอาหารและโภชนาการ อาทิ สับปะรดลอยแก้ว น้ำพริกปลาฉิ้งฉ้างสมุนไพร ซอสผัดหมี่ฮกเกี้ยน น้ำนมข้าวดอกข่าผสมน้ำสับปะรดภูเก็ต คุกกี้ธัญพืชผสมผลไม้ เป็นต้น Luxury Healthy Bar จากแผนกวิชาการโรงแรม การแสดงการจัดการเรียนการสอนการทอผ้า ของแผนกแฟชั่นและสิ่งทอ และนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนภายในจังหวัดภูเก็ต การให้ความรู้และการคัดกรองโควิด 19 การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน การผลิตชิ้นงานของนักเรียน นักศึกษา การอบรมให้กับบุคลากรภายนอก การแสดงผลงานและการแข่งขันของนักเรียน นักศึกษา และการสร้างธุรกิจทั้งแบบ online และ offline รวมทั้ง โรงแรม R Phuket Hotel โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต จัดโปรโมชั่น “นอนฟรีครึ่งคืน” สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564″นายวิทยากล่าว

ทั้งนี้ การจัดโครงการ R-Phuket Fashion Week 2021 เป็นการแสดงออกถึงการจัดการอาชีวศึกษารูปแบบ Education Studio สู่การเป็นผู้ประกอบการยุค New Normal รวมทั้ง การเชื่อมโยงการศึกษาระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ระดับนานาชาติ ภายใต้ความร่วมมือกับนานาประเทศ ทั้งประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี

 

อว. – ศธ. – กสทช. จับมือยกระดับเครือข่ายทางการศึกษาแห่งชาติ ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาเครือข่ายทางการศึกษาแห่งชาติ โดย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด  ศธ. และ นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช.

ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์  กล่าวว่า อว. ศธ. และ  กสทช.ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อร่วมสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับเครือข่ายทางการศึกษาแห่งชาติ NEdNet ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับการเรียนการสอนและการวิจัยของประเทศ โดยจะบูรณาการทรัพยากรโทรคมนาคมและระบบสื่อสารความเร็วสูง ดึงศักยภาพการใช้งานของทั้ง 3 หน่วยงานเข้าด้วยกัน คือ NEdNet, USO ของ กสทช.และ UniNet ของ อว. โดยจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศ โครงข่าย การเข้าถึงแหล่งข้อมูล และการบริการโทรคมนาคมมาใช้เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการศึกษา การเรียนรู้ และการวิจัยของประเทศ มุ่งที่จะใช้ทรัพยากรโทรคมนาคมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้เครือข่ายการศึกษาแห่งชาติเป็นเครือข่ายที่มีความเร็วสูง เสถียร ครอบคลุมการใช้งานของโรงเรียน และสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งการเรียนการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเอื้อประโยชน์แก่อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาในการศึกษาค้นคว้าวิจัย โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย UniNet ของ อว. ไปยังสถาบันอุดมศึกษาและแหล่งค้นคว้า แหล่งสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมถึงฐานข้อมูลทางวิชาการและเครือข่ายห้องสมุดได้ทั่วโลก

ปลัด อว. กล่าวต่อไปว่า อว.ได้มีส่วนร่วมในการประชุมหารือจัดทำแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2565-2569) ร่วมกับ กสทช. โดยมุ่งหวังให้การให้บริการโครงข่าย และบริการอินเทอร์เน็ตเข้าถึงประชาชนและหน่วยงานภาครัฐในชนบทห่างไกลและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้งานในชนบทอย่างแท้จริง จากการหารือทุกฝ่ายต่างตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาปรับปรุงเครือข่ายทางการศึกษาแห่งชาติ NEdNet ร่วมกัน โดยใช้ USO ของ กสทช. และ UniNet ของ อว. เข้าร่วม โดยมีระยะเวลาการร่วมมือของ 3 หน่วยงาน 5 ปี ซึ่งสอดรับกับการดำเนินงานของแผนฉบับที่ 3 และจะมีการพัฒนาการดำเนินการตลอดเวลาเพื่อให้ทันต่อการพัฒนาอย่างพลิกผันทางเทคโนโลยีของโลก.

ศธ.บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 เนื่องในวันคล้าย “วันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ”

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันคล้าย “วันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ครบรอบ 110 ปี” โดยมี ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการบริหารลูกเสือ บุคลากรลูกเสือ และเจ้าหน้าที่  เข้าร่วมพิธี ณ บริเวณสนามหญ้า หน้าอาคารราชวัลลภ

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวรายงานว่า สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดพิธีบวงสรวงเนื่องในวันคล้าย วันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2564 ขึ้น เป็นปีแรก เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เมื่อครั้งพระองค์เสด็จกลับมาจากประเทศอังกฤษ พ.ศ.2454 ทรงวางรากฐานของการพัฒนาเด็ก เยาวชนไทย ด้วยกระบวนการและวิธีการทางลูกเสือ เพื่อให้มีความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จวบจนกระทั่งถึงวันนี้ ครบ 110 ปีเต็ม

โดยพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ ประกอบด้วย พิธีบวงสรวงเครื่องสังเวย  พิธีถวายราชสดุดี และพิธีทบทวนคำปฏิญาณ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามตามอัธยาศัย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและบุคลากรทางการศึกษา ผู้กำกับลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสือ

 

“ครูกัลยา” เวิร์กช็อปครูแกนนำ-ศึกษานิเทศก์ลงทุกพื้นที่ เดินหน้านโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน”

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจการขับเคลื่อนนโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน” เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับนานาชาติ ผ่านระบบออนไลน์ โดยมี ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)  นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการ กพฐ.  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต ผู้อำนวยการสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบงานภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การวัดและประเมินผล รวมถึงครูผู้สอนภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการจะขับเคลื่อนและส่งเสริมและพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมผู้เรียนให้มีการพัฒนาทักษะไปสู่ศตวรรษที่ 21 และการเตรียมความพร้อมการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล ปี 2564 (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) โดยตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้ เพื่อให้นักเรียน ชั้น ป. 1-3 ทุกคน อ่านออกเขียนได้ นักเรียน ชั้น ป.  4-5 อ่านคล่องเขียนคล่อง และนักเรียน ชั้น ม. 1-6 มีสมรรถนะการอ่านขั้นสูง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและขับเคลื่อนการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการใช้ภาษาไทยที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ตลอดจนการนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพต่อไป

สำหรับการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน” เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับนานาชาติ แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ คือ  ระยะที่ 1 การประชุมสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจ ในการขับเคลื่อนนโยบาย และการอบรมวิทยากรแกนนำ  ระยะที่ 2 การอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับครูผู้สอนทุกโรงเรียน และ  ระยะที่ 3 การขยายผลสู่ครูผู้สอนทุกคนในโรงเรียน และติดตามการนำองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ

“อย่างไรก็ตามครูและนักเรียน ควรจะนำข้อสอบปีก่อน มาลองทำก่อน และสังเกตนักเรียนและครูมีความเข้าใจข้อสอบหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ทั้งนี้การพัฒนาครู เพื่อให้ครูนำไปสอนเด็กให้คิดอ่านได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่การอ่านเพื่อนำไปสอบเหมือนที่ผ่านมา  และไม่เฉพาะครูสังกัด สพฐ.เท่านั้น แต่จะพัฒนาความรู้ครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสังกัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ด้วย ถ้าเราสามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กด้านการอ่าน โดยส่งเสริมให้เด็กอ่านรู้เรื่อง ตีความได้ ก็จะทำให้เด็กสามารถเรียนวิชาอื่นได้ดี ซึ่งจะทำให้เห็นว่าเด็กไทยมีศักยภาพ มีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว

“ครูโอ๊ะ” จับมือ “หมอเดว” สร้างระบบดูแลสุขภาพจิตในสถานศึกษา รับฟังสะท้อนปัญหาด้วย 3 คำถาม ลดภาวะตึงเครียดของเด็ก

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมหารือการจัดระบบดูแลสุขภาพจิตผู้เรียน (Learning support) ในสถานศึกษา ร่วมกับ ดร.กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ ดร.พะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศึกษาธิการ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย(กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดย ดร.กนกวรรณ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการหารือการจัดระบบดูแลสุขภาพจิตผู้เรียน เพื่อนำไปสู่การทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน) เพื่อขับเคลื่อนการดูแลลูกหลานนักเรียน นักศึกษา และผู้เรียน ด้วยเทคนิคการสะท้อนคิด (Reflection) โดยใช้ “อาข่าโมเดล”  กรณีศึกษาดอยตุง (Home room) เพื่อรับฟังเสียงผู้เรียนของเรา ด้วยคำถาม 3 คำถาม ประกอบด้วย รู้สึกอย่างไร เรียนรู้อะไร และทำอย่างไรต่อ ซึ่งมีโรงเรียนที่นำไปใช้จนประสบความสำเร็จแล้ว เช่น โรงเรียนมารีย์อนุสรณ์ จ.บุรีรัมย์ โรงเรียนบ้านตะโกล่าง จ.ราชบุรี  เป็นต้น

“ความร่วมมือครั้งนี้ สอดคล้องกับงานของสำนักงาน กศน. ที่กระจายอยู่ในชุมชนทั่วประเทศ และการพัฒนาศูนย์ Active center ที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่นักศึกษาในเรื่องต่าง ๆ ต่อยอดไปสู่ศูนย์เรียนรู้ My care system  เพื่อดูแลและรับฟังนักศึกษา จัดให้มีระบบคัดกรอง ระบบการส่งต่อ ระบบการบริหารจัดการ การพูดคุยและการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักศึกษา กศน. ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นแต่เรื่องความฉลาดทางด้านสติปัญญา (Intelligence Quotient :IQ ) เท่านั้น แต่จะมุ่งพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient: EQ) ด้วย พร้อม ๆ กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สนับสนุนส่งเสริมลงสู่ระดับชุมชน เพื่อสร้างรูปแบบคุณธรรมจากแนวคิดการสะท้อนคิด จากครอบครัว ชุมชน และสังคมไปพร้อมกัน”รมช.ศึกษาธิการกล่าว

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการที่ให้โอกาสในการร่วมแก้วิกฤติให้กลายเป็นโอกาส โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แม้แต่ผู้ปกครอง ครู และตัวเด็กเอง ก็มีภาวะตึงเครียด ดังนั้น การนำเทคนิคการสะท้อนคิดดังกล่าว ด้วยคำถามเพียง 3 คำถาม ซึ่งเป็นเทคนิคที่สามารถปรับใช้ในสถานศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งครอบครัวและชุมชน โดยเทคนิคการสะท้อนคิดจาก 3 คำถาม ทำให้เราสามารถถอดรหัสความรู้สึกนึกคิดของเด็ก เป็นกระบวนการลดความตึงเครียดระหว่างกัน เริ่มจากการค้นหาจุดที่มีปัญหา เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายสภาวะความตึงเครียด โดยสามารถใช้ในครอบครัว และในสถานศึกษา ด้วยวิธีโฮมรูม เพื่อรับฟังเสียงสะท้อน แทนการให้ข้อมูล และจะทำให้เราได้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ การได้รับอารมณ์และความรู้สึกของเด็กทั้งห้อง หรือแม้แต่พ่อแม่ ผู้ปกครองเอง ก็สามารถใช้คำถามเพื่อรับฟังความคิดของบุตรหลานได้เช่นกัน

ผอ.ศูนย์คุณธรรมฯ กล่าวว่า มีตัวอย่างโรงเรียนคุณธรรมที่ประสบความสำเร็จแล้ว 2-3 แห่ง ที่นำเทคนิคการสะท้อนคิดไปใช้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระบบ ดังนั้น หากสำนักงาน กศน. จะนำไปใช้ ก็จะเกิดเป็นศูนย์เซ็นเตอร์ (Center) ที่สามารถเกื้อกูลกันด้วยความเข้าใจ เชื่อมโยงสู่คนในชุมชนตามบทบาทของ กศน. พัฒนาไปสู่ระบบธนาคารจิตอาสา ที่มีระบบบริหารจัดการ การบริการ มีระบบส่งต่อ ตลอดจนเป็นพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา ของครูหรือบุคลากรที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเปิดใจคุยกันระหว่างผู้เรียนและพี่เลี้ยง ซึ่งจะเป็นบันไดก้าวแรกในการยกระดับกศน.เป็นองค์กรแห่งคุณธรรมได้ในที่สุด

“สำหรับที่มาของเทคนิค 3 คำถาม เกิดจากการถอดบทเรียนชาวอาข่า บนดอยตุง ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ขาดโอกาสในการเรียนหนังสือ แต่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข จึงถือว่าเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะในสถานกาณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นนี้ ซึ่งยังต้องเรียนรู้ผ่านออนไลน์ อาข่าโมเดลจึงเป็นอีกทางออก ที่จะช่วยลดภาวะความตึงเครียด เพราะทำให้เรารู้สาเหตุ และใช้ความเป็นจิตอาสาในการแก้ปัญหาให้กันและกันต่อไป”รศ.นพ.สุริยเดวกล่าว

 

ตั้งไพบูลย์ เสียงก้อง นั่งประธานคัดเลือกบริหารต้น

ตั้งไพบูลย์ เสียงก้อง นั่งประธานคัดเลือกบริหารต้น

การแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ณ เวลานี้ ร้ายแรงยิ่งกว่าที่ผ่าน ๆ มา ทำให้การบริหารประเทศของหน่วยงานต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก ทั้งเศรษฐกิจ คมนาคม การท่องเที่ยว และการศึกษา ซึ่งทุกหน่วยงานต้องมาระดมความคิดเห็นปรับการบริหารจัดการกันใหม่ โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ เด็กต้องได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ก็ขอเป็นกำลังใจ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ต้องทำงานหนัก เพราะต้องดูแลการศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กหลายล้านคน<<< ฝากอีกเรื่อง สพฐ.ประกาศเลื่อนสอบครูผู้ช่วยไปเป็นวันที่ 28-29 สิงหาคม ขอให้ผู้สมัครสอบบรรจุครูมองในทางที่ดีว่าเรายังมีเวลาดูหนังสืออีกนะจ้ะ..<<<ใกล้เริ่มดำเนินการแล้ว สำหรับการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น 15 ตำแหน่ง เพราะสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.)ได้รับรองตำแหน่งประธานกรรมการสรรหาตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้ ไพบูลย์ เสียงก้อง มือกฎหมายระดับพระกาฬ นั่งเป็นประธาน แทนกรรมการชุดเดิมไปเรียบร้อยแล้ว…ในยุค สุภัทร จำปาทอง นั่งตำแหน่งปลัดศธ.ความยุติธรรม โปร่งใสก็น่าจะมีให้เห็นอยู่น่า…โผรายชื่อออกมาก็จะได้รู้ว่าใครเป็นใครนั่งบริหารระดับต้นก็คงรู้กัน อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้กันน่อ…เพราะหลังจากการสรรหาตำแหน่งบริหารระดับต้นแล้ว จะต้องดำเนินการกำหนดตำแหน่งบริหารสูงตามมาติด ๆ…เด้อคร่า<<<เปิดรายชื่อกันไปแล้วสำหรับวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะ(CVM)25 แห่ง ตามนโยบาย ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หวังว่างานนี้จะพัฒนาการอาชีวศึกษาได้จริง ๆ <<<

ศธ.พบข้าราชการ พนักงาน ติดโควิดรวม 50 ราย สั่งกักตัวแล้ว

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2564 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการ (ศบค.ศธ.) และโฆษก ศธ. เปิดเผยว่า จากข้อมูลวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. มีข้าราชการ เพศหญิง ตำแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายในปฏิบัติการ กลุ่มตรวจสอบภายใน (ตสน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากสามี ตสน.จึงเห็นสมควรให้บุคลากรที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงดำเนินการ ดังนี้ 1.ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ให้ไปตรวจคัดกรองโควิด-19 และให้ Work From Home 14 วัน และสังเกตอาการ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน-12 กรกฎาคม 2.ผู้ที่ปฏิบัติงานห้องเดียวกับผู้ติดเชื้อในห้อง ตสน.ชั้น 8 และบุคลากร ตสน.ชั้น 7 ที่ผู้ติดเชื้อได้มาหารืองานด้วย ให้ Work From Home 14 วัน และสังเกตอาการ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน-12 กรกฎาคม ในการนี้ สพฐ.จะดำเนินการฆ่าเชื้อที่อาคาร สพฐ.2 ห้อง ตสน.ชั้น 7 และชั้น 8 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยในระหว่างนี้บุคลากร ตสน.จะ Work From Home ในวันที่ 29-30 มิถุนายน

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ศบค.ศธ.ได้สรุปข้อมูลพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ทำงานใน ศธ.รวมทั้งสิ้น 50 ราย แบ่งเป็น เพศหญิง 36 ราย เพศชาย 14 ราย แยกเป็นสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 9 ราย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) 11 ราย สพฐ.8 ราย กองทุนสงเคราะห์ ศธ.9 ราย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามตามอัธยาศัย (กศน.) 3 ราย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) 6 ราย สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 1 ราย สถาบันวิทยาลัยชุมชน 1 ราย และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 2 ราย

สอศ.เปิดชื่อวิทยาลัยอาชีวศึกษา25แห่งเป็นศูนย์CVMเป็นเครือข่ายผลิตพัฒนากำลังคนอาชีวะ 

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการขับเคลื่อนดำเนินงานศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา หรือ Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM ประจำปีงบประมาณ 2564 ทั้ง 25 ศูนย์  โดยศูนย์เครือข่าย CVM ทั้ง 25 ศูนย์ จะดำเนินการโดยการจัดกลุ่ม จำแนกตามสาขาวิชาที่เปิดสอน ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ได้คัดเลือกสถานศึกษากลุ่มความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับกลุ่มอาชีพ ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนาประเทศ

เลขาธิการกอศ.กล่าวต่อไปว่า ศูนย์ CVM ทั้ง 25 แห่ง จะมีสาขาวิชา ดังนี้   1. สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา 2. สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล (สาขางานเทคนิคซ่อมตัวถังและสีรถยนต์) วิทยาลัยการอาชีพไชยา 3. สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม 4. สาขาวิชาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคนครนายก 5. สาขาวิชาการท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย  6.สาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต 7. สาขาวิชาการจัดประชุมและนิทรรศการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น 8. สาขาวิชาพืชศาสตร์  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี 9. สาขาวิชาสัตวศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสงขลา 10. สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา 11. สาขาวิชาเมคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ 12. สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี 13. สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกลเรือ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช 14. สาขาวิชาช่างอากาศยาน  วิทยาลัยเทคนิคถลาง 15.สาขาวิชาเทคนิคควบคุมและซ่อมบำรุงระบบขนส่งทางราง วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี 16. สาขาวิชาปิโตรเคมี วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด 17. สาขาอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า  วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการ กฟผ.แม่เมาะ 18. สาขาเทคนิคพลังงานทดแทน วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ 19. สาขาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล  วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี 20. สาขาวิชาช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว 21. สาขาเครื่องประดับอัญมณี กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง 22. สาขาวิชาธุรกิจค้าปลีก วิทยาลัยพณิชยการบางนา 23. สาขาวิชาเทคนิคเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม 24. สาขาเทคนิคโลหะ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ และ 25. สาขาวิชาเทคโนโลยีความงาม วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ

“ศูนย์เครือข่าย CVM 25  แห่งดังกล่าว จะดำเนินการพัฒนาผู้เรียน ในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักเป้าหมายของประเทศ ทั้ง 5 กลุ่มอุตสาหกรรม (First S-Curve)คือ อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต (Next-Generation Automotive) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Intelligent Electronics)  การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพระดับสูง (Advance Agriculture and Biotechnology) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food processing)  อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Tourism)   และ 5 อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และชีวิตประจำวัน (Advance Robotics)   อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)  อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemical)  อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital)  ยกเว้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)”ดร.สุเทพ กล่าว