กศน.ศรีสะเกษ ลุยสอนออนไลน์เต็มระบบ ลดเรียนแบบพบกลุ่ม พร้อมหนุนขยายผลปลูกสมุนไพรต้านภัยโควิด

นายวุฒิพล ทับธานี ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ กศน.อำเภอปรางค์กู่ ติดตามการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ NFE-LMS โดยมีการนำเสนอการจัดการชุดการสอนในห้องเรียนออนไลน์ ในระดับตำบลแยกตามครูผู้สอน แสดงรายงานการเข้าใช้งานชุดการสอนของนักศึกษา ซึ่งพบว่าเริ่มมีการเข้าเรียนออนไลน์แล้ว และครูสามารถเข้าใช้งานระบบได้เป็นอย่างดี

“ผมได้ให้คำแนะนำครูในการติดตามนักศึกษาเพื่อเข้าเรียนออนไลน์อย่างเต็มระบบ โดยให้ครูลงพื้นที่เข้าถึงนักศึกษา สร้างความใกล้ชิดและแนะนำวิธีการเข้าเรียนออนไลน์ให้แก่นักศึกษา ลดการจัดการเรียนการสอนแบบพบกลุ่มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการเรียนแบบทางไกลของนักศึกษาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ด้วย” ผอ.กศน.จังหวัดศรีสะเกษกล่าวและว่า นอกจากนี้ตนยังได้ลงพื้นที่ กศน.ตำบลสำโรงปราสาท เพื่อติดตามการขยายผลการปลูกพืชสมุนไพรต้านภัยโควิด ซึ่งมีการปลูกกระชายและการสาธิตการนำกระชายมาทำน้ำดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ที่สามารถสร้างเป็นอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ได้ด้วย

ศธ.รับมือโควิดระลอกใหม่ ปรับเกณฑ์ประเมินผลนักเรียน ยกเลิกกิจกรรมรวมตัวทั้งหมด ครูต้องให้การบ้านลดลง มอบก.ค.ศ.ปรับระบบฝึกประสบการณ์นักศึกษาครู

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลัก ของ ศธ. เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่ง ศธ.ได้ออกแบบการเรียนรู้ไว้ 5 รูปแบบ คือ On-site,On-air, On-demand,Online และ On-hand  แต่ก็ไม่สามารถทำให้เด็กได้ความรู้อย่างเต็มที่ เหมือนกับเรียนในสถานการณ์ปกติ จึงมีข้อสรุปว่า จะการวัดและประเมินผลนักเรียนใหม่ โดยจะปรับตัวชี้วัดต้องรู้ ควรรู้และน่าจะรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ให้เหลือแค่ตัวชี้วัดต้องรู้เท่านั้น ส่วนกิจกรรมที่มีการรวมตัวกัน หรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ก็ให้ยกเลิกทั้งหมด นอกจากนี้ขอให้ครูให้การบ้านเด็กน้อยลง โดยขอให้โรงเรียนและครูมาหารือร่วมกันว่าใน 1 สัปดาห์ เด็กควรจะได้การบ้านมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผู้เรียนไม่เกิดความเครียด ทั้งนี้ การเรียนออนไลน์นี้ต้องยืดหยุ่นเรื่องเวลาเรียนมากขึ้น โดยขอให้ลดการสอนเนื้อหาวิชาการ และเน้นให้เด็กลงมือปฏิบัติ

“ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ศธ.จะออกแนวปฏิบัติเรื่องการวัดและประเมินผล ที่เป็นมาตรฐานกลาง เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ไปปรับใช้ตามบริบทของพื้นที่ โดยสถานศึกษาจะเป็นผู้คัดเลือกว่าสิ่งไหนจำเป็น สิ่งไหนเด็กควรรู้” น.ส.ตรีนุช กล่าวและว่า เมื่อมีการประเมินและปรับตัวชี้วัดใหม่แล้ว การวัดและประเมินผลครู ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับไปในทิศทางเดียวกันด้วย  ซึ่งตนได้มอบหมายให้ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปปรับการวัดและประเมินครูใหม่ รวมทั้งปรับระบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับนักศึกษา ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ด้วย เพราะปัจจุบันนักศึกษาครูไม่สามารถฝึกปฏิบัติการสอนในโรงเรียนได้ โดยอาจจะปรับแก้หลักเกณฑ์ให้นักศึกษาเข้ามาช่วยสอนนักเรียนในชุมชน เป็นต้น ซึ่งทาง ก.ค.ศ.จะหารือกับ สภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ทปคศ.) และคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ต่อไป

“อัมพร”เซ็นคำสั่งให้ออกกรณีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ สพฐ.รับเงินใต้โต๊ะ

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2564 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)ให้สัมภาษณ์กรณี กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)ได้จับกุม วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ชองสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)รับเงินจากผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จำนวน 120,000 บาท เพื่อให้งานผ่าน นั้น เรื่องนี้ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ คนดังกล่าวออกจากราชการไว้แล้ว เพราะถือว่าทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าวิศวกรผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวรับเงินจริงตามหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและเสียงในการสนทนา

“ผมได้ถาม นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วว่า วิศวกรผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าว เป็นผู้ออกแบบอาคารเรียนของ สพฐ.และไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ทำกันมานานหรือยัง แต่เมื่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จับกุมและมีหลักฐานชัดเจนแบบนี้ ก็ต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อให้ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป

สพฐ.สั่งเขตพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด19 ติดตามแรงงานกลับภูมิลำเนาใกล้สถานศึกษา วางมาตรการป้องกันอย่างเข้ม

สพฐ. มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ให้สถานศึกษาติดตามการเคลื่อนย้ายของคนงานที่กลับภูมิลำเนาที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ขอให้ดำเนินการในเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งในโรงเรียนและในพื้นที่ใกล้เคียง

สอศ.แจงไม่ปิดกั้นผู้จะมาเป็นนายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษา

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจการเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษา ไปยังผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา ทุกแห่งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ควบคู่กับประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาของนายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษา การเสนอชื่อ ผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(บอร์ด.กอศ.)เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2564 ทั้งนี้เพื่อซักซ้อมความเข้าใจว่าการสรรหานายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษาครั้งนี้สามารถสมัครได้ทุกช่องทาง ไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด

ครูโอ๊ะ จับมือ อพวช.นำร่องวิจัย “ปั้นเด็กออทิสติก เป็นอัจฉริยะด้าน วิทยาศาสตร์”

นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผย ว่าภายหลังที่ตนได้เยี่ยมชมกิจกรรม ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองหลวง ปทุมธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้  ทำให้เห็นศักยภาพในการพัฒนาการเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ของ อพวช.ซึ่งได้หารือร่วมกับ ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผอ.อพวช. และ ดร.กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ ถึงแนวทางการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มาพัฒนาเด็กกลุ่มเป้าหมายพิเศษ โดยเฉพาะเด็กออทิสติก ซึ่งสามารถพัฒนาให้มีความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ได้ เพราะที่ผ่านมา เด็กกลุ่มนี้จะพัฒนาในด้านกีฬา ศิลปะ หรือดนตรี เท่านั้น

“ดร.รวิน และคณะ ได้นำเสนอโครงการวิจัยนำร่องแผนการเรียนรู้ตามอัธยาศัยด้าน นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์การคำนวณ เพื่อส่งเสริมทักษะและพัฒนาการคณะบุคคลออทิสติก (The CODDY plan) ขึ้น โดยจะมีการวิจัยนำร่องกลุ่มเป้าหมายนักเรียนออทิสติก เรียนร่วมที่โรงเรียนบางชวดอนุสรณ์ ตำบลคลอง 5 อำเภอคลองหลวง ที่มีอายุระหว่าง 7-12 ปี จำนวน 15 คน เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้สำหรับกิจกรรมจะประกอบด้วย การจัดทำแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคล มีการจัดหลักสูตร 3 หลักสูตร ได้แก่ การสร้างพัฒนาและต่อยอดรวม 27 กิจกรรม ผ่านฐานการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์ของ อพวช. ใช้เวลา 10 เดือน ระหว่างมิถุนายน 2564 -มีนาคม 2565 ซึ่งนอกจากนักวิจัยของ อพวช. จำนวน 5 คน แล้ว ยังจะมีครูผู้สอนของโรงเรียนบางชวดอนุสรณ์ เข้าร่วมกิจกรรมและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกัน อีกจำนวน 5 คนด้วย” รมช.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ตนได้เสนอแนะเพิ่มเติมว่าจะมีการร่วมมือด้านองค์ความรู้และพัฒนากิจกรรมกับสมาคมบุคคลออทิสติกไทยด้วย  โดยจะหารือกับนายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) เพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จและขยายผลในอนาคตต่อไป

เปิดแล้ว ศบค.ศธ. ศูนย์บริหารจัดการโควิดกระทรวงศึกษา

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในการเป็นประธานเปิดศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการ (ศบค.ศธ.) ว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่แพร่ระบาดรุนแรงหลายพื้นที่ในประเทศไทย ศธ. ตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของข้าราชการ บุคลากร และนักเรียน นักศึกษาที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดใหม่ดังกล่าว อีกทั้งเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและลดโอกาสการแพร่ระบาดใหม่ของโควิด-19 ศธ. จึงได้ตั้งศบค.ศธ. ขึ้น โดยศบค.ศธ. เป็นศูนย์ดำเนินการร่วมระหว่างหน่วยงานภายในศธ. เพื่อการบริหารจัดการอำนวยการช่วยเหลือหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับ ศธ.โดย ศบค.ศธ. มีอำนาจหน้าที่ ได้แก่ 1.เฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ประจำวัน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ใช้ในการวางแผนการดำเนินงานควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดใหม่ของโควิด-19 2. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือหน่วยงาน ข้าราชการ บุคลากร และนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดใหม่ของโควิด-19 และ 3. ประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกสังกัดศธ.พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลและเข้าร่วมชี้แจงต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขอให้สถานศึกษาเห็นความสำคัญของเด็ก คือเด็กทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ การจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงความปบอดภัยสูงสุดของทุกคน พร้อมกับติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และต้องดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยศธ. ออกแบบการจัดการเรียนการสอน ให้สถานศึกษาไปปรับใช้ตามบริบทของพื้นที่ 5 รูปแบบ คือOn-site,On-air, On-demand , Online  และ On-hand หากสถานศึกษาแห่งใดพบผู้เรียนติดเชื้อโควิด-19 สถานศึกษาสามารถตัดสินใจหยุดทำการเรียนการสอนในห้องเรียนหรือปิดสถานศึกษาได้ โดยสถานศึกษาสามารถปรับการเรียนการสอนรูปแบบอื่นได้คุณหญิงกัลยากล่าว

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ศบค.ศธ. ได้ดำเนินงานมาแล้ว1 เดือน ซึ่งที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ 1.ระบบรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของกระทรวงศึกษาธิการ MOE COVID โดยให้หน่วยงานในสังกัด ศธ. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ของสถานศึกษาในสังกัดทุกวัน โดยมีข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อ ข้อมูลการฉีดวัคซีน และข้อมูลการจัดการเรียนการสอน และ 2. เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรของ ศธ. ซึ่งขณะนี้มีครูได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 186,385 ราย และบุคลากร47,473 ราย รวมทั้งสิ้น 233,858 ราย สำหรับยอดผู้ติดเชื้อในสังกัด ศธ.ข้อมูลตั้งแต่เดือนเมษายน – 24 มิถุนายน แบ่งเป็น นักเรียน 2,214 คน ครู 520 คน และบุคลากรทางการศึกษา 149 คน

กศน.กลุ่มสามเหลี่ยมมรกตเดินหน้าประกวดขยายผลโครงการจิตอาสา

นายวุฒิพล ทับธานี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(สำนักงาน กศน.)จังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะประธานกลุ่มสำนักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มสามเหลี่ยมมรกต ประกอบด้วย สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และสำนักงานกศน.จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน กศน.ได้น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานพัฒนาการศึกษาของกศน.โดยมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง,มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม,มีงานทำ มีอาชีพ,และเป็นพลเมืองที่ดี นั้น

วันนี้ สำนักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มสามเหลี่ยมมรกต ได้ขยายผลประกวดโครงการจิตอาสา ประจำปี 2564 ได้แก่ 1.ประกวดชุมชนจิตอาสาดีเด่น เน้นทำได้จริงและขยายผล โดยนำความรู้มาส่งเสริม ขยายผลให้ชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ ผลการดำเนินงานเป็นที่ประจักษ์ มีกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ มีจิตสาธารณะ นำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาจัดกิจกรรม รวมทั้งงานด้านจิตอาสา มีการดำเนินงานด้านจิตอาสา และสามารถเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการจิตอาสาชุมชน

2.ประกวดผู้นำชุมชนจิตอาสาดีเด่น เน้นการกระตุ้นให้ประชาชนรู้จักช่วยตนเอง และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านของตน ริเริ่มและสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนา ช่วยเหลือ สนับสนุน การดำเนินงานตามแผนงานโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้าน ประสานงานระหว่างองค์กรประชาชนกับหน่วยงาน รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่เวทีประชาคม คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล หรือทางราชการมอบหมาย

และ3.ประกวดแข่งขันขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์  (กศน.ชาเลนจ์) ประจำปี 2564 เพื่อคัดเลือกตัวแทนกลุ่มไปแข่งขันระดับภาคต่อไป อย่างไรก็ตาม กิจกรรมในครั้งนี้ จะทำให้บุคลากร นักศึกษาและประชาชน กล้าแสดงออก มีจิตสาธารณะที่พร้อมจะเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม

“ครูโอ๊ะ”ส่งดร.กมลวางแผนการทำงานหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ดร .กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ มอบหมายให้ ดร. กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ ประชุมหารือร่วมกับ ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และคณะผู้บริหาร จาก องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)เพื่อกำหนดเเผนงานในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ในกรณีที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยการจัด 2 กิจกรรมหลัก  คือ

1.การจัดนิทรรศการเคลื่อนที่ นำนิทรรศการขนาดใหญ่ไปติดตั้งเพื่อแสดง 6 เดือนถึง 1 ปี ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาปัตตานี (เล่น เรียน รู้ ของเล่นภูมิปัญญาไทย)ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส (puzzing things)ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพิษณุโลก (ธรรมชาติบันดาลใจ สมันตัวสุดท้าย)ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขอนเเก่น (สนุกกับอาชีพวิทย์)ก่อนจะขยายผลไปยัง ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระเเก้ว นครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆในโอกาสต่อไป

2.จัดกิจกรรมคาราวานวิทยาศาสตร์เป็นรถเทลเล่อร์ขนาดใหญ่สีเเดงเคลื่อนที่ไปจัดแสดง ณ หอประชุมขนาดใหญ่ของสถานศึกษาหรือหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้ เเละสร้างเเรงบันดาลใจให้กับเด็กๆและเยาวชน รวมทั้งจัดอบรมพัฒนาครูสอนวิทยาศาสตร์ 3 วัน ช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ณ จังหวัด นครสวรรค์ พะเยา น่าน นครพนม ปราจีนบุรี กาญจนบุรีเกาะสมุย ภูเก็ต ในโอกาสต่อไป

อาชีวศึกษาเกษตร จับมือ เค ฟาร์ม คอฟฟี่ พัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้นักเรียน นักศึกษา

วันนี้ (22 มิ.ย.64) ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานความร่วมมือระหว่างสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ทั้ง 4 ภาค กับ บริษัท เค ฟาร์ม คอฟฟี่ จำกัด โดยมี นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ โดย ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า การพัฒนาอาชีวศึกษา จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากสถานประกอบการ หน่วยงาน หรือองค์กรวิชาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามามีบทบาทในการสร้างคนคุณภาพ และมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความร่วมมือจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะนำพาให้การจัดการอาชีวศึกษาบรรลุสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ในอนาคต ซึ่งเกษตร เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ล้วนเริ่มต้นจากเกษตรทั้งสิ้น และในช่วงวิกฤตโรคระบาด โควิด-19 ทุกอาชีพได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่อาชีพที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คืออาชีพด้านเกษตร


รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัจจุบันกาแฟ เป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เพราะมีความเป็นอัตลักษณ์ที่ตอบโจทย์คนทั่วโลก และเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ดี การที่ผู้เรียนอาชีวศึกษาจะได้รับการพัฒนา ในเรื่องดังกล่าวถือว่าเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน การพัฒนากำลังอาชีวศึกษาด้านเกษตรที่จะทำให้ผู้เรียนมีสมรรถนะอย่างมีคุณภาพ จำเป็นจะต้องได้รับองค์รู้และทักษะจากผู้เชี่ยวชาญในอาชีพที่จะมาบ่มเพาะให้ผู้เรียนจบมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีคุณลักษณะเฉพาะเป็นที่ต้องการของภาคประกอบการ และที่สำคัญสามารถประกอบอาชีพได้ทันที ทั้งอาชีพอิสระ หรือเข้าสู่ตลาดงาน

นายมณฑล  กล่าวว่า สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ทั้ง 4 ภาค ร่วมกับ บริษัท เค ฟาร์ม คอฟฟี่ จำกัด เพื่อเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรธุรกิจกาแฟครบวงจร ให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ได้ฝึกประสบการณ์อาชีพกับผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีความพร้อมในการออกไปประกอบอาชีพ และได้ประสบการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากตำราเรียนหรือห้องเรียน ทั้งนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ มีระยะช่วงปี 2564-2567

ด้าน นายเทิดศักดิ์ วิไลเกษม ประธานกรรมการบริหารบริษัท เค ฟาร์ม คอฟฟี่ จำกัด กล่าวว่า กาแฟ เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สามารถปลูกและสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ในทุกๆ ขั้นตอนของการแปรรูปและการผลิตแบบครบวงจร อันจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง บริษัท เค ฟาร์ม คอฟฟี่ จำกัด เป็นผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟที่มีความรู้ ความสามารถประสบการณ์ การปลูกการดูแล การบำรุงรักษา การแปรรูปการจำหน่าย และการจัดการธุรกิจกาแฟครบวงจร ซึ่งจะสร้างพื้นฐานอาชีพต่อนักเรียน นักศึกษา เพื่อเปิดโอกาสการให้มีอาชีพ สร้างรายได้ และมีความมั่นคงพื้นฐานในชีวิตและครอบครัว