รัฐมนตรี อว.นำทีมตรวจเยี่ยมสนามฉีดวัคซีน

รมว.อว. นำทีมตรวจเยี่ยมหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด -19 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยเป็นการใช้ระบบการฉีดวัคซีนในรูปแบบใหม่ ให้ผู้เข้ารับบริการนั่งอยู่กับที่ มีพยาบาลเป็นผู้เดินฉีด และแพทย์เป็นผู้กำกับอย่างใกล้ชิด ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงทั้งฉีดรวมทั้งสังเกตุอาการ “เอนก” ให้กำลังใจบุคลากรสร้างความเชื่อมั่นในการรับวัคซีน 

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) พร้อม ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว.และคณะผู้บริหาร อว.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยจุดแรกตรวจเยี่ยมบริเวณอาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ มก. ซึ่งให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 แก่ บุคลากร มก. บางเขน นิสิต มก. และประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ตอนเหนือ มี ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้การต้อนรับและกล่าวว่า หน่วยบริการของ มก.พัฒนาขึ้นโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ฉีดได้เป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง สามารถดำเนินการได้ในภาคสนาม นอกโรงพยาบาลที่มีขนาดของพื้นที่และอุปกรณ์สารสนเทศที่จำกัด และใช้เจ้าหน้าที่จำนวนน้อย โดยนำมาทด ลองใช้กับ มก.เป็นแห่งแรก   มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ บุคลากร นิสิต ประชาชน ประมาณ 120,000 คน และจะต้องให้เสร็จสิ้น ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา  จากนั้น ศ.ดร.เอนก และคณะ เดินทางไปยังจุดบริการวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  บริเวณ CAT Convention Hall มี นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้การต้อนรับพร้อมทั้งรับฟังสรุปข้อมูลการเตรียมการและความพร้อมในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 และได้ให้กำลังใจบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการวัคซีน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้แก่หน่วย บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 ด้วย

ศ.ดร.เอนก กล่าวต่อไปว่า การมาตรวจเยี่ยมหน่วยบริการทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้กำลังใจและแสดงความขอบคุณทุกๆฝ่ายที่มาช่วยในการฉีดวัคซีน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นหน่วยฉีดวัคซีน ทั้งในส่วนวัคซีนของกรุงเทพฯ และเป็นหน่วยฉีดส่วนกลางของ อว.ด้วย โดยมีข้อดีในด้านทำเลที่ตั้งในการให้บริการวัคซีนที่มีความสะดวก อยู่ใจกลางเมือง  มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มาช่วยในการใช้บริการวัคซีนจากวิทยาลัย วิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลับจุฬาภรณ์  โดยการฉีดวัคซีนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการใช้ระบบการฉีดวัคซีนในรูปแบบที่ให้ผู้เข้ารับบริการนั่งอยู่กับที่ โดยมีพยาบาลเป็นผู้เดินฉีด และแพทย์เป็นผู้กำกับอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าระบบดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่กำลังทดลองว่าจะมีประสิทธิภาพมากน้อย เพียงใด แต่อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตุการให้บริการพบว่ามีความเป็นระเบียบ เรียบร้อยดี โดยผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจะใช้เวลาในการรับบริการโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมง รวมถึงมีการสังเกตอาการและผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน เมื่อไม่มีอาการผู้เข้ารับบริการก็สามารถเดินทางกลับได้

“ครูแหน่ง”ชมผลงานเด็กอาชีวะทำสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทย ยังมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเกิดจาการแพร่กระจายเชื้อผ่านฝอยละอองเป็นหลัก ซึ่งผู้ที่อยู่ใกล้ชิดอาจติดเชื้อได้ จากการสัมผัสหรือการหายใจ จึงได้มีนโยบายมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) คิดค้นนวัตกรรม ที่ใช้สำหรับ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลสนาม เพื่อลดภาระและลดการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง ของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสอศ.ได้นำผลงานสิ่งประดิษฐ์จากสถานศึกษาในสังกัด จำนวน 6 แห่ง มาจัดแสดง ณ กระทรวงศึกษาธิการ  โดยวิทยาลัยเทคนิคระยอง   นำหุ่นยนต์พ่นหมอกฆ่าเชื้อ เป็นเครื่องทำความชื้นระบบอัลตร้าโซนิคทำงานโดยใช้การสั่นสะเทือนไดอะแฟรมโลหะที่ความถี่ระดับ Ultra Sonic ใช้หลักการเพียโซอิเล็กทริกหรือเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ให้เดินความสั่นด้วยความถี่สูงในน้ำ ทำให้เกิดละอองน้ำขนาดเล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.6 ไมครอน ซึ่งจะระเหยเร็วมากในอากาศ สามารถผลิตหมอกได้ไม่น้อยกว่า 9,000 มิลลิลิตร ต่อชั่วโมง ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 45 โวลต์ แอมแปร์ ควบคุมน้ำเข้าอัตโนมัติ แล้วหยุดการทำงานเมื่อน้ำต่ำกว่าระดับที่กำหนด ด้วยลูกลอย โดยเมื่อหมอกถูกพ่นออกมาเป็นละอองเล็กๆ จะมีพื้นที่ผิวสัมผัสเพิ่มขึ้น จึงเป็นการขยายประสิทธิภาพของน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้เข้าไปจับตัวกับเชื้อโรค ที่ติดมากับเสื้อผ้าหรือร่างกายได้ดีขึ้น อีกทั้งยังลดการระคายเคืองจากน้ำยาฆ่าเชื้อได้ดีขึ้น

รมว.ศึกษาธฺการ กล่าวต่อไปว่า หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคโดยหลอด UV-C จะทำงานโดยการเคลื่อนที่ตามจุดต่างๆ ภายในห้อง ซึ่งเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง หุ่นยนต์จะหลบสิ่งกีดขวางอัตโนมัติ จะมีหลอด UV-C ที่ติดตั้งบนตัวหุ่นยนต์ด้วยรังสีความยาวคลื่น 222 นาโนมิเตอร์ออกมา เพื่อฆ่าเชื้อในอากาศหรือพื้นผิวของห้อง ซึ่งคลื่นรังสีจะปลอดภัยกับมนุษย์ ส่วนรถพ่นหมอกฆ่าเชื้อ สามารถผลิตหมอกได้ไม่น้อยกว่า 18,000 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง โดยเมื่อหมอกถูกพ่นออกมาเป็นละอองเล็กๆ จะมีพื้นที่ผิวสัมผัสเพิ่มขึ้น จึงเป็นการขยายประสิทธิภาพของน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้เข้าไปจับตัวกับเชื้อโรค ที่อยู่ตรมพื้นที่ต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยนวัตกรรมดังกล่าวข้างต้น จะใช้ความสามารถและการพัฒนาของวิทยาลัยอาชีวศึกษา พัฒนาและสร้างสรรค์ โดยใช้งบประมาณน้อยและคุ้มค่า สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็ว และได้ผลคุ้มค่า ซึ่งจะป้องกันการแพร่เชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อย่างดี

นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า ส่วนวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ได้ทำกล่องควบคุมความดันลบ สำหรับผู้ป่วยวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงด้วยแสง UVC ช่วยให้อากาศที่ผู้ป่วยหายใจออกมาจะถูกกรองด้วยแผ่นกรองไฟฟ้าสถิต ที่สามารถกรองไวรัสได้ 99.99% กล่องควบคุมความดันบวก สำหรับแพทย์ ผู้ทำการรักษาผู้ป่วยวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรง ช่วยให้อากาศที่บุคลากรทางการแพทย์หายใจเข้าไปเป็นอากาศบริสุทธิ์ หุ่นยนต์ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับผู้ป่วย ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์แก่คนไข้โดยใช้การบังคับควบคุมทางไกล สามารถสื่อสารผ่านจอที่ติดบนตัวหุ่นยนต์ และยังสามารถวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ป่วยด้วยกล้องอินฟาเรด ทำให้ลดการสัมผัสได้โดยตรง ระหว่างบุคลกรทางการแพทย์ และ ผู้ป่วย

“วิทยาลัยเทคนิคแพร่ ทำหุ่นยนต์ “ช่างใจดี V2” เป็นหุ่นยนต์ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับผู้ป่วย ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์แก่คนไข้โดยใช้การบังคับควบคุมทางไกล สามารถสื่อสารผ่านจอที่ติดบนตัวหุ่นยนต์ เพื่อลดการสัมผัส ระหว่างบุคลกรทางการแพทย์ และ ผู้ป่วย หน้าการป้องกันโควิด-19 แบบแรงดันบวก เป็นหมวกสำหรับสวมใส่ศรีษะ มีพัดลมดูดอากาศจากภายนอกผ่านตัวกรองที่มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันไม่ให้เชื้อโรค เชื้อไวรัส ให้เข้ามาสู่ทางเดินหายใจเข้าสู่ร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน หุ่นยนต์ “ช่างใจดี V3” เพื่อการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ส่วนกลางหรือพื้นที่ในอาคารที่มีการแพร่ระบาด และโดรนสื่อสารและวัดอุณหภูมิความร้อน เพื่อดูแลความปลอดภัยสาธารณะหรือพื้นที่จัดกิจกรรมที่มีการร่วมกลุ่มคน โดยสามารถใช้การกระจายเสียงทางอากาศ และมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ถ่ายภาพความร้อนเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกาย

วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี ทำหุ่นยนต์ส่งอาหารและยาสำหรับผู้ป่วย วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร ทำหุ่นยนต์ส่งอาหารและยาสำหรับผู้ป่วย วิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี ทำหุ่นยนต์ส่งอาหารและยาสำหรับผู้ป่วย ซึ่ง สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เหล่านี้ สามารถใช้งานได้จริง และได้ส่งให้กับโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามใช้แล้ว ซึ่งในอนาคต จะมีการผลิตนวัตกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อให้รองรับกับปริมาณที่โรงพยาบาลต้องการ โดยคาดหวังว่าจะให้นักเรียน นักศึกษา อาชีวศึกษา ช่วยกันคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมให้เข้ากับสถานการณ์ต่อไป”นางสาวตรีนุช กล่าว

 

 

สพร.เผยจำเป็นต้องสอบบรรจุครูช่วงวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2564 ดร.อนันต์ พันนึก ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ(สพร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เปิดเผยว่า ตามที่ สพฐ.ได้กำหนดการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี 2564 ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)กำหนด โดยให้อำนาจคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)กำหนดการรับสมัครได้ ซึ่ง กศจ.ได้ดำเนินการประกาศรับสมัครสอบ โดยผู้สมัครจะสมัครสอบด้วยตัวเอง หรือสมัครสอบทางออนไลน์ก็ได้ ตามความเหมาะ และป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยขณะนี้มี กศจ.ที่มีความประสงค์จะสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย จำนวน 75 กศจ.

ผอ.สพร.กล่าวต่อไปว่า สำหรับปฏิทินการสอบคัดเลือกตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี 2564 มีดังนี้ ประกาศรับสมัคร วันที่ 28 พ.ค. 2564 รับสมัคร วันที่ 4-10 มิถุนายน 2564 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ ภาค.กและภาค.ข วันที่ 28 มิถุนา 2564 ประเมินจากการสอบข้อเขียนภาค.ก ความรู้ความสามารถทั่วไป วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ภาค.ข มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ วันที่ 18 กรกฎาคม 25645  ประกาศรายชื่อผู้ผ่านภาค.ก และภาค.ข เพื่อมีสิทธิ์ทิเข้ารับการประเมินภาค.ค วันที่  30 กรกฎาคม 25646  ประเมินจากการสอบสัมภาษณ์แฟ้มสะสมงาน และการสอบสาธิตการปฎิบัติการสอน ภาค.ค ความเหมาะสมกับตำแหน่งวิชาชีพ และการปฏิบัติงานในสถานศึกษา (ตามวันและเวลาที่ กศจ.กำหนด หรือ อ.ก.ค.ศ..สศศ.กำหนด)แต่ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2564 อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่สพฐ.จะต้องรีบประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วยในครั้งนี้ เพื่อให้ได้ครูครบชั้น แก้ปัญหาขาดแคลนครู และจะขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี ขณะเดียวกันหากหลักเกณฑ์ ว.23 มีการประกาศใช้ ตำแหน่งว่างของครูอาจลดลง เพราะต้องคำนวณตามชั่วโมงสอน

 

สอบเข้าม.1สังกัดสพม.กท.1-2เด็กขาดสอบแห่งละกว่า2,000 คน มีกลุ่มเสี่ยงแยกห้องสอบ19คน

 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ที่ผ่านมา(22 พ.ค.64)ในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 (สพม.กท.1)ซึ่งมีแผนรับนักเรียนในเขตพื้นที่ จำนวน 8,348 คน มาสมัคร 14,592 คน นักเรียนมาเข้าสอบ 11,825 คน ขาดสอบ 2,767 คน และยังมีนักเรียนที่อยู่นกลุ่มเสี่ยงต้องแยกห้องสอบ จำนวน 19 คน สำหรับโรงเรียนในสังกัด สพม.กท.2 มีแผนการรับนักเรียน 20,152 คน สมัครสอบ 22,361 คน ขาดสอบ2,041 คน ทั้งนี้มีนักเรียนที่รับไว้โดยไม่ต้องสอบ จำนวน 8,289 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับสาเหตุที่มีนักเรียนขาดสอบจำนวนมาก เนื่องจากการสอบเข้าเรียนม.1 ม.4 ในสถานการณ์ของการแพร่เชื้อระบาดโควิด-19 นักเรียนได้สมัครสอบทางออนไลน์หลายที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังมีโรงเรียนในสังกัด สพม.กท.1 ประมาณ 40 โรงเรียนยังมีที่นั่งเรียนให้นักเรียน ถ้าไม่เลือกโรงเรียนนักเรียนต้องได้เรียนกันทุกคน

สกศ.เสนอวิธีการรับมือโควิด-19เตรียมฟื้นฟูการศึกษาให้ทันการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 21 ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา(กกศ.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ การศึกษาของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด– 19 ค่อนข้างมาก เพื่อส่งเสริมคุณภาพการเรียนรู้และลดการสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ของผู้เรียน สกศ. จึงขอเสนอแนวทางการรับมือและฟื้นฟูการศึกษาให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลง มีสาระสำคัญ อาทิ เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี เร่งรัดพัฒนาครูและผลิตครูให้มีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล เร่งรัดการพัฒนาหลักสูตร วิธีการเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรม สื่อ และการวัดประเมินผลให้ยืดหยุ่นเหมาะสมกับสถานการณ์วิกฤติ จัดให้มีศูนย์สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาในระดับพื้นที่ และจัดให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เช่น อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค วัคซีน เป็นต้น  ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นแนวทางฟื้นฟูและพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อลดผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ต่อการจัดการศึกษาในด้านคุณภาพผู้เรียน อินเทอร์เน็ต และภาระผู้ปกครอง

“ สกศ.ได้ศึกษาแนวทางของต่างประเทศในการจัดการศึกษาช่วงโควิด-19 พบว่า หลายประเทศจัดทำแพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ พร้อมทั้งการศึกษาทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีที่มี และให้นักเรียน ครู และผู้ปกครองสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้จากทุกที่ เช่น ฟินแลนด์ ได้เปิดให้บริการทรัพยากรทางการศึกษา/แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ต่างๆ โดยครูที่มีชื่อเสียง ฝรั่งเศส ขยายโครงสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ดิจิทัลที่มีอยู่และสนับสนุนให้มีที่ปรึกษาด้านดิจิทัลแก่ครู เกาหลี จัดหาอุปกรณ์ดิจิทัลและค่าอินเทอร์เน็ตให้กับผู้เรียนที่ด้อยโอกาส สหรัฐอเมริกา จัดทำแหล่งข้อมูลและทรัพยากรในการเรียนรู้สำหรับนักการศึกษาและครอบครัว และพบว่าบางประเทศมีการจ้างบุคลากรและอาสาสมัครเพื่อช่วยการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น อังกฤษ สนับสนุนให้โรงเรียนจ้างพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาด้านวิชาการ เพื่อช่วยผู้เรียนให้เรียนทันและเรียนทดแทนในช่วงที่การเรียนรู้ขาดหายไป และ ญี่ปุ่น จ้างครูที่เกษียณ นักศึกษาในมหาวิทยาลัย และคนในชุมชนเข้ามาช่วยในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียน จากการศึกษาแนวทางการดำเนินงานของต่างประเทศ พบว่ามียุทธศาสตร์สำคัญ คือ การระดมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน NGOs ชุมชน ครูเกษียณ และอาสาสมัคร เข้ามาช่วยออกแบบและจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน รวมทั้งร่วมมือพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ สื่อ อุปกรณ์ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน”เลขาธิการ กกศ.กล่าว

ดร.อำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการฟื้นฟูการศึกษาหลังโควิด-19 นั้น OECD ร่วมกับ EI (Education International) ได้เสนอหลักการเพื่อการฟื้นตัวทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกัน เช่น การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ทางไกลที่ออกแบบเพื่อให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงได้ การสนับสนุนครูให้สามารถทำงานได้ในสถานการณ์วิกฤติ การส่งเสริมผู้ปกครองให้ทำงานร่วมกันในการสนับสนุนผู้เรียน การส่งเสริมผู้เรียนให้ตรงตามความต้องการด้านการเรียนรู้ สังคมและอารมณ์ การส่งเสริมให้ครูและผู้เกี่ยวข้องร่วมออกแบบและสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ด้วยดิจิทัล และการส่งเสริมครูให้ได้รับการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวยังชี้ให้เห็นยุทธศาสตร์สนับสนุนการศึกษาในสถานการณ์วิกฤติ อาทิ การมีส่วนร่วมอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน  การจัดบุคลากรและอาสาสมัครเข้ามาช่วยการเรียนรู้ของผู้เรียน  การมีที่ปรึกษาให้แก่ครูในด้านเทคโนโลยีการศึกษา ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการควรระดมความร่วมมืออย่างจริงจังจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวง ภาคเอกชน ภาคประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง และอาสาสมัคร เพื่อระดมพลังและทรัพยากรทางการศึกษาต่าง ๆ ช่วยกันพัฒนาการศึกษายุค New Normal  ให้มีคุณภาพที่ดีทั้งในช่วงสถานการณ์วิกฤติและในอนาคตระยะยาว

“สุภัทร”เผยครูลงทะเบียนฉีดวัคซีนกว่า90%ส่วนขรก.ในศธ.ให้ฉีดที่หอประชุมคุรุสภา

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2564 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนฉีดวัคซีนของครู และบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ.ว่า ขณะนี้ รายชื่อของครูทั้งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)และสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกว่า 90% แล้ว ซึ่ง ศธ.จะรวบรวมรายชื่อครูทั้งหมดส่งไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับจัดสรรวัคซีน ดังนั้นโรงเรียนจะต้องมีการประสานงานกับผู้รับผิดชอบในเรื่องของสถานที่ วันเวลา ที่จะไปรับฉีดวัคซีนด้วย เพราะเมื่อ ศธ.ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรคฯ แล้ว ศธ.ก็จะส่งไปยังเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้ส่งไปยังสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการต่อไป

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับพื้นที่สีแดง 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ครูเหล่านี้จะต้องได้ฉีดวัคซีนทุกคนก่อนเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ส่วนข้าราชการพลเรือน ศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด และข้าราชการที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่ใช่ครู ศธ.ก็ได้รวบรวมรายชื่อแจ้งไปยังศบค.เพื่อส่งไปยังกรมควบคุมโรคฯแล้ว ทั้งนี้จากการหารือเบื้องต้นกับกรมควบคุมโรคฯ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของกรมควบคุมโรคฯมากนัก ศธ.ก็จะวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรเฉพาะข้าราชการใน ศธ.ที่มีอยู่ประมาณ 2,000 คน มาฉีดเอง เพราะ ศธ.มีโรงพยาบาลครูอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว โดยจะใช้หอประชุมคุรุสภาเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน ส่วนข้าราชการที่มีอยู่ทั่วประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะส่งรายชื่อไปจังหวัดนั้น ๆ เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนต่อไป

 

 

 

 

 

 

ก.ค.ศ. ประกาศใช้หลักเกณฑ์การประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะใหม่4สายงาน เริ่มใช้ตุลาคมนี้

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ใหม่) หรือเกณฑ์ PA ทั้ง 4  สายงาน ได้แก่ สายงานการสอน (ว 9/2564)  สายงานบริหารสถานศึกษา (ว 10/2564) สายงานนิเทศการศึกษา (ว 11/2564) และสายงานบริหารการศึกษา(ว 12/2564) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติ โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ใหม่นี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวต่อไปว่า การจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฯทั้ง 4 สายงานนี้ สืบเนื่องจาก ก.ค.ศ. ได้เห็นชอบการกำหนดมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทุกสายงาน ทุกตำแหน่ง และทุกวิทยฐานะ ใหม่ ซึ่งเป็นการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงกับการจัดการศึกษาในปัจจุบัน     และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก จึงเป็นที่มาของการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่ง  และวิทยฐานะใหม่ทั้ง 4 สายงาน โดยที่หลักเกณฑ์ใหม่นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เรียน สถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา ให้ได้มีการพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสูงขึ้นตามระดับวิทยฐานะ และทำให้กระบวนการพัฒนาผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดการศึกษา มีแนวทางในการพัฒนาที่ชัดเจน สามารถนำมากำหนดแผนพัฒนาการนิเทศการศึกษา หรือแผนพัฒนาสถานศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษา      ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

“การกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะเป็นการลดกระบวนการและขั้นตอนโดยนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ (ระบบ Digital Performance Appraisal : DPA) เพื่อเป็นการลดภาระในการจัดทำเอกสารและงบประมาณการประเมิน รวมถึงเกิดการเชื่อมโยง บูรณาการในระบบการประเมินวิทยฐานะ การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือน และการประเมินเพื่อคงวิทยฐานะ ไปในคราวเดียวกัน   ซึ่งจะทำให้ลดความซ้ำซ้อนในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล และเป็นไปตามนโยบาย   ของกระทรวงศึกษาธิการ และหลังจากนี้จนถึงเดือนตุลาคม 2564 สำนักงาน ก.ค.ศ. จะได้มีการสื่อสาร  และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฯ ดังกล่าว ให้กับข้าราชการครู   บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารของสำนักงาน ก.ค.ศ. ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับข้าราชการครู บุคลากรศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลาง  ในการเข้าศึกษารายละเอียดของหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป”ดร.ประวิต กล่าว

“ตรีนุช”โชว์วิสัยทัศน์ ร่วมอภิปรายการจัดการศึกษาเพื่อคนรุ่นใหม่ในเวทีโลก 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้เข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ในการประชุมระดับโลกว่าด้วยการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (UNESCO World Conference on Education for Sustainable Development (ESD) ซึ่งองค์การยูเนสโก ร่วมกับ รัฐบาลสหพันธรัฐเยอรมนี ได้จัดการประชุมขึ้นในรูปแบบทางไกล ถ่ายทอดสดจาก Berlin Congress Center กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยตนได้นำเสนอข้อริเริ่มของไทยด้านการส่งเสริม ESD ผ่านวิดิทัศน์ โดยได้กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในฐานะที่เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ให้บรรลุผลภายในปี 2573 ว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในปัจจุบันและจะเร็วขึ้นไปอีกในอนาคต ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั่วโลกต้องมีพันธกรณีในการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนยังเชิญชวนให้โลกตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้แก่คนรุ่นใหม่ให้มีทักษะที่จำเป็นเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก และประเด็นปัญหาระดับโลกต่างๆ ที่เกิดขึ้น สำหรับประเทศไทย ได้มีการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีความสอดคล้องกับแนวคิดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งปัจจุบัน ประเทศไทยได้พัฒนากิจกรรมนอกหลักสูตร ซึ่งมุ่งเน้นประเด็นปัญหาระดับโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การลดภัยพิบัติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การส่งเสริมสมรรถนะของนักเรียนให้มีความรู้ความเข้าใจแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก และค่านิยมต่างๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

“ การประชุมระดับโลกว่าด้วยการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการประชุมเพื่อสร้างความตระหนักต่อข้อท้าทายของการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนบทบาทสำคัญของการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ESD) ในการส่งเสริมให้เกิดการบรรลุเป้าหมาย SDGs โดยเฉพาะในสภาวะการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และผลักดันการดำเนินการตามกรอบการดำเนินงานด้าน ESD ฉบับใหม่ (The new global framework ESD for 2030 for the period of 2020-2030) รวมถึงแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงาน โดยการให้ข้อตกลงร่วมกันด้านนโยบายการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบแถลงการณ์กรุงเบอร์ลิน (Berlin Declaration)”นางสาวตรีนุช กล่าว

 

 

 

สอศ.ซักซ้อมนโยบาย”ตรีนุช”ถึงการเตรียมความพร้อมเปิดเรียนวันที14 มิ.ย.

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ทั้งภาครัฐและเอกชน ถึงการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนประจำปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ว่า ตนได้นำนโยบาย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ มาซักซ้อมความเข้าใจให้กับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด สอศ.ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ โดยเน้นถึงความปลอดภัยของครู ผู้เรียน ในสถานศึกษา เป็นหลัก ส่วนวิทยาลัยไหนที่อยู่นอกเหนือจากประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ที่จะต้องเรียนระบบออนไลน์เท่านั้น  จะเปิดสอนรูปแบบอื่นก็สามารถทำได้  เพราะการเรียนอาชีวศึกษาส่วนใหญ่เน้นเรื่องการพัฒนาสมรรถนะให้กับผู้เรียน และเน้นการฝึกปฏิบัติ แต่ต้องดำเนินการประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข (ศธ.) ที่มี 44 ข้อโดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือ ศบค.จังหวัด เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียนการสอนได้

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนได้ชี้แจงให้สถานศึกษาทราบว่าหลังจากที่ ศธ.เลื่อนเปิดภาคเรียนไปแล้ว ระยะเวลาก่อนเปิดภาคเรียน สอศ.ได้เตรียมโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับผู้เรียน ครูและประชาชนแล้ว โดยสอศ.จัดโครงการพัฒนาทักษะทางดิจิทัลเพื่อการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา ให้กับครู ผู้เรียน และประชาชน หาความรู้เรื่องต่างๆ เช่น การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ครูพร้อม.com ที่เปิดให้ผู้สนใจหาความรู้ เสริมทักษะของช่วงก่อนเปิดภาคเรียนด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความพร้อมของสถานศึกษา พบว่าสถานศึกษามีความพร้อมที่จะจัดการเรียนการสอนในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ผู้เรียนมีความพร้อมเรียนออนไลน์อย่างมาก เพราะมีสมาร์ทโฟนมากถึง 97% ส่วนผู้เรียนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ให้สถานศึกษาจัดใบงานเรียนทดแทน

“สำหรับการฉีดวัคซีนของครูในสังกัด สอศ. ขณะนี้ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประสานให้ทุกแท่งสำรวจจำนวนบุคลากรที่จะต้องฉีดวัคซีนแล้ว และ สอศ.ได้สำรวจเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งรายชื่อครูทั้งหมดไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้จัดสรรโควตาให้ครูได้รับการฉีดวัคซีนต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้ให้สถานศึกษาประสานกับทางจังหวัดโดยตรง ถ้าสามารถฉีดวัคซีนให้ครูได้ ก็ให้ไปฉีดวัคซีนเลย ไม่ต้องรอโควตาจาก ศธ.”ดร.สุเทพ กล่าว

สพม.กท.1สื่อสารแนวปฏิบัติก่อนเปิดภาคเรียนวันที่14มิ.ย.64ให้ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 ดร.สมใจ วิเศษทักษิณ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต1(ผอ.สพม.กท.1) เปิดเผยว่า ได้สื่อสารสร้างการรับรู้ไปยังประธานกลุ่มโรงเรียน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน ถึงแนวทางปฏิบัติที่จะเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน  เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่ากระทรวงศึกษาธิการ โดย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)มีความห่วงใย พี่ น้อง ครู บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียน  ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของผู้ปกครองนักเรียน ทางสพม.กท.1 จึงถือโอกาสสื่อสารไปถึงพี่ น้อง ครูว่า ก่อนเปิดภาคเรียน เราจะต้องเตรียมความพร้อม ในการขับเคลื่อนความปลอดภัยไปสู่สถานศึกษา ซึ่งโรงเรียนต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมในด้านอาคารสถานที่ ด้าน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้านวัสดุอุปกรณ์ ตลอดทั้งความพร้อมของผู้ปกครอง และนักเรียน

ผอ.สพม.กท.1 กล่าวต่อไปว่า ในมิติความพร้อมของครู โชคดีที่ รมว.ศึกษาธิการได้ลงทะเบียนให้ครู ไปรับบริการฉีดวัคซีนให้แล้วเสร็จก่อนเปิดภาคเรียน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง และความพร้อมของครูอีกมิติหนึ่งคือการเตรียมการที่จะดูแลจัดผู้เรียนเข้าสู่ระบบ จัดเตรียมการสื่อสารสร้างการรับรู้ โดยเฉพาะนักเรียนจะต้องมีการทดสอบระบบก่อนที่จะเปิดเรียนจริง เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงและเข้าใจตรงกันว่า จะทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร รวมถึงการเตรียมความพร้อมทางด้านวัสดุอุปกรณ์  ห้องเรียนจัดสอนออนไลน์ เพราะขณะนี้ ทุกโรงเรียนในกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่สีแดง ที่ผ่านมาเราเห็นภาพความสำเร็จ เห็นภาพความล้มเหลว เห็นปัญหาอุปสรรค ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลนี้เราได้หาวิธีแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักการมีส่วนร่วม เพื่อให้การเรียนการสอนเกิดคุณภาพ

“ขอให้นักเรียนทุกคนประเมินตนเองก่อนที่จะมาโรงเรียนว่าเรามีสถานะกลุ่มเสี่ยงขนาดไหน อย่างไร ทั้งนี้เพื่อสร้างความรับรู้นักเรียนเป็นรายบุคคล  ครูและบุคลากรเองก็เช่นเดียวกันต้องประเมินตัวเองด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน และผู้ปกครอง และผู้ปกครองเองก็ต้องให้ความร่วมมือ ช่วยกำชับลูกหลานที่จะมาโรงเรียนดูแลตัวเองด้วย ถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือใกล้กลุ่มเสี่ยงก็ต้องประเมินตัวเองทุกครั้งก่อนที่จะมาโรงเรียน เพื่อที่เราจะได้คัดกรองแยกกลุ่มดูแลอย่างทั่วถึง เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน”ดร.สมใจ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้ใช้รูปแบบการเรียนหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นเราจะต้องไปคิดร่วมกันว่านักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะต้องออนไลน์ออนไซด์ กี่วัน กี่ชั่วโมง รวมถึงระดับอื่นด้วยก็ต้องวางแผนการเรียนด้วยเช่นกัน และหลังเลิกเรียนก็ต้องปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ศบค.และพื้นที่นั้น ๆ อย่างเคร่งครัด

ผอ.สพม.กท.1 กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบคัดเลือกนักเรียน เรียนต่อม1 ม.4 ในวันที่ 22-23 พ.ค.นี้นั้น เลขาธิการ กพฐ.มีนโยบายชัดเจนว่าให้สอบเฉพาะโรงเรียนที่มีนักเรียนสมัครเกินจำนวนโรงเรียนรับได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนแข่งขันสูง ซึ่งในเขตสพม.กท.1 มีจำนวน  46 โรงเรียน จึงฝากไปถึงผู้บริหารโรงเรียน ครู และบุคลากรทุกท่าน ให้ใช้มาตรการ และให้สร้างการรับรู้ให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ให้ประเมินตนเอง และคัดกรองนักเรียนเป็นรายบุคคล จัดห้องสอบตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด ถ้านักเรียนกลุ่มใดเป็นกลุ่มเสี่ยงให้แยกออกไปสอบอีกจุดหนึ่งที่อยู่ห่างจากนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง หรือหากนักเรียนมีความจำเป็นจริงๆไม่สามารถมาสอบได้ โรงเรียนอาจบริการถึงพื้นที่ที่นักเรียนอยู่ โดยให้ประสานงานกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีนักเรียนอยู่โรงพยาบาล ถ้านักเรียนพร้อมที่จะสอบ ก็ให้เอาแบบทดสอบไปให้นักเรียนสอบได้ ซึ่งการสอบเราสอบไม่นานอยู่แล้ว ทั้งนี้ขอให้อยู่ในดุลพินิจของโรงเรียนอีกครั้ง ส่วนเรื่องการรายงานตัวนักเรียนที่สอบได้ การปฐมนิเทศนักเรียน ก็ขอให้โรงเรียนไปบริหารจัดการ โดยให้ยึดเรื่องความปลอดภัย เป็นสำคัญ