สอศ. เลื่อนวันรายงานตัวการบรรจุและแต่งตั้งครูผู้ช่วย

วันนี้ (16 เม.ย.64) ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ สังกัดสอศ.ลงวันที่ 9 เมษายน 2564 ในการนี้ ให้ผู้ได้รับการคัดเลือกไปรายงานตัวเพื่อแจ้งความจำนงรับการบรรจุ ในวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 และจัดทำทะเบียนประวัติข้าราชการในวันอังคารที่ 20 เมษายน 2564 ณ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบันได้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกระทรวงศึกษาธิการ ตามนัยประกาศกระทรวงศึกษาธิการ

เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า ในการประชุม อ.ก.ค.ศ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ครั้งที่ 5/2564 วันที่ 16 เมษายน 2564 มีมติเลื่อนวันรายงานตัวแจ้งความจำนงเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้ง ออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะคลี่คลาย ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะดำเนินการเรียกรายงานตัวแจ้งความจำนงเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งและการจัดทำทะเบียนประวัติข้าราชการในรูปแบบที่เหมาะสม ก่อนเปิดภาคเรียน 1/2564 โดยจะประกาศกำหนดการให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ทางเว็บไชต์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา http://www.vec.go.th และ http://ipa.vec.go.th ต่อไป

ด่วน! โควิด19 ระบาด เป็นเหตุ สพฐ.สั่งชะลอสอบครูผู้ช่วยออกไปก่อน

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ได้ลงนามในหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ศธ.04009/ว 1913 ถึงศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องชะลอการดำเนินการสรรหาบุคลากร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2564 คือ การสอบข้อเขียน-สัมภาษณ์การคัดเลือกครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ, การคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2), ชะลอการสอบแข่งขันฯ ครูผู้ช่วย สพฐ. ปี 2564 ออกไปก่อน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ที่มา : สพร.สพฐ.
https://personnel.obec.go.th/home/archives/49668

ศธ.ออกประกาศด่วน!งดจัดกิจกรรมทุกชนิดพร้อมขยาย Work from Home ถึง 30 เม.ย.

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564  น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย และขอความร่วมมืองดการจัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น นั้น ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ตนได้สั่งการให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ.  ปรับปรุงประกาศ ศธ.เรื่อง การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยการปรับลดเวลาและวันทำงานของบุคลากรในสังกัด ศธ. ใหม่ โดยให้บุคลากรและหน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ต่อเนื่องจากประกาศฉบับเดิม ตั้งแต่วันที่ 9 – 23 เม.ย.64 ขยายเป็นถึงวันที่ 30 เม.ย. 64 และจัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำงานไม่เกินร้อยละ 10 หรือ ให้ Work from Home จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของบุคลากรทั้งหมด พร้อมทั้งให้ออกแนวทางปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้การทำงานพัฒนาการศึกษาของชาติสะดุด

“ มาตรการที่เน้นย้ำให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น งดการจัดประชุม อบรม สัมมนา ของข้าราชการ นักเรียน และนักศึกษาในสังกัด ศธ. ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.  ถ้าจำเป็นให้ใช้รูปแบบออนไลน์ งดจัดกิจกรรมใดๆ ที่มีการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษา ในช่วงปิดภาคเรียนนี้ ส่วนการดำเนินการรับสมัครนักเรียน นักศึกษา เข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา ทั้งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รวมถึงการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) และ อื่นๆ ทราบว่าแต่ละสังกัด ก็มีการเปิดรับสมัครแบบออนไลน์แล้ว แต่ถ้ามีการรับสมัครในพื้นที่ด้วย หรือ จำเป็นต้องมีการสอบ  การสัมภาษณ์ จะต้องดำเนินการตามมาตรการและขั้นตอนที่เข้มข้นสูงสุด”รมว.ศธ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจริงๆที่ต้องจัดกิจกรรมในระหว่างนี้ ต้องขอความเห็นชอบจากสาธารณสุขในพื้นที่ก่อน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด -19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และขอให้บุคลากรในสังกัด ศธ.ทุกคน ดูแลตัวเองอย่างเข้มงวด หากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือ มีอาการที่อาจจะเข้าข่ายเป็นผู้ติดเชื้อจะต้องแจ้งผู้เกี่ยวข้องทันที รวมทั้งสื่อสารกับนักเรียนและผู้ปกครองให้ตระหนักถึงการดูแลตัวเองด้วย

บุคลากร ศธ.ติดโควิด “ตรีนุช”สั่งยกระดับมาตรการป้องกันเข้มข้นสูง

วันนี้ (11 เม.ย.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  กล่าวถึงกรณีที่มีบุคลากรซึ่งปฏิบัติงานในกระทรวงศึกษาธิการติดเชื้อโควิด-19 ว่า ตนได้สั่งการให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) สั่งการให้บุคลากรคนดังกล่าวพักรักษาตัวจนกว่าจะหายขาด พร้อมตรวจสอบไทม์ไลน์และสั่งให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าใกล้ชิดไปตรวจหาเชื้อแล้ว รวมทั้งทำการกักตัว 14 วันและเฝ้าระวังอาการด้วย ตลอดจนให้ปลัด ศธ. และหัวหน้าส่วนราชการ สามารถใช้ดุลยพินิจสั่งการให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดและมีความเสี่ยงกักตัวและเฝ้าระวังอาการ ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าหากเราร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี และปฏิบัติตามมาตรการที่เข้มข้น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือและทำความสะอาดตนเองทุกครั้งที่มีการสัมผัส ก็จะทำให้เราปลอดเชื้อและห่างไกลจากโรคโควิด-19 ได้

นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กล่าวถึงมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น ว่า ตนได้สั่งการให้ยกระดับมาตรการการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติทางด้านสาธารณสุขที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การปรับลดเวลาและวันทำงานของบุคลากรใน ศธ.ลงเหลือ 25% ของบุคลากรทั้งหมด ส่วนที่เหลือให้ทำงานที่บ้าน (Work From Home ) สำหรับผู้ที่เข้ามาภายใน ศธ. ต้องทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ผ่านการตรวจคัดกรอง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และมีการเว้นระยะห่าง รวมถึงการทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง โต๊ะ เก้าอี้ อาคารสถานที่ ด้วย ส่วนการประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมผ่านทางออนไลน์แทน

 

ยังไม่มีปฏิทินสัมภาษณ์บริหารระดับต้น

หยอก หยอก ประจำวันที่ 9 เมษายน 2564 >>> หลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ ไปแล้ว ตรีนุช เทียนทอง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน ก็รีบเซ็นคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  สั่งและปฎิบัติราชการแทนเรียบร้อยโรงเรียนตรีนุชไปแล้ว โดยการมอบอำนาจปฏิบัติหน้าที่แทน รมว.ศึกษาธิการ  รมช.ศึกษาธิการ ก็ยังคงดูแลหน่วยงานเดิมสมัยเหมือนณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังลุ้นว่าผลตรวจรอบสองจะออกมาว่าอย่างไร ติด หรือไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อังกฤษที่ลื่อลือกันว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุด >>> อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา แจ้งมาว่า ยกครัวตรวจโควิด 19 ผลออกมาเรียบร้อยว่า เป็นลบ แถมยังได้ฉัดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วด้วย หยอก หยอก ก็โล่งอก…อิอิ >>> ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สุภัทร จำปาทอง ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยการปรับลดเวลาและวันทำงานของบุคลากรในสังกัด และในกำกับของศธ.ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี  นครปฐม ปทุมธานี และ 5.จ.สมุทรปราการ โดยให้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการปฏิบัติงานทุกชนิต เปิดเครื่องมือสื่อสารเพื่อให้สามารถติดต่อได้ตลอดเวลาและให้ทุกหน่วยงานจัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำงานไม่เกินร้อยละ 25 ของบุคลากรทั้งหมด กรณีที่หน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. ที่กำหนดให้มีการจัดประชุม การฝึกอบรม หรือการสัมมนา ไว้แล้ว ให้เลื่อนการจัดประชุม การฝึกอบรม หรือการสัมมนาดังกล่าวออกไปก่อน เว้นแต่กรณีจำเป็นเร่งด่วนต้องจัดประชุมให้ใช้การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 – 23 เมษายน 2564 จึงแจ้งมาให้รับทราบกันถ้วนหน้า>>> ตบท้ายด้วยการสรรหาผู้บริหารระดับต้น ยังคงเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด คงรอ “ตรีนุช”พ้นช่วงกักตัว … ผู้สมัครทั้ง 101 คนก็รอกันไปก่อน … ยังมีเวลาให้เตรียมตัวกันอีกหน่อยนะจ๊ะ>>>

 

100 ปี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ยูเนสโกยกย่องปฐมบท “บวร” บ่มเพาะลูกหลานไทยสร้างชาติ-ขยายฐานการศึกษาในราชอาณาจักรสยาม   

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564  สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมวิชาการสภาการศึกษาเสวนา (OEC Forum) ครั้งที่ 3/2564 เรื่อง “พระมหาสมณานุสรณ์ : พระเกียรติคุณในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสกับการศึกษาไทย” โดย ดร.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา  ประธานเปิดการเสวนาร่วมกับผู้แทนองค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพ ฯ  ทั้งนี้ สกศ. ได้รับเกียรติจาก ศ.เกียรติคุณ ดร.สิทธิ์ บุตรอินทร์  ราชบัณฑิต  ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ รองประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์รัชกาลที่ 6 และ ดร.เอเทล แอกเนส พี. วาเลนซูเอลา เลขาธิการองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO) ร่วมเสวนา “100 ปี การศึกษาภาคบังคับในประเทศไทย : บริบทจากอดีตสู่อนาคต”ด้วย

สำหรับสาระสำคัญสรุปความนำเสนอดังนี้

วันที่ 2 สิงหาคม 2564 เป็นวันครบรอบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โดยมติคณะรัฐมนตรี (9 กุมภาพันธ์ 2564) เห็นสมควรจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์ รัฐบาลไทย และองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ร่วมฉลอง 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ พ.ศ. 2564

ในการประกาศยกย่องและเฉลิมฉลองวาระครบรอบสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับงานขององค์การยูเนสโก ปี 2563 – 2564 ตามมติที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 40 ซึ่งเป็นการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1) กระทรวงศึกษาธิการ 2) กระทรวงวัฒนธรรม 3) สำนักนายกรัฐมนตรี 4) กระทรวงมหาดไทย 5) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย 6) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ 7) กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2564 โดยมีกิจกรรมสำคัญ เช่น การจัดนิทรรศการเผยแพร่พระประวัติ วัตรปฏิบัติ และพระกรณียกิจของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ การออกแบบและจัดทำตราสัญลักษณ์ การจัดตั้ง “กองทุนสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา” การจัดตั้ง “สถาบันวชิรญาณวโรรส” การจัดนิทรรศการภาพถ่ายพระประวัติและภาพศิลปกรรมเหมือนจริง การเผยแพร่สารคดี เป็นต้น

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาแพ โดยเมื่อปี 2453 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นบุคคลสำคัญของโลก บุคคลที่ 4 ของคณะสงฆ์ไทยที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศเป็นบุคคลสำคัญของโลกต่อจากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

ตลอดพระชนม์ชีพได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและการศึกษาเป็นเอนกอนันต์ ทรงวางแบบแผนแห่งการบริหารคณะสงฆ์ ทรงวางหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ทรงพระนิพนธ์หนังสือหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี โท เอก หลักสูตรบาลีไวยากรณ์ทั้งชุดซึ่งมีหนังสือนวโกวาทเป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับภิกษุ สามเณร ผู้บวชใหม่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจนตราบถึงปัจจุบัน อีกทั้งทรงพระปรีชาสามารถในด้านภาษาต่าง ๆ หลายภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสันสกฤต และภาษาบาลี โดยได้ทรงชำระคัมภีร์บาลีไว้กว่า 20 คัมภีร์

เมื่อ พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริจะขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานไปยังประชาชนทั่วพระราชอาณาจักร เพราะทรงเห็นว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมือง จึงทรงอาราธนาสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่น ให้ทรงอำนวยการจัดการศึกษาในหัวเมืองทั่วพระราชอาณาจักร ทั้งนี้ ทรงเห็นว่าวัดเป็นแหล่งให้การศึกษาแก่คนไทยมาแต่โบราณกาล การใช้วัดเป็นฐานในการขยายการศึกษาเป็นทางเดียวที่จะขยายได้เร็วและทั่วถึง เพราะวัดมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในพระราชอาณาจักร ทั้งไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินในการสร้างโรงเรียนด้วย เพราะอาศัยศาลาวัดที่มีอยู่แล้วนั้นเองเป็นโรงเรียน

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ได้ทรงเลือกพระเถระผู้มีความสามารถทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกายรวม 13 รูป เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลต่าง ๆ แล้วส่งออกไปดำเนินการจัดการศึกษาในหัวเมืองต่าง ๆ ในมณฑลนั้น ๆ ทั่วพระราชอาณาจักร โดยมีฝ่ายบ้านเมืองคือ กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ พระองค์ทรงรับหน้าที่อำนวยการในการจัดการศึกษาหัวเมืองอยู่ 5 ปี ทรงสามารถขยายการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาขั้นประถมศึกษาออกไปได้ทั่วประเทศ  และเมื่อทรงวางรากฐานการศึกษาในหัวเมืองเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วและมีความมั่นคงพอสมควรแล้วทรงมอบให้เป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงธรรมการหรือต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการต่อไป

ในโอกาสครบรอบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ในปี 2564 กล่าวได้ว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาระดับประถมศึกษาในประเทศไทยโดยมีวัดเป็นโรงเรียน มีพระเป็นครูสอน มีมหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นต้นแบบในด้านหลักสูตรและการฝึกหัดครูสำหรับออกไปสอนในโรงเรียนนั้น ๆ ยกย่องเทิดพระเกียรติได้ว่าเป็นปฐมบทต้นแบบการใช้รูปแบบ บ้าน-วัด-โรงเรียน หรือ บวร เพื่อขยายฐานการศึกษาครั้งแรกเริ่มและเป็นแนวทางสำคัญการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ยุคแรกในอาณาจักรสยามก็ว่าได้ ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์นับว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกในทุกด้านทุกประการ โดยเฉพาะด้านการศึกษา ด้านการปกครอง และด้านการบริหาร เสมือนหยั่งรู้การเปลี่ยนผ่านแห่งอนาคต จึงทรงวางรูปแบบพื้นฐานการศึกษาชาติไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน ศธ. ดำเนินการจัดการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรี มีสถานศึกษาทั้งหมด 4.29 หมื่นแห่ง ครู 5.18 แสนคน บุคลากรทางการศึกษา 1.023 แสนคน รวมทั้งสิ้น 6.212 แสนคน จำนวนนักเรียน 9.76 ล้านคน โดย สกศ. ในฐานะหน่วยนโยบายและแผนการศึกษาของชาติ เร่งสังเคราะห์ “จุดร่วม” เชื่อมโยงกันระหว่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฎิรูปประเทศด้านการศึกษา แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาชาติอย่างเป็นเอกภาพและเกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางตอบโจทย์การพัฒนาประเทศสอดรับความเปลี่ยนแปลงโลกอนาคต

“ตรีนุช”ย้ำชาวศธ.การ์ดต้องไม่ตกป้องกันโควิด-19 กำชับตรวจเข้มตามมาตรการป้องกัน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019( โควิด 19) ในประเทศไทยมีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในวงกว้างมากขึ้น และกระจายในหลายพื้นที่ ถึงแม้ว่าขณะนี้จะเป็นช่วงปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 แต่ก็อยู่ในช่วงของการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในปีการศึกษา 2564 และสถานศึกษาบางแห่งก็มีกิจกรรมการเรียนจัดให้แก่นักเรียนในช่วงปิดภาคเรียน ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้ ทุกสถานศึกษาที่ยังมีกิจกรรมต่างๆอยู่ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อย่างเข้มงวดสูงสุด หากพบว่ามีปัญหาต้องประสานกับฝ่ายสาธารณสุขทันที และขอให้สถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก

กรณีสถานศึกษาของรัฐ และเอกชนใดที่ยังไม่ปิดภาคเรียน หรือ ยังมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ หากพบว่ามีนักเรียนหรือผู้ปกครองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด 19  ต้องหารือกับสาธารณสุขในพื้นที่ทันที เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องปิดสถานศึกษา หรือยุติการจัดกิจกรรมต่างๆในสถานศึกษาหรือไม่ และเร่งดำเนินการตามมติที่ได้จากการหารือทันที ทั้งนี้การพิจารณาปิดสถานศึกษาเป็นอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็ให้สถานศึกษาพิจารณาจัดสอนชดเชยให้แก่ผู้เรียน ได้เรียนครบตามที่หลักสูตรกำหนดด้วย” รมว.ศธ.กล่าวและว่า ในส่วนของ ศธ.ซึ่งยังเปิดทำงานเป็นปกตินั้น ตนได้สั่งการให้เพิ่มประสิทธิภาพและความเข้มข้น ในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ศธ.กำหนดไว้ ทั้งในเรื่องของการสวมหน้ากาก การให้ทุกหน่วยงานจัดตั้งจุดคัดกรองแอลกอฮอล์เจล และมีเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายในทุกทางเข้าออกของอาคารรวมถึงมาตรการในการจัดประชุมต่างๆที่จะต้องจัดเฉพาะงานที่มีความจำเป็นจริงๆและการจัดงานต้องดำเนินการตามที่ ศบค.กำหนด และขอเน้นย้ำไปยังผู้บริหารและครูให้ดูแลป้องกันสุขภาพตัวเองและครอบครัวตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดด้วย พวกเราชาว ศธ.การ์ดต้องไม่ตก.

เลขาฯสภาการศึกษา“อำนาจ วิชยานุวัติ”ขอกักตัว 14 วัน หลังเข้าพบตรีนุชที่บ้านสระแก้ว

หลังจาก น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดบ้านสวนน้ำเขาฉกรรจ์ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้วต้อนรับผู้มาแสดงความยินดี ที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 4 เมษายน ปรากฎว่าหนึ่งในนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19  ซึ่ง น.ส.ตรีนุช ได้ไปรับการตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งเบื้องต้นผลตรวจออกมาเป็นลบ (negative) แต่ก็ประกาศกักตัว 14 วันแล้วนั้น วันนี้(6 เมษายน) ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน ตนก็ได้ข้าพบน.ส.ตรีนุช เช่นกัน หลังจากทราบข่าวมีผู้เข้าพบ น.ส.ตรีนุช ติดโควิด 19 ตนก็ได้ไปรับการตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลทันทีเช่นกัน และผลเบื้องต้นก็ออกมาเป็นลบ แต่เพื่้อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ตนจึงขอกักตัวเองโดยจะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแบบ works from home เป็นเวลา 14 วัน จากนั้นจะกลับไปตรวจเชื้อซ้ำก่อนกลับไปทำงานตามปกติ