วัคซีคเพื่อการศึกษา “ตรีนุช” ถก “อนุทิน” ฉีดวัคซีนโควิดครูกลุ่มเสี่ยง

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้แก่ครู และบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ถ้าหากครูและบุคลากรทางการศึกษาติดเชื้ออาจจะกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ที่ส่งผ่านเชื้อไปยังผู้อื่นได้เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยเบื้องต้นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น จะจัดลำดับความสำคัญ โดยให้ความสำคัญกับครูและบุคลากรที่อยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงและมีความเสี่ยงสูงก่อน แต่ทั้งนี้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เป็นไปตามความสมัครใจของครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย ศธ. ไม่บังคับ

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำรวจจำนวนครูและบุคลากรในแต่ละจังหวัด โดยจำแนกตามพื้นที่ที่มีความเสี่ยงตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อรวบรวมข้อมูลนำไปหารือกับ ศบค.ต่อไป

น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีผู้เสนอแนะให้ทบทวนนโยบายครูเยี่ยมบ้านนักเรียน เพื่อความปลอดภัยของทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครอง นั้น เรื่องการเยี่ยมนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งในช่วงสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 นี้ ครูไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ไปที่บ้านนักเรียนจริงๆ ครู สามารถโทรศัพท์ หรือ สื่อสารผ่านทางออนไลน์ หรือวิธีอื่นๆ ที่สะดวกและปลอดภัย เพื่อพูดคุยสอบถามสร้างความอบอุ่นใจให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้ และการดูแลตนเอง ในช่วงที่ไม่ได้มาโรงเรียน.

แน่นอนแล้ว 1 มิ.ย.เปิดเทอมปี 64

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้ประชุมหารือเรื่องการเปิดภาคเรียนและการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ร่วมกับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) และเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) โดยที่ประชุมมีมติว่าจะเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมการแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อาจจะมีความรุนแรงมากขึ้น และจะกระทบต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนส่วนใหญ่ของสถานศึกษา ประกอบกับผู้ปกครองก็ได้แสดงความห่วงใยในบุตรหลาน

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ศธ. ได้กำหนดแนวทางเพื่อไม่ให้การเลื่อนวันเปิดภาคเรียนกระทบต่อโอกาสในการเรียนรู้และสิทธิของผู้เรียน ดังนี้ ช่วงเวลาจากวันที่ 17 – 30 พฤษภาคม 2564 ให้สถานศึกษา ครูและบุคลากร เตรียมความพร้อมในด้านอาคารสถานที่ การจัดการเรียนการสอน และอื่นๆ เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียน , สื่อสารและทำความเข้าใจกับผู้ปกครองในการเลื่อนวันเปิดภาคเรียน, ครู อาจไปเยี่ยมนักเรียน นักศึกษา ที่บ้าน , จัดกิจกรรมเสริมให้แก่ผู้เรียน ซึ่งอาจใช้ระบบออนไลน์ หรือระบบอื่นๆที่เหมาะสม โดยพิจารณาตามบริบทและประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทั้งนี้ ศธ.จะมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และประกาศของ ศบค. เป็นระยะ โดยจะให้การเลื่อนวันเปิดภาคเรียนกระทบต่อนักเรียน นักศึกษาน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับโรงเรียนที่อยู่นอกเขตเมือง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มาก ก็สามารถเตรียมการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติเป็นหลักเช่นเดิม

“ขณะนี้การรับนักเรียน ชั้น ม.1 และ ม.4 ของโรงเรียนทั่วประเทศยังไม่แล้วเสร็จ และมีประมาณ 10,000 โรงเรียนที่ไม่สามารถดำเนินการรับนักเรียนตามปฏิทินการรับนักเรียนที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่จำเป็นต้องเลื่อนการเปิดภาคเรียน และการเลื่อนครั้งนี้ก็เลื่อนออกไปอีกเพียง 11 วัน โดยสถานศึกษาจะทำการจัดการเรียนการสอนชดเชยให้ครบตามหลักสูตร และกำหนดการปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ให้เป็นไปตามปฏิทินเดิมที่กำหนดไว้ คือ วันที่ 11 ตุลาคม 2564 ” รมว.ศธ.กล่าว.

ส่องอัตราแข่งขันห้องเรียนพิเศษโรงเรียนดัง กทม. สวนกุหลาบครองแชมป์ 1 ต่อ 6.27

หลังจากโรงเรียนมัธยมศึกษาได้มีการมอบตัวนักเรียนห้องเรียนพิเศษ ไปเมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่า โรงเรียนที่มีอัตราแข่งขันสูงในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร(สพม.กทม.) เขต 1 และ เขต 2 ดังนี้

ศธ.ออกมาตรการเร่งด่วนป้องกันโควิดในสถานศึกษา – เล็งWFH 100% ถ้ายังคุมการระบาดไม่อยู่

วันนี้ (23 เม.ย.) ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสถานศึกษาประสบภัยพิบัติ กระทรวงศึกษาธิการ ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งมีผู้บริหารเข้าร่วมประชุมผ่านโปรแกรม Zoom Meeting ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) โดย ดร.สุภัทร กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของสถานศึกษาในสังกัด/ในกำกับ และมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของบุคลากรในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงศึกษาธิการกำลังศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย 100 %  แต่เบื้องต้นอาจจะทดลองลดการปฏิบัติงานที่สำนักงานจาก 10% เหลือ 5 % เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อน และจะเร่งหามาตรการรองรับโดยเร่งด่วนที่สุด ซึ่งอาจจะรวมถึงการปิดกระทรวง หรือปิดบางหน่วยงานที่มีความเสี่ยงสูง 3-5 วัน เพื่อทำการชำระล้างเชื้อโควิด 19 ให้หมดไป

สพฐ.สั่งย้าย ผอ.รร.-ครูอ่างทองตีหลังเด็ก แล้ว

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนกว่า 50 คนรวมกลุ่มไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอ่างทอง เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนครูโรงเรียนพวงทองอุปถัมภ์ .แสวงหา .อ่างทอง ทำร้ายนักเรียนโดยการใช้มือตีกลางหลังประมาณ 10 ครั้ง และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรตำรวจแสวงหา แต่เรื่องเงียบหาย นั้น ตนเน้นย้ำตลอดว่า ความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นนโยบายหลักสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องขับเคลื่อน เพื่อให้นักเรียนมีความปลอดภัยในโรงเรียน และที่เน้นเป็นพิเศษ คือ ความปลอดภัยของนักเรียนที่ถูกครูทำร้ายจะต้องไม่เกิดขึ้น สำหรับกรณีนี้เมื่อตนทราบเรื่องก็ได้สั่งการให้ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ดำเนินการติดตามเรื่องแล้วและทราบว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนพวงทองอุปถัมภ์ และ ครูที่ผู้ปกครองร้องเรียนแล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตนได้ย้ำกับเลขาธิการ กพฐ. ด้วยว่า ควรเร่งดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ความปลอดภัยในสถานศึกษามีความหลากหลาย ซึ่งดิฉันได้ตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่าเหตุใดความไม่ปลอดภัยในสถานศึกษายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมาทบทวนมาตรการต่างๆ ของกระทรวงศึกษาธิการทั้งหมด และยังได้กำชับเลขาธิการ กพฐ.ไปด้วยว่าหากเกิดเหตุการณ์ครูทำร้ายเด็กขึ้นอีก ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ ต้องไม่มีการแกล้งถ่วงเวลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ต้องติดตาม เร่งรัด หรือ ใช้มาตรการที่เข้มข้น เช่น ให้ย้ายครูที่ก่อเหตุออกจากพื้นที่ แต่ถ้าผู้บริหารสถานศึกษาไม่ดำเนินการใด มีการถ่วงเวลา มีการช่วยเหลือกัน ก็ต้องย้ายผู้บริหารสถานศึกษาด้วย และถ้าผู้บริหารเขตพื้นที่ก็ไม่สนใจติดตามเรื่อง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ต้องพิจารณาย้าย ผอ.สพท.เป็นต้น เราต้องจริงจังกับเรื่องนี้ เพื่อให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดภัยต่อนักเรียนอย่างแท้จริงรมว.ศึกษาธิการ กล่าว.

“เอนก”ลงพื้นที่เตรียมความพร้อม รพ.สนาม ส่งเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทันสมัยดูแลผู้ป่วย ลดความเสี่ยงบุคลากรการแพทย์

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564  ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการของโรงพยาบาลสนามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ อาคารจันทนยิ่งยง สนามกีฬาแห่งชาติ โดยมี ศ.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ

โรงพยาบาลสนามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับและให้การดูแลรักษาเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้มีการระบาดออกไปสู่ชุมชน และมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ คอมพิวเตอร์ทันสมัย มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยควบคู่ไปกับการจัดเก็บข้อมูล เพื่อใช้ในการวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยหวังที่จะนำไปพัฒนา ต่อยอด ด้านการสาธารณสุขในอนาคต

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ที่สามารถประสานและส่งต่อผู้ป่วย ในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลโดยประสานการส่งต่อกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีพื้นที่รองรับกว่า 100 เตียง

สกสค.เปิดช่องทางรับร้องทุกข์เรื่องหนี้สินครู

นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า  ขณะนี้ สกสค.ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลด้านการจัดสวัสดิการให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ทั้งในและนอกประจำการ ได้เปิดรับเรื่องร้องทุกข์ผ่านช่องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบปัญหาเรื่องหนี้สินขั้นวิกฤต โดยได้ประสานงานไปยัง สำนักงาน สกสค. จังหวัดทั่วประเทศ ให้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์จากครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่านทางเว็บไซค์ www.otep.go.th และทางอีเมล otep_htl@otep.go.th  ซึ่งเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว สกสค.จะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไป

 

“เสมา 3” ห่วงขรก.สช.ติดโควิด แนะทุกคนทั้งผู้สัมผัส-ผู้ที่มีความเสี่ยงแนะป้องกันตัวตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่าง-สวมแมส-ล้างมือ

 

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ดร.กวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ  เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ว่า มีข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล ตนจึงได้สั่งการให้ สช. ดำเนินการสืบสวนโรคทันที โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ได้สัมผัสหรือไปร่วมประชุม สัมมนา และปฏิบัติงานร่วมกัน ให้ไปตรวจหาเชื้อ COVID-19 พร้อมทั้งกักตัวดูอาการอยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปยังที่ชุมชนที่จะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในระยะนี้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้จะมีผลให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรกลุ่มงานต่าง ๆ ของ สช. บางส่วนต้องกักตัวที่บ้าน รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่กลุ่มงานกองทุนและสวัสดิการ ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโดยตรง ต้องทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ทำให้ผู้ที่จะมาติดต่อราชการ อาจจะไม่ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้ สช.ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ COVID-19 อีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของข้าราชการทุกคนในช่วงบ่ายของวันนี้ด้วย

“ขอแสดงความห่วงใยและขอให้ข้าราชการที่ติดเชื้อ COVID-19 หายจากอาการป่วยโดยเร็ว และขอแสดงความห่วงใยไปยังข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ ครูและบุคลากรเกี่ยวกับการจัดการศึกษาเอกชน ตลอดจนครอบครัว และผู้เกี่ยวข้อง โดยขอให้ตรวจดูไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ เพื่อสำรวจตนเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ รวมทั้งทำการกักตัวอยู่ที่บ้าน เฝ้าสังเกตอาการตนเอง และปฏิบัติตนในการป้องกันตามมาตรการการป้องกันและควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และต้องขอโทษประชาชนหรือผู้ที่จะมาติดต่อราชการและรับบริการกับทาง สช. อาจไม่สะดวก รวดเร็ว  ” ดร.กนกวรรณ กล่าว

 

เจอโรคเลื่อน

หยอก หยอก วันเสาร์ที่ 17 เมษายน 2564>>> ยังไม่ทันโชว์ฝีไม้ลายมือ รัฐมนตรีศึกษาธิการ สาวสวยดีกรีนอก “ตรีนุช เทียนทอง” ก็เจอปัญหากักตัวจากเชื้อระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19  ซะแล้ว แต่ยังคงให้ความสำคัญเรื่องของการประชาสัมพันธ์ที่มีการฝากบอกข่าวในสายงานออกมาเป็นระยะๆ แต่ หยอก หยอก ยังไม่ได้เจอะเจอถามไถ่ข่าวสารการศึกษาซึ่ง ๆ หน้า จึงยังประเมินไม่ได้ว่าดีกรีที่ไปร่ำเรียนมาจากต่างบ้านต่างเมืองจะเจ๋งจริงหรือเปล่า รอวันปลอดเชื้อโรคร้ายละกันเนาะ>>> ช่วงนี้คงไม่มีข่าวอะไรมากลบข่าวโควิด-19 ทำเอาการกำหนดภารกิจงานของหน่วยงานต่าง ๆ เจอโรคเลื่อนกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็น การชะลอสอบครูผู้ช่วย การสรรหาบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38ค.(2)ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) การเลื่อนวันรายงานตัวการบรรจุและแต่งตั้งครูผู้ช่วย ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) รวมถึงการสรรหาบริหารระดับต้น ก็ยังไม่มีวี่แวววัน เวลา นัดหมาย หรือว่าเรื่องนี้ยังเป็นความลับอยู่ ฮ่า ฮ่า  >>> .ครูพี่โอ๊ะ “กนกวรรณ วิลาวัลย์” รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทำงานในหน้าที่ ที่รับผิดชอบลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาแทบทุกวัน หรือว่าสมุนไพรที่ทำจากกัญชา โควิด-19 ทำอะไรเธอไม่ได้เลย อุ้ย อุ้ย หยอก หยอก นะคะ >>> ครูพี่โอ๊ะ ลงดาบเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว สำหรับข้าราชการในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) 2 จังหวัด กรุงเทพมหานคร นราธิวาส ที่ทุจริตเงินทอนรายหัวเด็ก ซึ่งกินกันมาตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2564  … ไม่น่าเชื่อว่า สช.จะไม่ระแคะระคายเรื่องนี้กันบ้างเลยหรือ เมื่อมาถึงยุค “สุภัทร จำปาทอง” นั่งปลัด ศธ. กับ“อรรถพล ตรึกตรอง”เลขาธิการ สช. ก็น่าจะรอดยาก 555>>>