อาชีวะพัฒนาบุคลากรสาขาช่างอากาศยาน ทัดเทียมนานาชาติ

วันนี้(9 มี.ค.)นางปัทมา  วีระวานิช ผู้ชำนาญการด้านการขับเคลื่อนนโยบายอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาศูนย์การเรียนรู้สู่ความเป็นเลิศเฉพาะทาง (Excellent Center)สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)เปิดเผยว่า สอศ. ร่วมมือกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทางวิชาการและการพัฒนาบุคลากรในสาขาวิชาช่างอากาศยาน ด้านภาษาอังกฤษสำหรับครูผู้สอนเพื่อพัฒนาและยกระดับศักยภาพด้าน ซึ่งมีสถานศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนด้านช่างอากาศยานจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคถลาง ,วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ,วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ,วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ,วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี และวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น โดยมีกำหนดการฝึกอบรบระหว่างวันที่ 8-12 มี.ค.  ณ สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา ถนนรามอินทรา กรุงเทพมหานคร

“ โครงการพัฒนาสมรรถนะด้านภาษาอังกฤษสำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษในสาขาวิชาช่างอากาศยาน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการบูรณาการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนและเพิ่มทักษะอย่างเข้มข้นในการถ่ายทอดความรู้ของครูและเทคนิคในการทำข้อสอบต่างๆ ให้แก่นักศึกษาสาขาช่างอากาศยาน ที่จะต้องผ่านการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ THAI-TEP หรือ TOEIC อีกทั้งเป็นการเตรียมสถานศึกษาให้ผ่านการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน เพื่อเป็นสถาบันฝึกอบรมนายช่างอากาศยานภาคพื้นดิน (Approved Maintenance Training Organization : AMTO) นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตร และจัดทำหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรในสาขาช่างอากาศยานหรือสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบินด้วย”นางปัทมากล่าว

ว่าด้วยรองเลขาฯคุรุสภา

หยอก หยอก 9 มี.ค.64  >>> วันนี้ขอเสนอ เหตุผลที่ยังไม่ได้สรรหารองเลขาธิการสำนักงานคุรุสภา มีสมาชิกถามมาเยอะ ว่า ทำไมถึงไม่มีการสรรหารองเลขาธิการคุรุสภาที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา … หยอก ได้ไปซอกแซก แซะหาข้อมูลมาได้ว่า เรื่องนี้ค่อนข้างสับสนวุ่นวายพอสมควร เพราะเดิมการกำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา ที่ยังใช้หลักเกณฑ์เดิมสมัย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมา เมื่อเดือนกันยายน 2563 ดร.ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา จึงต้องมีการสอบถามกันใหม่ว่า จะต้องเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การสรรหารองเลขาธิการคุรุใหม่หรือไม่ เพื่อให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ โดยใช้แนวทางเดียวกันกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) >>> แว่วว่า เรื่องนี้มีการหารือก่อนรองเลขาธิการคุรุสภาจะหมดวาระซะอีก  และเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ ที่มีการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ดร.ดิสกุล ก็ตั้งใจจะนำหลักเกณฑ์การสรรหารองเลขาธิการคุรุสภาเข้าพิจารณาในที่ประชุม … ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้เข้าประชุม แต่มอบให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้น เข้าประชุมแทน จึงได้ถอนวาระนี้ออกไปก่อน …. ก็ต้องรอลุ้นต่อไป ว่า  ปลายเดือนมีนาคมนี้คุณหญิงกัลยา รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการะทรวงศึกษาธิการนัดประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เพราะเรื่องนี้รึเปล่าว …>>>

 

 

สพฐ.ยืนยันไม่ถอดวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง โรงเรียนมีสอนเป็นปกติ

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564  ดร.อัมพร พินะสา  เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการสอบถามเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง โดยเข้าใจว่า ได้ถูกถอดออกจากหลักสูตรไปแล้ว ว่า  จริง ๆ  แล้ว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้กำหนดให้นักเรียนทุกช่วงวัยเรียนวิชาประวัติและหน้าที่พลเมืองอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ที่ใช้ในปัจจุบัน ได้กำหนดให้สาระ 1.ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 2. หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต 3.เศรษฐศาสตร์  4.ประวัติศาสตร์ และ 5. ภูมิศาสตร์ รวมไว้ด้วยกันในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม โดยให้เป็นการบังคับเรียนทั้ง 5 สาระเพียงแต่สถานศึกษาต้องนำสาระการเรียนเหล่านี้ไปจัดทำเป็นวิชาเพื่อจัดการเรียนการสอน  ซึ่งจะต่างจากหลักสูตรเดิมที่กำหนดเป็นชื่อวิชาเฉพาะไปเลย เช่น วิชาหน้าที่พลเมือง วิชาศีลธรรม วิชาประวัติศาสตร์ เป็นต้น

“สรุปคือ มีการกำหนดให้เรียนสาระเหล่านั้นไว้อยู่แล้ว โดยให้เรียนตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6  และให้เพิ่มชั่วโมงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เช่น  ป.1-6 ให้เรียน 120 ชั่วโมง  พอเรียนในระดับที่สูงขึ้นก็ให้เรียน 240 ชั่วโมง อย่างวิชาหน้าที่พลเมืองแม้จะอยู่ในกลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ แต่ก็มีชั่วโมงให้นักเรียนได้เรียนในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพลเมืองที่นักเรียนต้องปฏิบัติ ตั้งแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ วิชาประวัติศาสตร์ สพฐ.ก็ส่งเสริมให้โรงเรียนหาวิธีการจัดการเรียนการสอนที่คำถึงถึงประวัติศาสตร์ของชุมชน ประวัติศาสตร์ที่อยู่ใกล้ตัว ประวัติศาสตร์ของชาติ ตลอดจนประวัติศาสตร์ของภูมิภาคและของโลก เป็นต้น”เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า ส่วนรูปแบบการจัดการเรียนการสอน สพฐ.ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนได้หลายวิธี และยังมีการเรียนภาคปฏิบัติด้วย เช่น เรียนเป็นกลุ่ม เรียนในลักษณะการค้นคว้าวิจัย มีการอภิปราย มีการตั้งคำถามให้นักเรียนสืบค้น การเรียนนอกสถานที่ ซึ่งบูรณาการกับการพานักเรียนไปแหล่งเรียนรู้ก็ให้เน้นในทางประวัติศาสตร์ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาหน้าที่พลเมืองเราก็ปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักหน้าของตนเองว่าเป็นเด็กมีหน้าที่อย่างไร หน้าที่ต่อครอบครัวเป็นอย่างไร หน้าที่ต่อสังคมเป็นอย่างไร หน้าที่ต่อประเทศชาติเป็นอย่างไร

ดร.อัมพร กล่าวด้วยว่า สำหรับสื่อการสอน สพฐ.ได้ส่งเสริมให้ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐผลิตหนังสือเรียน และสื่อเทคโนโลยี  โดยมอบให้สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ของ สพฐ. ผลิตสื่อเป็นคลิปสั้น ๆ  10 เรื่อง รวมถึงร่วมกับมหาวิทยาลัยในการผลิตสื่อที่นำเทคโนโลยี AR มาใช้การจัดการเรียนการสอนด้วย โดย สพฐ.จะนำสื่อเหล่านี้ลงสถานศึกษาเพื่อให้เลือกนำไปใช้ นอกจากนี้ยังให้รวบรวมสื่อการเรียนการสอนที่ดี ๆ ของจากแหล่งต่าง ๆ มาไว้ที่ OBEC Channel เพื่อให้โรงเรียนดึงไปใช้ได้ด้วย อย่างไรก็ตามโดยสรุปก็คือ ปีการศึกษา 2564 สพฐ.จะรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกโรงเรียนให้ความสำคัญกับการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง รวมถึงคุณธรรม จริยธรรมให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะเราคิดว่าเด็กถ้าดีและเก่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ

สพฐ.เตรียมจัดสอนเสริมเพิ่มความสามารถให้นักเรียน

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2564 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)มีความห่วงใยต่อความเครียดของนักเรียนและผู้ปกครอง ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะขณะนี้ มีการดำเนินการสอบเข้าเรียนต่อทั้งมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และสอบเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ที่เป็นวันทับซ้อนกัน ทั้งนี้สพฐ.ได้ปรับตารางการสอบร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)หรือ สทศ.โดยได้กำหนดแนวทางในการจัดตารางสอบใหม่ไม่ให้ทับซ้อนกัน เช่น การเลื่อนสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET จากเดิมกำหนดให้มีการสอบในวันที่ 27-28 มีนาคม2564 เป็นวันที่ 27-29 มีนาคม 2564 ซึ่งจะไม่ทับซ้อนกัน และการสอบเข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งตรงกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม2564 ก็เลื่อนไปเป็นวันที่8 เมษายน 2564

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนไม่เหมือนกัน บางโรงเรียนได้เรียนเต็มที่ บางโรงเรียนไม่ได้เรียนเต็มที้ ดังนั้นเพื่อลดความเครียดของนักเรียนและผู้ปกครอง สพฐ.ได้ร่วมกับสำนักบริหารงานมัธยมศึกษาตอนปลาย(สมป.)จัดให้มีการเรียนเสริมเติมความสามารถให้กับนักเรียนที่มีความสนใจ โดยนักเรียนสามารถเข้ามาเรียนร่วมกับโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนเสริมในกลุ่มสาระต่าง ๆ ตามที่นักเรียนสนใจ โดยสพฐ.จะมีการจัดตารางโรงเรียนที่มีการสอนเสริมรายวิชา ถ้านักเรียนสนใจจะเรียนวิชาอะไรก็สามารถเข้าไปเรียนได้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งครูที่เข้ามาสอนเสริมจะเป็นครูที่เป็นที่ยอมรับของนักเรียน  และวันนี้สพฐ.จะแจ้งไปยังเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนเรื่องการสอนเสริม รวมถึงการประสานเรื่องนี้ไปยังศูนย์ทางไกลผ่านดาวเทียมซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนในลักษณะสอนติวทางออนไลน์เข้ามาเสริมด้วย

ศธ.หารือ ทูตฟินแลนด์ ยกระดับการศึกษาไทย

เมื่อวันที่ 8มี.ค.64- คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผย ภายหลังการหารือร่วมกับ นายยูริ ยาร์วียาโฮ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย ว่า ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ร่วมกับประเทศฟินแลนด์ในการยกระดับการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ด้วยการจัดอบรมครูผ่านระบบออนไลน์และจากนี้จะมีการประเมินผู้เข้าร่วมการอบรม และอีก 2 สัปดาห์ก็จะทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ ระหว่าง ศธ.และสถานทูตฟินแลนด์ ในนามศูนย์การเรียนรู้ของประเทศฟินแลนด์ เมื่อมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินหน้าโครงการความร่วมมือในเรื่องสิ่งแวดล้อม พัฒนาการเกษตร พัฒนาการเรียนการสอน เนื่องจากประเทศฟินแลนด์ถือเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่ามากถึง ร้อยละ 75 และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และยังมีโครงการฝึกอบรมผู้บริหารสถานศึกษาและครู เนื่องจาก ศธ.ให้ความสำคัญที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมีทักษะด้านดิจิทัลและภาษาอังกฤษ เพราะเชื่อว่าโรงเรียนใดที่มีผู้บริหารเก่ง โรงเรียนก็จะมีคุณภาพตามไปด้วย

คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้หารือถึงเรื่องการยกระดับฝีมือแรงงานให้มีทักษะเพิ่ม ในลักษณะหลักสูตรระยะสั้น อีกทั้งยังได้เสนอเรื่อง การจัดการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาควบคู่ไปกับการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อให้เด็กได้เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ และเกิดความสนุกสนาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการประยุกต์นำข้อดีของการจัดการศึกษาแบบฟินแลนด์มาปรับตามบริบทของประเทศไทย ไม่ได้ยกมาทั้งหมดและข้อตกลงนี้ จะทำแบบกว้าง ๆ เพื่อให้ปรับมาใช้ตามบริบทของประเทศไทย

 

 

มธ.ออกแถลงการณ์ จี้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับ

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรื่องขอให้คำนึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกจับกุม โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันอันนำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดีกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป รวมถึงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม และแสดงความคิดเห็นทางการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงมีความกังวลและ ความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้ถูกจับกุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งควรมีโอกาสในการศึกษาเล่าเรียนและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงออกแถลงการณ์เพื่อแสดงข้อความห่วงกังวลดังกล่าวไปยังหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการดำเนินการตามกฎหมายโดยคำนึงถึงความเป็นธรรม สิทธิและเสรีภาพ สวัสดิภาพของผู้ถูกจับกุม และพิจารณาให้ผู้ถูกจับกุมได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งมีสิทธิในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ตามหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อันเป็นหนึ่งในหลักสิทธิมนุษยชนสากลและเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญของประเทศไทยให้การคุ้มครองและรับรองไว้ เพื่อให้ผู้ถูกจับกุมซึ่งเป็นนักเรียน นิสิต และนักศึกษาสามารถกลับมาศึกษาเล่าเรียนเพื่ออนาคตทางการศึกษาของเยาวชนเหล่านี้ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาความแตกต่างทางความคิดและความขัดแย้งทางการเมืองด้วยสันติวิธีและความอดทนอดกลั้น ร่วมมือกันแก้ปัญหาขัดแย้งอย่างจริงใจและจริงจังเพื่อหาทางออกร่วมกันตามวีถีทางของระบอบประชาธิปไตยต่อไป

ห้องเรียนออนไลน์อาชีวะ

หยอก หยอก 8 มี.ค.64 >>> วันนี้ ขอนำเสนอ ตำแหน่ง เสมา 1 ”จบ” แต่เรื่องราวระหว่างดำรงตำแหน่งยังไม่จบ >>> เริ่มตั้งแต่ “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร”  ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2564 จำนวน 68 ล้านบาท  ในโครงการจ้างปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ พร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ 77 จังหวัด เพื่อมาทำห้องเรียนออนไลน์ในสังกัด สอศ. โดยอ้างถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 โดยซอยงบประมาณจากแห่งละ 1.5 ล้านบาท เป็นห้องเรียนละ 5 แสนบาท กระจายไป 136 วิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อหนีการเสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ชื่อ “สุเทพ แก่งสันเทียะ” ก็ออกมายืนยันว่า ไม่มีการทุจริตใน สอศ. เพราะไม่ได้จัดซื้อจัดจ้างจากส่วนกลาง เป็นการกระจายอำนาจไปยังสถานศึกษา ให้เสนอของบเข้ามาที่ส่วนกลาง และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบ เมื่อสถานศึกษาขอเข้ามา สอศ.ก็จัดให้ >>> หากมีการสอบถามเข้ามาก็พร้อมไปชี้แจง เพราะมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน >>>สำหรับ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” รักษาราชการแทนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากค่ายประชาธิปัตย์ ตอบให้คิดต่อ “ทำห้องเรียนออนไลน์ ไม่ผิด ถ้าถูกต้องตามระเบียบ” ฮา! >>> งานนี้ก็ว่ากันไป แต่อย่าเล่นการเมืองกันมากจนทำให้ระบบการศึกษาล่ม ละกัน … 555 >>>

คุณหญิงกัลยา เปรย ทำห้องเรียนออนไลน์ไม่ผิด ถ้าดำเนินการถูกต้อง

จากกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร  ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2564 จำนวน 68 ล้านบาท  ในโครงการจ้างปรับปรุงระบบสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ พร้อมระบบห้องเรียนอัจฉริยะ 77 จังหวัด เพื่อมาทำห้องเรียนออนไลน์ในสังกัด สอศ. โดยอ้างถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โรคโควิด-19 โดยซอยงบประมาณจากแห่งละ 1.5 ล้านบาท เป็นห้องเรียนละ 5 แสนบาท กระจายไป 136 วิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อหนีการเสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์อี-บิดดิ้ง นั้น

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2564 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รักษาราชการแทนรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้ตนจะเชิญ ดร.สุเทพ แก่งสันเที้ยะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มาสอบถามรายละเอียด ว่าที่สอศ.ดำเนินการผิดระเบียบหรือไม่  อย่างไรก็ตามการทำห้องเรียนออนไลน์ก็เป็นประโยชน์ ไม่น่าจะผิดเพราะเราทำเพื่อการศึกษา  แต่วิธีการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งการทำห้องเรียนออนไลน์ในช่วงระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็เป็นเหตุเป็นผลที่จะสามารถทำได้

“การเรียนออนไลน์ ที่สำคัญคือครู ครูต้องหาวิธีให้เด็กเรียนแล้วเกิดความสนุกมากกว่า ไม่ใช่เครื่องมือ ไม่ใช่ห้องเรียน ขึ้นอยู่กับวิธีการเรียนการสอนของครู ที่เราจะต้องให้ความสำคัญ อย่าไปสนใจเรื่องเครื่องมือ ครูต้องเปลี่ยนวิธีการสอนสามารถดึงเด็กเข้ามาเรียนได้ ”คุณหญิงกัลยา กล่าว

คณะศึกษาศาสตร์ ม.ทักษิณ จับมือ พว.ขยายผลแนวทางจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2564 ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม คณบดี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ ลงนามความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)เพื่อร่วมกันนำแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning –GPAS 5 steps ไปขยายผลในการส่งเสริมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่21 ให้กับโรงเรียนทุกระดับทุกสังกัด โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนทั้งครูและผู้เรียน เป็นการใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเพื่อสร้างนวัตกรในอนาคต

ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวว่า คณะศึกษาศาสตร์ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้นเราจึงอยากได้ครูที่ออกไปทำหน้าที่สอนหนังสือหรือจัดการเรียนรู้ ที่สามารถตอบโจทย์ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็หมายความว่าเป็นครูที่สามารถจัดการเรียนรู้แล้วทำให้เด็กที่ผ่านการเรียนรู้จากครูมีสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 เขาสามารถแก้ปัญหาสามารถคิดสร้างสรรค์ สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆได้ มีชีวิตและปรับตัวอยู่ได้ในโลกปัจจุบัน และที่สำคัญ คือการผลิตครูที่มีคุณธรรมจริยธรรม ควบคู่ไปกับความรู้ความสามารถทางด้านการจัดการเรียนการสอนด้วย

“จริงๆแล้ว คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ เราได้เรียนรู้การเรียนการสอนแบบ Active Learning –GPAS 5 steps อยู่แล้ว และบังเอิญว่าเป้าหมายของ พว.กับเป้าหมายของคณะศึกษาศาสตร์มีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการที่จะให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสมรรถนะ ซึ่งประกอบด้วย ความรู้ การมีทักษะ และมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Active Learning ถ้านำไปใช้แล้วจะทำให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะที่เป็นโลกยุคใหม่ได้จริงๆและเขาสามารถที่จะสร้างนวัตกรรมอะไรต่างๆขึ้นมาได้  และตอนนี้เราก็มีพลังของ พว.ไปช่วย  ซึ่งม.ทักษิณก็จะสามารถขยายผลด้านปริมาณและคุณภาพได้มากขึ้น จะทำให้สามารถทำได้เร็วได้กว่าเดิมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ”คณบดี คณะศึกษาศาสตร์ ม.ทักษิณ กล่าว

ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานบริหาร พว. กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาล วุฒิสภา คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ก็มีทิศทางไปในทางเดียวกันว่า เราจะเอาคุณภาพเด็กเป็นที่ตั้ง และให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยได้วางศักยภาพของเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับอาชีวศึกษา ว่าจะต้องเติมเต็มอะไรบ้าง อะไรยังขาดอยู่ ซึ่งจะต้องนำแนวทางเหล่านี้ไปออกแบบในเรื่องของหลักสูตรในการผลิตครูซึ่งจากงานวิจัยที่ พว.ได้วิจัยไว้ มีความเชื่อมั่นว่าเด็กสามารถเข้าถึงนวัตกรรมได้ทุกคนและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจะเป็นนวัตกรรมที่มีความหลากหลายและแตกต่างกันตามวุฒิภาวะและวัยของเด็ก ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบหรือที่เรียกว่า GPAS 5 steps ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงค่อนข้างมีความชัดเจนมาก และจากการที่ พว.ลงไปจัดกิจกรรมต่าง ๆในโรงเรียนก็ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย เป็นอย่างดี ซึ่งบังเอิญเป็นความโชคดีที่ทางพว.ได้พัฒนาตรงนี้มานานร่วมหลาย 10 ปีแล้วก็เลยทำให้มีเครื่องมือที่จะช่วยครูในการวัดคุณภาพ และประเมินผลในมิติต่างๆอย่างครอบคลุมและครบถ้วนเป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางหรือหลักสูตรที่อิงมาตรฐานสากลกำหนดไว้ เพราะเราได้เตรียมการเรื่องเหล่านี้มาล่วงหน้าพอสมควรแล้ว ซึ่งครูสามารถนำไปใช้ได้เลย อย่างน้อยก็สามารถลดภาระครูได้มาก แค่ขยับในเรื่องของการช่วยสร้างความเข้าใจให้ครูว่ารูปแบบการเรียนรู้แบบ Active Learning มีความหมายอย่างไรต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เกิดศักยภาพตามที่หลักสูตรกำหนด และเชื่อว่าหากทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learningได้ จะสามารถพลิกโฉมการศึกษาไทยได้ภายใน 4-5 ปีนี้แน่นอน เพราะศ.กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดภาพความสำเร็จไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า เด็กไทยสามารถที่จะนำเอาความรู้ไปยกระดับคุณภาพชีวิตได้ ไม่ใช่เรียนหนังสือเพื่อให้ได้คะแนน แต่เรียนหนังสือเพื่อให้เกิดคุณค่าต่อการนำความรู้ไปใช้กับชีวิตจริง ครอบครัว อาชีพ สังคม และประเทศชาติ ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้ ตรงกับเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงไป

สสว.จับมือ มทร.ธัญบุรีเสริมความแกร่งเอสเอ็มอีไทย

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้จัดประชุมชี้แจงการดำเนินงาน การเบิกจ่ายงบประมาณและการติดตามการดำเนินงานโครงการ ปีงบประมาณ 2564 แก่หน่วยร่วมดำเนินการให้ได้ทราบถึงทิศทางการดำเนินงาน โดยในปี 2564 จะมุ่งเน้น 3 เป้าหมายหลัก คือการเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุน การเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ และการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน ทั้งผ่านกองทุน สสว. และเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งคาดว่า การดำเนินงานในปี 2564 จะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 3,700 ล้านบาท โดยผ่านความร่วมมือของหน่วยร่วมดำเนินงานของ สสว. ซึ่งจะพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการได้ครบในทุกมิติ

ผอ. สสว.  กล่าวอีกว่า สสว. ได้จัดทำโครงการ SME Academy 365 เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจ ได้เรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ และความรู้ที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจได้ตลอด 365 วัน พร้อมเปิดให้บริการในรูปแบบเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์มใหม่ รวมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อเอสเอ็มอีไทย รวมถึงอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญในปีนี้ของ สสว. คือ เป็นหน่วยงานผิดชอบมาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอี เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอี ที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว

ด้าน นายนิติ วิทยาวิโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ในฐานะหน่วยร่วมดำเนินการ กล่าวว่า มทร.ธัญบุรี เป็นหนึ่งในหน่วยร่วมสำคัญ ที่ได้ร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่ง มทร.ธัญบุรี และหน่วยร่วมอื่นที่ได้รับคัดเลือกถือว่ามีศักยภาพและทรัพยากรอย่างเต็มกำลังในการเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการทั่วประเทศตามพื้นที่ที่รับผิดชอบ ซึ่ง มทร.ธัญบุรี รับผิดชอบพื้นที่เขตภาคกลางและปริมณฑล ช่วยเหลือผู้ประกอบการ 1,500 ราย ในด้านการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำสินค้า ผลิตภัณฑ์เข้าสู่การจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน การให้ทักษะความรู้ เทคนิคและวิธีการต่าง ๆ โดยมีศูนย์นวัตกรรมและความรู้ ของ มทร.ธัญบุรี ‘RMUTT Innovation & Knowledge’ ทำหน้าที่หลักในการช่วยเหลือ โดยปี 64 นี้ จะโฟกัสการพัฒนาทักษะออนไลน์ การเจรจาจับคู่ธุรกิจกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน และการผนึกกำลังกับแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมั่นคง สอดรับกับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ และสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจต่อไป.