
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 บุตรชาย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมานั้น คุรุสภาได้พิจารณาและเห็นว่า บุคคลทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลที่ปฏิบัติตนและปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความทุ่มเท เสียสละ มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครูดูแล ช่วยเหลือนักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ชัดในสังคม จึงเห็นชอบให้ประกาศเกียรติคุณยกย่อง พ.ต.ท. สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ และ ด.ต. โดม ช่วยเทวฤทธิ์ เป็นผู้ได้รับ “รางวัลครูถิรคุณ”
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบาการศึกษา ที่วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง จ.พัทลุง พร้อมทั้งได้มอบ “รางวัลครูถิรคุณ” ให้แก่พ.ต.ท.สุวิทย์ และ ด.ต.โดม โดยมีภรรยาของบุคคลทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้รับมอบรางวัล ซึ่ง รมว.ศธ. กล่าวยกย่องพ.ต.ท.สุวิทย์ และ ด.ต.โดม ว่า เป็นผู้ที่อุทิศตนในการปฏิบัติงาน มีความเสียสละ เป็นต้นแบบให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพครู ตลอดจนมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ครอบครัวช่วยเทวฤทธิ์
ด้วย

ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับ “รางวัลครูถิรคุณ” เป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลปฏิบัติตนและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ มีอุดมการณ์ และมีจิตวิญญาณความเป็นครู ดูแลช่วยเหลือผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพแบบองค์รวมและมีวิถีชีวิตที่เป็นสุขจนเป็นที่ประจักษ์ชัดและเป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งมีหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกจาก1.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ มีอุดมการณ์ มีจิตวิญญาณ รักและศรัทธาในวิชาชีพ จนเป็นที่
ประจักษ์ 2.เป็นผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน 3.เป็นผู้ที่ประพฤติและปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงาม ทั้งกาย วาจา ใจแก่เพื่อนครู และผู้เรียน 4.เป็นผู้ได้รับความเชื่อถือศรัทธา ยกย่องยอมรับของผู้เรียน เพื่อนครูและสังคมว่าเป็นต้นแบบของผู้มีจิตวิญญาณความเป็นครู เป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างค่านิยมให้สังคมยอมรับ 5.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ หรือประกอบวิชาชีพในพื้นที่ที่มีชุมชนและสังคมที่มีความแตกต่างทั้งทางภาษาและวัฒนธรรม หรือในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือทุรกันดาร รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหา
ภัยสังคมหรือความมั่นคงของชาติ หรือมีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติงานอย่างสูงด้วยความเสียสละ และอุตสาหะเป็นเวลานาน และปรากฏผลงานเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยความสม่ำเสมอต่อเนื่อง หรือ 6.เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่หรือประกอบวิชาชีพจนได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายหรือสูญเสียอวัยวะ หรือถึงแก่ชีวิต โดยเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่หรือในการประกอบวิชาชีพ หรือเพราะเหตุกระทำการ ตามหน้าที่เป็นกรณีพิเศษจนเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ หรือเพราะเหตุปฏิบัติตามหน้าที่ หรือได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นกรณีพิเศษ เว้นแต่การประสบเหตุนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือจากความผิดของตนหรือจากเหตุที่ตนมีส่วนร่วมในการกระทำนั้นด้วย ทั้งนี้ ผู้ได้รับ “รางวัลครูถิรคุณ” จะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติและรับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก รมว.ศึกษาธิการ ประธานกรรมการคุรุสภา.



วันที่ 25 มกราคม 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ได้จัด “สุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา OVEC Innovation Award 2025” โดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ตน เป็นประธานเปิดงาน มีนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ และมีผู้บริหารบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้แทนสถานประกอบการ หน่วยงานด้านการวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) คณะกรรมการดำเนินงาน คณะครู นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ กว่า 2,500 คน เข้าร่วมงาน ซึ่งได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 มกราคม 2568 ณ Korat Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา
นายยศพล กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ 140 ผลงาน ของนักเรียน นักศึกษา ในงานสุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา OVEC Innovation Award 2025 ครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาอาชีวศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของประเทศ ภายใต้นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนให้มีความสุข มีความเป็นเลิศ มีความมั่นคง นำแนวคิดการพัฒนาโดยใช้ผู้ประกอบการเป็นฐาน จัดการเรียนการสอนมิติต่างๆ ในทุกมิติ โดยเฉพาะการเรียนแบบทวิภาคีที่เน้นความร่วมมือกับสถานประกอบการ ซึ่ง สอศ. มีความร่วมมือกับสถานประกอบการแล้วกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ โดยงานประกวดในปีนี้ได้คัดเลือกผลงานจากกว่า 4,000 ชิ้น ทั่วประเทศ ที่ผ่านการประกวดในระดับสถานศึกษา ระดับจังหวัดและภูมิภาค จนถึงระดับชาติ สู่ผลงาน 140 ผลงาน ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอาชีวศึกษา ไม่เพียงแค่ในด้านวิชาการ แต่ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาทักษะชีวิต ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกัน ผลงานที่ได้รับการพัฒนานี้ยังสามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์และการใช้งานจริง สร้างคุณค่าตอบโจทย์ให้กับทั้งตนเองและประเทศชาติ สังคมและเศรษฐกิจในอนาคต


เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมอบนโยบายและสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในจังหวัดนราธิวาส ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 39 พร้อมติดตามโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร สังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร สังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดนราธิวาสในวันนี้ จากได้รับฟังคำกล่าวรายงานทำให้ทราบว่า จังหวัดนราธิวาส มีประชากรที่หลากหลายทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม ซึ่งนำไปสู่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต การที่ประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะต้องได้รับการศึกษาที่ดีและมีคุณภาพ สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในครั้งนี้เป็นการอบรมให้ความรู้ เพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหาร ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนประจำศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ในการจัดการศึกษาเอกชนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ตนรู้สึกยินดีและขอชื่นชม ที่ได้เห็นถึงพลังความร่วมมือ ในการให้ความสำคัญกับการพัฒนา และยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาเอกชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในโรงเรียนเอกชน ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาในหลายรูปแบบ ตามความต้องการของชุมชน และบริบทในพื้นที่ ทั้งการศึกษาในระบบ และนอกระบบ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องส่งเสริม สนับสนุน กำกับติดตามดูแล ให้สถานศึกษาเหล่านี้มีคุณภาพ สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่ ที่อยากจะขอฝากทุก ๆ ท่านก็คือ เรื่องของการพัฒนาทักษะอาชีพ การส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา (Zero Drop out) การสอนภาษาไทย การสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา รวมถึงเรื่องของการสร้างสุขภาวะอนามัยที่ดีด้วย
“ผมหวังว่าการอบรมครั้งนี้ จะได้รับการพัฒนาสมรรถนะที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการศึกษาที่ยั่งยืน เป็นคนดี คนเก่ง สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และสามารถนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่และประเทศชาติ ต่อไปในอนาคต ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ มุ่งมั่นพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ ขอให้รักษาคุณงามความดีที่ท่านได้ปฏิบัติ และขอให้การดำเนินงานโครงการ บรรลุตามวัตถุประสงค์ทุกประการ โอกาสนี้ขออวยพรให้คณะผู้บริหาร ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาการศึกษา ยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้สูงขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติต่อไป”นายสุรศักดิ์ กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การสะกดนิ้วมือไทยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินที่มีภาษามือเป็นภาษาแม่ในการสื่อสารภาษาไทย โดยการสื่อสารด้วยภาษามือนอกจากจะช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในชีวิตประจำวันได้ ยังช่วยเปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น นำไปสู่การพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว และได้จัดโครงการสะกดนิ้วมือไทยชิงถ้วยพระราชทานขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
“ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการศธ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาในทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย โดยให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่เหมาะสมและเท่าเทียมสำหรับผู้เรียนทุกคน รวมถึงการศึกษาพิเศษ ที่จัดการศึกษาให้กับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ซึ่งการจัดการแข่งขันสะกดนิ้วมือไทยชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายของศธ.ในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาของผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน และการสร้างโอกาสให้ผู้เรียนทุกกลุ่มสามารถพัฒนาทักษะและศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ขอเป็นกำลังใจให้นักเรียนทุกคนได้พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ กระทรวงศึกษาธิการพร้อมเดินหน้ายกระดับการศึกษา เรียนดี มีความสุข เพื่อนักเรียนทั่วประเทศต่อไป” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
สำหรับการแข่งขันสะกดนิ้วมือไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาทักษะการสะกดนิ้วมือ ตามแบบการสะกดนิ้วมือไทย พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ฉบับคุณหญิงกมลา ไกรฤกษ์ ได้ถูกต้องและชัดเจน โดยสามารถนำการสะกดนิ้วมือ ตามแบบสะกดนิ้วมือไทยที่ถูกต้อง มาประยุกต์ใช้ในการเรียนและสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ โดยการแข่งขันครั้งนี้มีนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันจาก 21 โรงเรียน ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนระดับชั้นละ 3 คน รวม 252 คน พร้อมด้วยครูผู้ควบคุม โรงเรียนละ 2 คน รวม 168 คน




“ผลดีของการเลื่อนปิด- เปิด ภาคเรียนครั้งนี้ เนื่องจาก เป็นวันสิ้นปีงบประมาณซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำแผนบริหารงบประมาณ เรื่องย้ายครู ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน อีกทั้งเด็กจะมีเวลาปิดภาคเรียนที่ 1เพิ่มมากขึ้นเด็กได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ครูก็จะได้มีเวลาเตรียมการเรียนการสอนให้มากขึ้น รวมถึงการบริหารงานด้านอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ หน่วยงานอื่น ๆ เห็นด้วย ก็จะเลื่อนเปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้เลย”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต)และการสอบโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ซึ่ง สพฐ.ได้มอบหมายให้สำนักทดสอบทางการศึกษา สพฐ.ไปทำมาตรการจูงใจ เพื่อให้เด็กเข้ามาสอบโอเน็ตมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่าเด็กสอบโอเน็ตลดลง มีการสมัครสอบแล้วแต่พอถึงเวลาก็ไม่มาสอบทำให้สูญเสียงบประมาณในการจัดพิมพ์ข้อสอบ ดังนั้นปีนี้จึงให้สำนักทดสอบฯไปหามาตรการในการจูงใจ รณรงค์ให้เด็กมาสอบมากขึ้น และเน้นย้ำให้การสอบทุกอย่างของ สพฐ. ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบด้านการอ่าน หรือ RT การทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ หรือ NT ซึ่งเป็นการสอบคนละกลุ่มเป้าหมายและคนละวัตถุประสงค์ แต่ก็ทำให้เกิดความเข้าใจว่าทำไมถึงต้องจัดทดสอบ เพราะการสอบเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับการสอบ PISA ซึ่งเป้าหมายคือต้องการให้การสอบ PISAในรอบต่อไปสูงขึ้น


