เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ (จิตอาสา) “ลูกเสือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” ทำดี ทำได้ ทำทันที เนื่องในวัน “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ณ สวนรมณีนาถ เขตพระนคร ซึ่งจัดโดย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 96 ได้ร่วมมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)กรุงเทพมหานคร และโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย อาทิ รร.วัดชนะสงคราม รร.ชัยชนะสงคราม รร.อนุบาลวัดปรินายก รร.วัดพลับพลาชัย รร.อนุบาลวัดนางนอง รร.วัดราชบูรณะ และโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 อาทิ รร.มักกะสันพิทยา ร.ร.วัดสังเวช ร.ร.วัดสระเกศ ร.ร.สุวรรณารามวิทยาคม รร.วัดน้อยนพคุณ รร.ศีลาจารพิพัฒน์ และ รร.อุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย กรุงเทพฯ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. พร้อมผู้บริหาร สพฐ.เข้าร่วมกิจกรรม
จากนั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน พร้อมคณะผู้บริหาร สพฐ. ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ (จิตอาสา) “ลูกเสือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” ทำดี ทำได้ ทำทันที ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เขตสาทร กรุงเทพฯ โดยมี ลูกเสือ จาก รร.วัดสุทธิวราราม และเนตรนารี รร.สตรีศรีสุริโยทัย ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ภายในวัดสุทธิวราราม ซึ่งพล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า เนื่องในวัน “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” เป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วงเช้าตนพร้อมผู้บริหาร ศธ.และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และลูกเสือ ได้วางพวงมาลาถวายสักการะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ หน้าสวนลุมพินี และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ วางพวงมาลาถวายสักการะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย นอกจากนี้ลูกเสือ และเนตรนารีทั่วประเทศได้ร่วมกันทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม ตามคำสัตย์ปฏิญาณของลูกเสือก็คือ “ลูกเสือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” และแนวทางของตนที่ฝากไว้คือ “ทำดี ทำได้ ทำทันที” ซึ่งสิ่งต่างๆที่ทำก็เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า”ของเรา และเป็นการปลูกจิตสำนึกให้กับลูกเสือ เนตรนารี ให้มีจิตใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ รวมถึงความมีระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา ความรักชาติ บ้านเมือง

รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการจะออกกฏกระทรวงใหม่เกี่ยวกับการแต่งกายของลูกเสือ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอตามขั้นตอน โดยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ(สลช.) นำไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงความเหมาะสมถูกต้อง หากกฤษฎีกาส่งคืนกลับมาแล้ว สลช.ก็จะส่งให้ รมว.ศึกษาธิการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบออกเป็นกฏกระทรวง เพื่อปลดล็อคเครื่องแต่งกายสำหรับลูกเสือ ซึ่งจะมี 3 รูปแบบ ได้แก่ ชุดปกติ(ชุดลูกเสือเดิม) ชุดปฏิบัติการ และชุดลำลอง โดยให้สถานศึกษาพิจารณาเลือกได้ตามบริบทของสถานศึกษานั้น ๆ ทั้งนี้จะพยายามทำกฏกระทรวงใหม่นี้ให้เสร็จทันปีการศึกษาหน้านี้ และให้เสร็จทันในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ









เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่เปิดงานมหกรรมวิชาการ “ปฏิวัติการศึกษา พัฒนา สพม.กาฬสินธุ์ สู่การเรียนรู้วิถีใหม่” “Innovating Education for Kalasin’s Future and a New Era of Learning” สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ ณ หอประชุมโรงเรียนคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์

ทั้งนี้ นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาพบปะ ท่านผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้าราชการครูบุคลากรทางการศึกษาลูกๆนักเรียน และพี่น้องชาวอุดรธานีในวันนี้ จากการรับฟังคำกล่าวรายงาน ของท่านผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 ทำให้ทราบถึง การดำเนินการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาตามนโยบาย “การจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต”นักเรียนอ่านออก เขียนได้ โรงเรียนสะอาด สวยงาม ปลอดภัย โรงเรียนคุณภาพ ปลอดโรค ปลอดภัย เรียนดี มีความสุข ตนขอชื่นชมทุกท่านที่ได้ให้ความสำคัญกับผู้เรียน เพราะหัวใจสำคัญของการศึกษา นักเรียนต้องมีพื้นฐานของการอ่านออก เขียนได้ และมีความสุข ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพ การศึกษาเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
“พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้มีความมุ่งมั่น สานต่อนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนเป็นที่ประจักษ์ โดยสานต่อนโยบายเดิม และเพิ่มการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการเพิ่มเติมนโยบายตามแนวทางของรัฐบาลชุดใหม่ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องทุนมนุษย์เป็นรากฐานที่สำคัญ ของการพัฒนาประเทศ ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อเป้าหมายในการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ภายใต้นโยบายหลัก คือ
“ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา” และ “ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง” มุ่งเน้น “การเพิ่มเครือข่ายทางการศึกษา” เพิ่มการมีส่วนร่วม สร้างภาคีเครือข่าย โดยนำงานวิจัยเป็นฐาน มีการทำงานเป็นทีม สร้างบรรยากาศการทำงานอย่างมีความสุข และสร้างองค์กรแห่งวัฒนธรรม ทั้งภาควิชาการ หน่วยงานทางการศึกษา สถานศึกษา/สถาบันทางการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน เพื่อ “การศึกษาที่เท่าเทียม” พัฒนาคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัย ให้ผู้เรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” พัฒนา ส่งเสริม และสร้างความเสมอภาค เพื่อ “ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพการศึกษา” ร่วมกัน “ปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ” เพื่อให้ประเทศมีความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ทั้งนี้การขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาให้ประสบความสำเร็จ ต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ปกครองนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และชุมชนเข้ามาร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน เพื่อคุณภาพการศึกษาของลูกหลานของเรา” รมช.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ทั้งนี้ขอฝากครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ร่วมกันแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบให้กลับมาสู่ระบบการศึกษาและร่วมกันเตรียมความพร้อมในการประเมิน PISA 2025 โดยเน้นการสอนให้เด็กนักเรียนได้รู้จักวิธีการคิด วิเคราะห์และแยกแยะให้เป็น




