“เสมา 1”ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยดูแลกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ย้ำไม่ทิ้งผู้ได้รับผลกระทบ เล็งตั้งอนุสรณ์สถานที่โรงเรียน

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ  เปิดเผย ภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 35/2567  ว่า ในที่ประชุมได้มีการขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันดูแลเกี่ยวกับกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ทำให้มีนักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งได้ช่วยกันดูแลช่วยเหลือดำเนินการต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดเหตุจนกระทั่งพระราชทานเพลิงศพจนเสร็จสิ้นกระบวนการ โดยได้มอบหมายให้ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทำหนังสือขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ อย่างไรก็ตามต่อจากนี้จะต้องมีการติดตามดูแลเยียวยาเด็กและครูที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะการติดตามอาการและฟื้นฟูเด็กที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล รวมทั้งติดตามเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ ของครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบด้วย ทั้งนี้ได้มอบมายให้ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ไปสำรวจความต้องการของโรงเรียน ครู และน้อง ๆ ในโรงเรียนที่ถือว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบว่า ต้องการทำกิจกรรม โครงการอะไรเพื่อเป็นการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ในการประชุมได้มีการรายงานการช่วยเหลือเยียวยา ครูและนักเรียนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ดังนี้  เงินที่ได้รับตามกฎหมาย ประกันชีวิต ได้แล้วรายละ 2.4 ล้านบาท  เงินบริจาคกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ขณะนี้ มีเงิน 2.5 ล้านบาท  การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คุณครู 2 ราย ซึ่งขณะนี้ สพฐ.ได้ดำเนินการรวบรวมเอกสารขอเครื่องราชชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย ขณะเดียวกันได้ทำเรื่องขอเลื่อนเงินเดือน 3 ขั้นซึ่งขณะนี้ส่งเรื่องไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว และจะนำเข้าประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นี้ สำหรับทายาทของครูที่เสียชีวิต ซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศ หากต้องการเข้ารับราชการจะดำเนินการต่อไป ส่วนครูที่เป็นนักศึกษาฝึกสอนทางสภามหาวิทยาลัยฯ ได้อนุมัติปริญญาให้เป็นผู้สำเร็จการศึกษา เป็นกรณีพิเศษ และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติจะมอบเหรียญสดุดีให้แก่คุณครูทั้ง 3 ราย นอกจากนี้จะมีการสร้างอนุสรณ์สถาน สพฐ.จะปรับปรุงสนามเด็กเล่นในโรงเรียน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบและจัดสรรงบประมาณ

“นอกเหนือจากการดูแลช่วยเหลือเยียวยาแล้ว กระทรวงศึกษาธิการยังมีมาตรการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีก โดยมีหนังสือกำชับทั้งจากสพฐ. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนหรือ สช.ไปยังหน่วยงานและโรงเรียนในสังกัดเพื่อกำชับมาตรการป้องกัน รวมถึงแจ้งให้ทราบว่า กรมการขนส่งทางบกยินดีให้ความร่วมมือในการส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยตรวจสอบรถที่จะใช้ในการทัศนศึกษา และให้มีการซักซ้อมการใช้รถกรณีเกิดเหตุร้ายด้วย”พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าวและว่า สำหรับน้อง ๆ ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการมีการติดตามอาการและเข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลทุกวัน เพื่อให้กำลังใจผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ช่วยดูแล อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงการดูแลน้องทั้ง 3 คนเป็นพิเศษที่อาจจะมีบาดแผลจากไฟไหม้ และต้องช่วยกันเยียวยาผู้ปกครองด้วย โดยในส่วนของการรักษาตัวไม่ต้องเป็นกังวลเพราะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว แต่เราจะต้องมาดูในอีกมิติ คือ เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ปกครองขาดรายได้เนื่องจากต้องหยุดงานมาดูแลน้องในช่วงรักษาตัวซึ่งก็น่าจะช่วยดูแลในส่วนนี้ด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น ข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 3 ตุลาคม 2567 มีนักเรียน นักศึกษา ที่ประสบภัย 22,739 คน มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประสบภัย 1,237 คน โดยจำนวนนี้มีสถานศึกษาและหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ รวม 397 แห่ง  โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้รวบรวมงบประมาณ เพื่อของบกลางในการช่วยเหลือเยียวยาหน่วยงานและสถานศึกษา ศธ.ที่ประสบภัย จำนวน 273 ล้านบาท สำหรับการช่วยเหลือเยียวยานักเรียน นักศึกษา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง เป็น “ค่าหนังสือ ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่าอุปกรณ์การเรียน” ในอัตราเงินอุดหนุนรายหัว ของโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน แก่นักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้รับรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA ของ สพฐ. และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ซึ่งมีการอบรมออนไลน์ “การสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น” ระหว่างวันที่ 7-8 ตุลาคม 2567 จำนวน 3 วิชา วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย ทั้งออนไลน์ผ่าน Zoom meeting (สำหรับครู สพฐ. สช. สอศ. สช. อว. กทม. สถ.) และ Youtube (สำหรับผู้สนใจ) โดยฝึกปฏิบัติในรูปแบบออนไซต์ ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2567 พร้อมมอบ สสวท. จัดทำคลิปเผยแพร่ออนไลน์เพื่อสร้างการเรียนรู้ในวงกว้าง มีกิจกรรมโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง และโรงเรียนคู่พัฒนา รวมถึงการขับเคลื่อนและนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ไปใช้ในห้องเรียน ภาคเรียนที่ 1/2567 ของโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนขยายโอกาส จำนวน 9,214 แห่ง  ทั้งนี้ สสวท.ต้องมีคู่มือแนะนำการใช้สื่อ วิธีการใช้ ประโยชน์ที่ได้รับ โดยให้ตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม ภายใต้ชื่อ คณะกรรมการพิซาและยกระดับคุณภาพการศึกษา”

 

ผู้บริหาร ศธ.ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานในการออกเมรุ และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี เขต 2 โดยมีผู้แทนของรัฐบาลเข้าร่วม ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ นำโดยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ  นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงผู้บริหาร บุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และครอบครัวของผู้เสียชีวิต เข้าร่วมในพิธี ณ อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี

โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีทอดผ้าไตรพระราชทาน จำนวน 5 ไตร วางกระทงข้าวตอก ดอกไม้ หน้าหีบศพ หยิบธูปเทียนดอกไม้จันทน์จากเจ้าพนักงาน จุดไฟที่โคมจากเจ้าพนักงาน วางดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิง แล้ววางธูปเทียนดอกไม้จันทน์ของพระบรมวงศานุวงศ์ วางที่หน้าหีบศพ ตามด้วย พระสงฆ์ ข้าราชการ ประชาชน ขึ้นวางดอกไม้จันทน์ตามลำดับ จากนั้นได้มีการเคลื่อนขบวนศพ ของครูและนักเรียน มาประกอบพิธีฯ ณ สถานที่ประกอบพิธี ครั้งละ 7 ร่าง จนครบทั้ง 23 ร่าง โดยมีครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่ในขบวน และทำการเก็บเถ้ากระดูก เพื่อส่งมอบให้กับครอบครัวผู้วายชนม์ ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงแล้ว ในส่วนของพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลต่อจากนี้ จะเป็นการทำบุญของครอบครัวและญาติ แยกกันไปประกอบพิธีตามอัธยาศัย

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับผู้บาดเจ็บทุกคนไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับศพผู้เสียชีวิตไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพผู้เสียชีวิต พระราชทานเพลิงศพแก่ผู้เสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษ ทั้งพระราชทานเงินช่วยเหลือและพระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของครูที่เสียชีวิต ผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังความปลื้มปีติแก่พสกนิกรโดยทั่วกัน

สพฐ. ปลื้มนักเรียนไทยคว้า 26 รางวัล “คณิต-วิทย์โอลิมปิก” ระหว่างประเทศ ระดับประถมฯ ที่จีน


เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้นำนักเรียนระดับประถมศึกษา ที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2567 International Mathematics and Science Olympiad for Primary School 2024 (IMSO 2024) ระหว่างวันที่ 1-6 ตุลาคม 2567 ณ เมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ใน 2 สาขาวิชา คือ คณิตศาสตร์ จำนวน 12 คน และวิทยาศาสตร์ จำนวน 12 คน รวมทั้งสิ้น 24 คน ผลปรากฏว่าผู้แทนนักเรียนไทยสามารถคว้ารางวัลกลับประเทศมาได้ทุกคน ประกอบด้วย 5 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 10 เหรียญทองแดง รวมถึงรางวัล Best over all Math และรางวัล Discovery STEM รวมทั้งสิ้น 26 รางวัล โดยคณะนักเรียนและครูผู้ฝึกสอนเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2567 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และครอบครัวนักเรียน ร่วมต้อนรับและแสดงความยินดี

สำหรับการแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2567 มีประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 18 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม บัลแกเรีย บอตสวานา จีน อิหร่าน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน ลาว มองโกเลีย มาเลเซีย เนปาล ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา รวมนักเรียนที่เข้าร่วมทุกประเทศ จำนวน 263 คน โดยผลรางวัลของนักเรียนไทย มีดังนี้

สาขาคณิตศาสตร์ จำนวน 13 รางวัล แบ่งเป็น เหรียญทอง 3 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กชายฉัตรดนัย ลิ้มศิริรังสรรค์ โรงเรียนนานาชาติกระบี่ 2.เด็กชายพุฒิพงศ์ นนทิการ โรงเรียนศรีสว่างวงศ์ 3.เด็กหญิงเพชรพริมา เศรษฐปิยานนท์ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย / เหรียญเงิน 5 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กหญิงญาณภัค ปิ่นแก้ว โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2.เด็กชายนะนทณัฎฐ์ ผดุงเกียรติวงษ์ โรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์ 3.เด็กชายปิยะ ทั่งโต โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม 4.เด็กชายปุณณธี อรุณนารา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ฝ่ายประถม 5.เด็กชายร่มฉัตร สุจิรัตน์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม / เหรียญทองแดง 4 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กชายธนัตถ์สิทธิ์ เผื่อจิรายุส์ โรงเรียนกว่างเจ้า 2.เด็กชายพันธุ์ธัช อัดโดดดร โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา 3.เด็กหญิงวารุรินทร์ สัจจะวรรณคุณ โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ 4.เด็กชายศิวัจน์ เฉลิมนิธิวงศ์ โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย และรางวัล Best over all Math ได้แก่ เด็กชายฉัตรดนัย ลิ้มสิรินรังสรรค์

สาขาวิทยาศาสตร์ จำนวน 13 รางวัล แบ่งเป็น เหรียญทอง 2 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กหญิงเนธิสดา ตั้งยิ่งยง โรงเรียนวัดเขากลอย 2.เด็กชายวริศ สุวรรณชาตรี โรงเรียนแสงทองวิทยา / เหรียญเงิน 4 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กหญิงณัฎฐากุลยา ถาวรพัฒน์ โรงเรียนอนุบาลพนัสศึกษาลัย 2.เด็กชายธนดนย์ เกษมธรรมกิจ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3.เด็กชายปัณณพัฒน์ คงนคร โรงเรียนแสงทองวิทยา 4.เด็กชายสิรวิชญ์ ธนสารสุขสถิตย์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล / เหรียญทองแดง 6 รางวัล ได้แก่ 1.เด็กหญิงกัญญ์วฤนท์ ถาวรพัฒน์ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย 2.เด็กชายพัชรพล ชลไพศาล โรงเรียนแสงทองวิทยา 3.เด็กหญิงศิรัชญากานต์ เลากิจวิรุฬห์ โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ 4.เด็กชายอนันดา อนันตโชค โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม 5.เด็กชายอลีฟ สามะ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม 6.เด็กชายอินทัช ตั้งกิตติมศักดิ์ โรงเรียนอนุบาลสามเสนฯ และรางวัล Discovery STEM ทีม Thailand ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1
.
นางสาวธัญนันท์ แก้วเกิด รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการการศึกษา สพฐ. ผู้นำทีมนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน กล่าวว่า สพฐ. ได้สนับสนุนและส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถของนักเรียนอย่างรอบด้าน ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ  และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ  โดยเฉพาะในด้านทักษะทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต อีกทั้งยังเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างโอกาสให้เด็กไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันในเวทีนานาชาติเพื่อยกระดับความสามารถในการพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ โอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและครอบครัว สถานศึกษา รวมถึงประเทศชาติ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
.
เด็กหญิงเนธิสดา ตั้งยิ่งยง โรงเรียนวัดเขากลอย เจ้าของรางวัลเหรียญทอง สาขาวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ รู้สึกว่ามันไม่ใช่การแข่งขันธรรมดา แต่เป็นโอกาสที่ดีในการได้พบเจอคนเก่งๆ จากหลายประเทศ ได้เจอกับข้อสอบที่ทำให้เราสนุกและตื่นเต้น ได้เพื่อนใหม่และได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำ ต้องขอขอบคุณ สพฐ. ที่ได้นำพวกเรานักเรียนไปร่วมการแข่งขันในครั้งนี้และดูแลพวกเราเป็นอย่างดี
.
ขณะที่ เด็กชายอินทัช ตั้งกิตติมศักดิ์ โรงเรียนอนุบาลสามเสนฯ ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง สาขาวิทยาศาสตร์ และร่วมทีม Thailand คว้ารางวัล Discovery STEM รองชนะเลิศ อันดับ 1 กล่าวว่า ตนได้เตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยการอ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด ทบทวนความรู้ ตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็ไปอ่านเพิ่มเติม และรู้สึกพอใจกับผลรางวัลที่ได้รับ เพราะไม่ว่าจะได้รับรางวัลอะไรก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว อีกทั้งยังได้ประสบการณ์ รู้จักเพื่อนต่างชาติหลายประเทศ ขอให้ สพฐ. ทำโครงการดีๆ เช่นนี้ต่อไปทุกปีครับ
เด็กชายปิยะ ทั่งโต โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม เจ้าของรางวัลเหรียญเงิน สาขาคณิตศาสตร์ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนนักเรียนไทยไปเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ได้ทำชื่อเสียงให้ครอบครัวและประเทศชาติ และได้รับประสบการณ์ที่สนุก ตื่นเต้น น่าจดจำ ตั้งใจว่าจะนำประสบการณ์จากการแข่งขันนำไปพัฒนาตัวเองด้านคณิตศาสตร์ต่อไป

ลูกเสือไทยไม่หยุดคิดทำโครงการลูกเสือสวนครัว เพาะพืชผักสวนครัวแจกผู้ประสบภัย พร้อมแปรรูปดินโคลนน้ำท่วม ผลิต “ดินไส้เดือนลูกเสือ Earthworm Scout Soil” ปลูกผักงามดี

 

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ดร.อาทร จันทวิมล ประธานมูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ ปี 2567 ที่จังหวัดเชียงราย ทำให้มีดินโคลนจำนวนมากไหลตามน้ำมาทับถมในถนนและบ้านเรือน กลุ่มลูกเสือได้ศึกษาข้อมูลและระดมสมองกันเพื่อหาทางนำดินที่ไหลมากับน้ำท่วมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงได้ความคิดว่าจะนำไปทำ “ดินไส้เดือนปลูกต้นไม้” โดยนำดินน้ำท่วมมาผสมกับใบไม้ ขี้วัว แล้วปล่อยพ่อแม่พันธุ์ไส้เดือนลงไป เพื่อให้ไส้เดือนไปกินดิน ใบไม้ และขี้ว้ว ออกมาเป็นมูลไส้เดือน ที่สามารทำเป็นดินปลูกต้นไม้ขายได้ โดยกิจกรรมลูกเสือไทยครั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG ของสหประชาชาติ ข้อ 2 กับ 16 และตรงตามนโยบาย Scouts for SDG ของลูกเสือโลกด้วย

ดร.อาทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังทำโครงการลูกเสือสวนครัว Scout Kitchen Plants project โดยมีการเชิญชวนสมาชิกในไลน์ “มูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือ” “ครูลูกเสือ” และ ไลน์ “Mop. ลูกเสือสันติภาพ” เข้าร่วมโครงการ ด้วยการให้ลูกเสือไทยทำการเพาะพืชสวนครัว หรือขุดจากบ้านของตนเองใส่ถุงดำ นำไปแจกถึงบ้านผู้ประสบภัย หรืออาจลงมือปลูกให้ในที่น้ำท่วมไม่ถึง ตัวอย่างเช่น ผักบุ้ง แตงกวา แตงร้าน กะเพรา โหระพา พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า ตะไคร้ มะนาว มะกรูด แคบ้าน ถั่วพู มะละกอ ฟักเขียว บวบงู หน่อกล้วย ฯลฯ โดยมีเป้าหมาย พืชสวนครัว 100,000 ต้น มอบผู้ประสบภัย 10,000 ครอบครัว

ทั้งนี้ โครงการลูกเสือสวนครัว ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยปลูกมะละกอ 100 ต้น ให้แก่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.เวียงเชียงรุ้ง  ในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะปลูกมะละกอ 1,000 ต้น ที่ อำเภอเมือง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และวันที่ 30 ตุลาคม จะปลูกมะละกอและพืชสวนครัว 5,000 ต้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

 

“เพิ่มพูน” มอบนโยบายการขับเคลื่อนงาน สกร.ปี 68 สานต่อเรียนดี มีความสุข พร้อมเชิญชวนร่วมปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ประจำปี 2568 โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ พลเอก อภิชาต อุ่นอ่อน ประธานคณะทำงานฝ่ายอำนวยการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายกฤตชัย อรุณรัตน์ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) ว่าที่ร้อยเอก วิสาร ปัญญชุณห์ รองอธิบดี สกร. นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีสกร. นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล รองอธิบดีสกร. พร้อมด้วย ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ผู้อำนวยการกลุ่ม/ศูนย์ส่วนกลาง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมการเรียนรู้ นอกจากนี้ ผู้อำนวยการส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดทุกแห่ง/กรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการศูนย์หรือสถาบันการเรียนรู้เฉพาะด้าน หรือเฉพาะกิจการทุกแห่ง และผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ/เขตทุกแห่ง เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน  กล่าวว่า ข้อสั่งการที่ได้ฝากความหวังไว้กับกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) อาทิ การสอบเทียบ (การเทียบระดับการศึกษา) และ Thailand Zero Dropout แก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะสกร. มีอยู่ทุกตำบลในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับผู้นำท้องถิ่นเป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้ทราบว่า เด็กคนไหนที่ไม่สามารถไปเรียนได้ ด้วยเงื่อนไขอะไร นอกจากเติมเต็มในด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว สกร.ยังเติมเต็มส่งเสริมในเรื่องของอาชีพ นอกจากนี้ยังฝากให้ทุกหน่วยงานการศึกษา และสถานศึกษาในสังกัด จัดทำพิกัด Google map เพื่อให้ทราบพิกัด หรือทราบว่า หน่วยงานการศึกษา และสถานศึกษาเราอยู่ตรงไหน พร้อมขอให้ทุกท่านร่วมขับเคลื่อนและสานต่อนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” และนโยบาย “สุขาดี มีความสุข” ต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงข้อสั่งการและแนวปฏิบัติให้แก่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ทั้ง 6 ประเด็นสำคัญดังนี้
1) ให้นำนโยบายด้านการศึกษาของคณะรัฐบนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาและนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม (Action Plan)
2) ให้ยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม หลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน และดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อย่างเคร่งครัด เช่น การสอบ การบรรจุ แต่งตั้งโยกย้าย (ห้ามซื้อ-ขายตำแหน่ง) ห้ามทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุ ครุภัณฑ์ ชุดนักเรียน อาหารกลางวัน ฯลฯ
3) น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ
4) ให้ร่วมกันปลูกฝังการรักษาสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด
5) ส่งเสริมการอ่านและคิดวิเคราะห์อย่างเป็นกระบวนการ โดยผู้บริหารและครูต้องเป็นต้นแบบ
6) การลงพื้นที่ตรวจราชการหรือตรวจเยี่ยม ให้ดำเนินการอย่างเรียบง่าย โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาร่วมรับการตรวจราชการหรือตรวจเยี่ยม โดยให้มีการดำเนินการอย่างเรียบง่ายและประหยัด เช่น ไม่ต้องผูกผ้า ไม่ต้องติดป้ายต้อนรับ ไม่มีของระลึกหรือของฝากใดๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ ยังได้สั่งการให้ไปดำเนินการ Action Plan โดยฝากให้ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด หน่วยงานการศึกษา และสถานศึกษาต่างๆ จัดทำแผน 3 ปีล่วงหน้า โดยขอให้ยึดหลักหลักการทำงาน “ ครองตน ครองคน ครองงาน ” อีกทั้งยังขอเชิญชวนให้พวกเรามาร่วมกัน “ปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ” โดย ขอให้ทำงานด้วยความรวดเร็ว และเร่งด่วน เป้าหมายคือให้คนไทย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” โดยเริ่มจากพวกเราก่อน ทำอย่างไรให้ทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย ประชาชนคนไทย “มีความฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” เพื่อมุ่งไปสู่ยุทธศาสตร์ชาติ คือ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”

“เพิ่มพูน-สุรศักดิ์” มอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่ ร่วมกันปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน เน้นย้ำระบบดูแลความปลอดภัย จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/2567 เพื่อนำนโยบายกระทรวงศึกษาธิการลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ  ร่วมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง โดย  ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการกพฐ. และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 245 เขตทั่วประเทศ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 77 จังหวัด รวมถึงผู้อำนวยการสำนักและบุคลากรของ สพฐ. เข้าร่วมรับึฟังนโยบาย ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ ควบคู่การประชุมผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting และถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง OBEC Channel


พล.ต.อ.เพิ่มพูน  กล่าวว่า การประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางในการทำงานวันนี้ เน้นย้ำเรื่องการดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนและนักเรียน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเสียใจขึ้นอีก โดยกำชับเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ อุบัติภัยต่างๆ ซึ่งล่าสุดจากการส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ท่านแจ้งว่ายินดีให้ความร่วมมือในการตรวจความพร้อมของรถก่อนออกเดินทางไปทัศนศึกษาหรือทำกิจกรรมของโรงเรียน พร้อมกำชับให้กำกับดูแลความปลอดภัยในสถานศึกษาต่างๆ รวมถึงการจัดการเรียนการสอน สร้างเครือข่ายทางการศึกษา ภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เพื่อให้การศึกษาเกิดความเท่าเทียมในทุกพื้นที่ ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา พร้อมทั้งจัดทำแผนงาน 3 ปี ว่าใน 3 ปีข้างหน้าเราจะทำอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดการทำงานที่ต่อเนื่อง โดยกำหนดตัวชี้วัดเป้าหมายที่ชัดเจน และแจกให้ ผอ.โรงเรียนในเขตที่ตนเองรับผิดชอบทุกแห่ง เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างเป็นระบบ และได้ฝาก ผอ.เขต และผู้บริหารทุกคน ให้ยึดหลัก “ครองตน ครองคน ครองงาน” วางตนอยู่ในศีลธรรม จริยธรรมอันดี นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และร่วมกันปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ”จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน”

ด้าน นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า  ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มาช่วยกันในเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้เมื่อสัปดาห์ก่อน และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น จึงขอเน้นย้ำเรื่องของมาตรการความปลอดภัย ต้องทำงานอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญ มีแผนเผชิญเหตุ และการถอดบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก นอกจากนี้่ขอเน้นย้ำนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ปีที่ 2 ที่ต้องการขับเคลื่อน ใน 7 ด้าน ดังนี้
1. ความปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียน อาจมีโรงเรียนหลายแห่งที่จัดกิจกรรมเข้าค่าย เข้าแคมป์ ขอให้กำชับ กำกับดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ดี มีการจัดทำแผนเผชิญเหตุเพื่อความปลอดภัยด้วย
2. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เพื่อเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ และกระบวนการจัดการเรียนการสอน โดยใช้สื่อออนไลน์และไซเบอร์ อย่างสร้างสรรค์
3. สอดส่อง/เฝ้าระวังอันตราย จากบุคคลภายนอกที่อาจเข้ามาสร้างความไม่ปลอดภัยในโรงเรียน
4. สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ตั้งแต่ความร่วมมือกับผู้ปกครอง จนถึงหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยกันสอดส่อง ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
5.โครงการอาหารกลางวันนักเรียน ต้องบริหารจัดการให้ถูกต้อง เหมาะสมตามหลักโภชนาการ
6.พัฒนาสมรรถนะบุคลากร ให้มีความพร้อมเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
7. การบริหารงบประมาณ ที่จะดำเนินการในปี 2568 ขอให้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ อย่างมี
ประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐ อย่างสอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงศึกษาธิการพร้อมขับเคลื่อนนโยบายลงสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานทุกท่านเข้ามาช่วยกัน ผมขอเป็นกำลังใจให้ ผอ.เขต รอง ผอ.เขต และผู้บริหาร สพฐ. ทุกคน ในการบริหารการจัดการศึกษาเพื่อยกระดับการศึกษาของประเทศไทย ให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมในทุกพื้นที่ มีคุณภาพทัดเทียมสากล และสามารถแข่งขันได้บนเวทีโลกต่อไป” รมช.ศธ. กล่าว

“อาชีวะ”จัดทีมขยายเวลาชะล้างซ่อมสร้างอีก15วันตามคำเรียกร้องของชาวบ้านแล้ว

ตามที่ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)ให้ขยายเวลาช่วยฟื้นฟู ชะล้าง ซ่อมสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์การเกษตรให้น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ออกไปอีก 15 วัน นั้น

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ระหว่างวันที่ 3-7 ต.ค.2567 อาชีวศึกษาได้นำทีมฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีภาคเหนือ 11 แห่งและทีมศูนย์ซ่อมศูนย์ซ่อมสร้างอาชีวศึกษา Fix it Center ภาคเหนือ 11 แห่ง โดยตั้งศูนย์ซ่อมสร้าง ชะล้างโคลนในชุมชน ที่วัดผาสุการามและชุมชนบ้านเหมืองแดง ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากได้เกิดวิกฤตการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงสั่งการให้มีการเสริมทัพโดยให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 11 แห่งนำรถขุดแบคโฮและทีมงานมาเสริมทัพเข้ามาอีก ทั้งนี้จากการสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน ตนจึงได้มอบหมายให้วิทยาลัยต่าง ๆ ในสังกัด สอศ.ดำเนินการ โดย ระยะที่ 1 ระหว่าง วันที่ 3 – 7 ต.ค. 67 ทีม Fix it Center ที่มีสถานศึกษา จำนวน 12 แห่ง ได้ ดำเนินการไปแล้ว ทีมฟื้นฟูและช่วยเหลือฯสถานศึกษา จำนวน 11 แห่ง ก็ได้ดำเนินการแล้ว ทีมประกอบอาหาร สถานศึกษา จำนวน 4 แห่งดำเนินการแล้ว ซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลาในวันนี้ ตามที่เป็นข่าวในเบื้องต้น

นายยศพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เราจะมีการดำเนินการในระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค.2567 ณ วัดผาสุการาม บ้านไม้ลุงขน ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทีม Fix it Center จะมี  วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคสองแคว  วิทยาลัยการอาชีพเถิน วิทยาลัยการอาชีพลอง ทีมฟื้นฟูและช่วยเหลือฯ มี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยนาท วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีราชบุรี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี และวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ทีมประกอบอาหาร เป็นทีมวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ ระยะที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-17 ต.ค. 2567  ทีม Fix it Center จะมี วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร วิทยาลัยการอาชีพพิชัย วิทยาลัยการอาชีพนครไทย วิทยาลัยสารพัดช่างพิษณุโลก ทีมฟื้นฟูและช่วยเหลือฯ มี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรค์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกำแพงเพชร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบูรณ์ ทีมประกอบอาหาร จะเป็นทีมที่มาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง ระยะที่ 4 ระหว่างวันที่ 18 – 22 ต.ค. 67 ทีม Fix it Center จะมีวิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ วิทยาลัยการอาชีพเถิน วิทยาลัยการอาชีพลอง วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ ทีมฟื้นฟูและช่วยเหลือฯ มี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุทัยธานี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา ทีมประกอบอาหาร จะเป็นทีมที่มาจาก วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก

“ธนุ” ลงพื้นที่ตรวจสภาพอาคารเรียนภายหลังน้ำลดที่ โรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขน มิตรภาพที่ 169 จังหวัดเชียงราย


วันที่ 6 ตุลาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมด้วย นางสาวพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นายนิยม ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางสาวิกา วงศ์ฝั้น ผู้อำนวยการกลุ่มออกแบบและก่อสร้าง สำนักอำนวยการ สพฐ. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดเชียงราย และคณะ ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสภาพอาคารเรียนภายหลังน้ำลด เพื่อทำการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พร้อมให้กำลังใจข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ณ โรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขน มิตรภาพที่ 169 จังหวัดเชียงราย

ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโรงเรียนพบว่า ภายในบริเวณโรงเรียนยังมีน้ำท่วมขังและมีดินโคลนอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้เกิดความเสียหายและไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนตามปกติได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันเร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ โดยสิ่งสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการคือจัดหาสถานที่เรียนให้แก่นักเรียนและวางแผนการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต เช่น ปรับรูปแบบอาคารเรียนเป็นแบบยกสูงเพื่อให้เหมาะกับพื้นที่และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย รวมถึงได้กำชับให้เขตพื้นที่ดูแลช่วยเหลือทางโรงเรียนอย่างเต็มกำลัง หากสำรวจพบความเสียหายเพิ่มเติมให้เสนอคำของบประมาณมายัง สพฐ. เพื่อจัดสรรงบประมาณลงไปปรับปรุงซ่อมแซม ให้สามารถกลับมาจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติโดยเร็ว

สำหรับข้อมูลความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยของโรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขน มิตรภาพที่ 169 ที่สำรวจได้ ณ วันที่ 10 กันยายน 2567 ประกอบด้วย อาคารเรียนแบบ 017 อาคารเรียนแบบ 017 ก อาคารเรียนแบบ 105 ล/58 (ข) ต้านแผ่นดินไหว และอาคารอเนกประสงค์/โรงอาหาร ได้รับความเสียหาย ชั้นที่ 1 ทั้งหมด ขณะที่อาคารเรียนแบบ สปช. 104/26 บ้านพักครู ห้องน้ำห้องส้วม ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และในส่วนของแท้งค์น้ำ รั้วคอนกรีต ได้รับความเสียหายทั้งหมด

“เสมา1” ลงให้กำลังใจเด็กอาชีวะปล่อยคาราวานซ่อมสร้าง พร้อมมอบผ้ายันต์เลสเตอร์ สมเด็จเจ้าคุณธงชัย

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2567 ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อเวลา 8.00 น. พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เดินทางมาที่ชุมชนเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุด ฟื้นฟู และช่วยเหลือชะล้างซ่อมสร้าง เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตรของชาวบ้านที่เกิดจากอุทกภัยน้ำท่วม เพื่อ เป็นประธาน ปล่อยขบวนคาราวาน “อาชีวะร่วมด้วยช่วยประชาชน”

โดย นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวรายงานว่า ตามนโยบายและความห่วงใยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในวิกฤตการณ์น้ำท่วมภาคเหนือโดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จึงได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)บูรณาการ กับ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากได้เกิดวิกฤตการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงสั่งการให้มีการเสริมทัพโดยให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 11 แห่งนำรถขุดแบคโฮและทีมงานมาเสริมทัพ ชะล้างโคลนในชุมชนรวมถึงนำทีมอาชีวะอาสา Fix it center ลงพื้นที่ซ่อมสร้างเพื่อช่วยซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ให้กับชาวบ้านรวมถึงสถานศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ด้วย

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวว่า ที่มาลงพื้นที่วันนี้เพื่อมาให้กำลังใจน้อง ๆ อาชีวะไม่ได้มาตรวจงาน เพราะน้อง ๆ ทำงานมา 2-3สัปดาห์แล้วตั้งแต่อำเภอเทิงมาจนมาถึงอำเภอแม่สาย การได้มาเห็นในวันนี้ก็รู้สึกดีใจที่น้อง ๆ ครูและผู้บริหารให้ความร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือประชาชน โดยการทำงานวันนี้เป็นเรื่องของการฟื้นฟูเอาดินโคลนออกจากบ้านประชาชนและสถานที่ต่างๆ จากแผนเดิมที่ตั้งใจเข้าพื้นที่วันที่ 3- 7 ตุลาคม แต่เมื่อได้เข้ามาดูการทำงานแล้วคณะกรรมการหมู่บ้านขอให้ทีมงานอยู่ต่อ ตนจึงสั่งการให้ขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบนโยบายกับ สอศ.ว่า ให้ดูว่าในส่วนของวิทยาลัยใครเดือดร้อนน้อยขอให้ลงมาช่วยพี่น้องประชาชนก่อน เพื่อให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้จะได้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ ส่วนวิทยาลัยที่ได้รับความเสียหายก็จะเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูด้วยเช่นกันแต่ขอให้ช่วยเหลือประชาชนก่อน เพราะพี่น้องประชาชนต้องมาก่อน โดยตนได้ย้ำการทำงานภายใต้สโลแกน 3 ท. ทำดี ทำได้ ทำทันที

“ สถานการณ์น้ำในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตที่เมื่อเวลามีน้ำหลากเราก็จะเข้าช่วยดูแลซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับประชาชนหลังน้ำลด แต่ปัจจุบันเนื่องจากป่าไม้ไม่มี มีแต่ไร่ข้าวโพด นาขั้นบันไดก็ลดน้อยลง เวลาฝนตกก็ไม่มีอะไรช่วยชะลอน้ำ สมัยก่อนยังมีป่าไม้และมีนาขั้นบันไดที่ช่วยชะลอน้ำและเป็นเขื่อนธรรมชาติ แต่เมื่อไม่มีทั้งป่าไม้และนาขั้นบันไดเวลาฝนตกน้ำก็จะไหลลงมาทันที ซึ่งไม่ไหลลงมาเปล่าๆแต่ได้ชะดินลงมาด้วย จนทำให้เกิดเป็นวิกฤติดินโคลนอย่างที่เห็น เพราะฉะนั้นภารกิจหลักของอาชีวะอาสา Fix it center ก็ไม่ใช่แค่การซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์เครื่องใช้ของชาวบ้าน แต่ต้องเพิ่มมิติการจัดการดินโคลนด้วย ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้อาชีวศึกษาไปศึกษา กระบวนการที่จะจัดการกับดินว่าจะสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง เช่น นำฟางไปผสมเพื่อทำอิฐ จะได้หรือไม่ เป็นต้น” รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า จริงๆแล้วมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือประชาชนแต่ก็ยังไม่เพียงพอยังไม่สามารถฟื้นฟูให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบปัญหาต่างๆและมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีเข้ามาช่วยดูแลด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้พลตำรวจเอกเพิ่มพูนได้นำ ผ้ายันต์เลสเตอร์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ สมเด็จเจ้าคุณธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลางกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งเป็นการปลุกเสกรวมยันต์เกจิดังเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ด้วย ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวกับผู้ปฎิบัติหน้าที่ว่าขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง การใช้เครื่องไม้เครื่องมือเครื่องจักรต้องระมัดระวัง ต้องไม่ประมาทอย่าให้เกิดอุบัติเหตุ และได้ฝากว่า เรื่องการประพฤติปฏิบัติ  ขอให้ทำหน้าที่ให้ดี กิริยาวาจาอ่อนน้อม ต้องระมัดระวังคำพูด เพราะเป็นภาพพจน์ของชาวอาชีวศึกษา ช่วงนี้รู้สึกเสียว ๆ อย่างอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสที่ไม่น่าเกิดก็ยังเกิด ที่สำคัญในการปฎิบัติหน้าที่ขอให้ระลึกว่าเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตอยากให้ทุ่มเทด้วยหัวใจในการทำงาน

ว่าที่ ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ว่าสถานศึกษาที่ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ติดริมน้ำแม่ปิง คือ โรงเรียนเทพศิรินทร์ เชียงใหม่ สพม.เชียงใหม่ โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย สพม.เชียงใหม่ โรงเรียนสารภีพิทยาคม สพม.เชียงใหม่ โรงเรียนวัดเสาหิน สพป.เชียงใหม่ 1  โรงเรียนวัดเมืองสาตร สพป.เชียงใหม่ 1 โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ สพป.เชียงใหม่ 1  โรงเรียนวัดหนองป่าครั่ง  สพป.เชียงใหม่ 1 โรงเรียนบ้านท่าหลุกสันทราย สพป.เชียงใหม่ 1 โรงเรียนวัดป่าตัน สพป.เชียงใหม่ 1  โรงเรียนวัดป่าแดด  สพป.เชียงใหม่ 1  โรงเรียนบ้านเมืองกี๊ด สพป.เชียงใหม่ 2  โรงเรียนวัดบ้านเหล่า สพป.เชียงใหม่ 2 โรงเรียนบ้านผาหมอน  สพป.เชียงใหม่ 2 โรงเรียนชุมชนวัดช่องแล  สพป.เชียงใหม่ 2 โรงเรียนบ้านแม่เลา สพป.เชียงใหม่ 2  โรงเรียนบ้านรินหลวง สพป.เชียงใหม่ 3 โรงเรียนบ้านแม่สาว สพป.เชียงใหม่ 3 โรงเรียนบ้านหลวง
สพป.เชียงใหม่ 3  โรงเรียนวัดพระนอนหนองผึ้ง สพป.เชียงใหม่ 4  โรงเรียนบ้านพันตน  สพป.เชียงใหม่ 4  โรงเรียนวัดศรีโพธาราม สพป.เชียงใหม่ 4  ทั้งนี้ หลังจากน้ำลด สพฐ.จะเข้าไปสำรวจความเสียหายอีกครั้ง

ชาวบ้านปลื้ม “อาชีวะ” ลงช่วยชะล้าง-ซ่อมสร้าง หลังน้ำลด

ที่จังหวัดเชียงราย  วันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ได้ ลงพื้นที่และตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ ทีมฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีภาคเหนือ 11 แห่งและทีมศูนย์ซ่อมศูนย์ซ่อมสร้างอาชีวศึกษา Fix it Center ภาคเหนือ 11 แห่ง โดยวันนี้ได้เข้าไปที่วัดผาสุการามและชุมชนบ้านเหมืองแดง ทั้งนี้ นายยศพล กล่าวว่า  กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้จัดกิจกรรม “อาชีวะ ร่วมด้วยช่วยประชาชน” ฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 3 – 7 ตุลาคม ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย  โดยจัดทีมอาชีวะอาสา ลงพื้นที่เพื่อดำเนินการฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชนจุดที่วิกฤติ ที่เป็นพื้นที่ส่วนรวมก่อน ซึ่งได้เข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา และในวันพรุ่งนี้จะเข้าตามตรอกซอกซอยที่ประชาชนยังเดินทางออกมาไม่ได้ โดยจะใช้รถขุด ชุดชะล้างเข้าไปช่วยเอาโคลนออกจากบ้านเรือนประชาชน ซึ่งการทำงานจะเป็นการบูรณาการร่วมกันหลายส่วนทั้งราชการ ทหาร และท้องถิ่น

“การลงพื้นที่ทำให้เห็นว่า ชาวบ้านรู้สึกชอบใจที่ทีมอาชีวะเข้ามาช่วยด้วย เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก  ทีมอาชีวะอาสา Fix it Center สามารถช่วยเหลือซ่อมบำรุง เครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์การเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ ได้มาก ทั้งนี้เราจะอยู่ในพื้นที่ถึงวันที่ 7 ตุลาคมนี้ก่อน แล้วประเมินสถานการณ์อีกที โดยสถาบันอาชีวศึกษาภาคเหนือตอนบนได้เตรียมความพร้อมจัดทีมเพื่อเข้ามาเป็นกำลังเสริมไว้แล้ว”เลขาธิการ กอศ.กล่าว

ดร.วัชรพงศ์ ฝั้นติ๊บ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค(วท.)เชียงใหม่ กล่าวว่า ที่จุดวัดผาสุการาม บ้านไม้ลุงขน ต.แม่สาย มีทีม จาก วท.เชียงใหม่ วท.อุตรดิตถ์ วท.พิษณุโลก วท.นครสวรรค์ วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ วิทยาลัยการอาชีพเถิน วิทยาลัยการอาชีพพิชัย มาตั้งศูนย์ซ่อมสร้าง Fix it Center โดยส่วนใหญ่ที่ประชาชนนำมาให้ซ่อมจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ ที่ยกขึ้นสูงไม่ทัน เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ปั้มน้ำ มอเตอร์ไซค์ เครื่องสูบน้ำ หม้อหุงข้าว เป็นต้น  นอกจากนี้ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีหลาย ๆ แห่งก็ได้นำรถขุดมาช่วยกวาดโคลนด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อครบกำหนดวันที่ 7 ตุลาคม วิทยาลัยต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยอาจจะต้องถอนกำลังออกไปก่อน ส่วนวิทยาลัยในสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัด(อศจ.)เชียงรายจะยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ยังมีทีมสนับสนุนเพื่อมาทำอาหารให้กับน้องๆนักศึกษาที่ออกให้บริการประชาชนในการซ่อมสร้าง โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก และวิทยาลัยการอาชีพเชียงราย โดยเฉพาะ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย รับผิดชอบเรื่องโรงครัวจัดทำอาหาร รถรับส่งผู้บริหาร และเป็นเซ็นเตอร์ประสานงาน Fix it Center ในอำเภอแม่สาย

นางกฤษณฤดี หลุยจำวัล หัวหน้างานโครงการพิเศษและการบริการชุมชน วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ทาง Fix it Center รับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ที่ประชาชนนำมาให้ซ่อมจะเป็นมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร โดยเราจะซ่อมให้ฟรีทั้งหมด เพียงแต่ต้องนำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ซ่อมมาเกิน 90 % ต้องแกะดินโคลนออกก่อนทั้งหมดเพื่อล้างแล้วเป่าแห้ง ถึงจะตรวจซ่อมได้ ทั้งนี้อาชีวะอาสาทุกคนรู้สึกยินดีที่ได้มาส่วนช่วยประชาชนลดภาระค่าใช้จ่าย โดยสามารถไปได้เยอะมาก  เพราะถ้าไปจ้างร้านก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท

หลังจากนั้นนายยศพล ก็ได้เดินไปตรวจเยี่ยมที่จุดชุมชนเหมืองแดง อ.แม่สาย ซึ่งมี วท.เชียงราย วท.ลำพูน การอาชีพเชียงราย วท.กาญจนาภิเษกเชียงราย และวิทยาลัยการอาชีพลอง ตั้งศูนย์ ซ่อมสร้าง ซึ่งได้มีประชาชนนำเครื่องใช้ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ ตู้เย็น ปั๊มน้ำเครื่องใช้เกษตร มาใช้บริการซ่อมล้างทำความสะอาดเป็นจำนวนมาก โดย นายทวีศักดิ์ ชาวบ้านซอยอีก้อ บ้านไม้ลุงขน กล่าวว่า ที่บ้านมี 2 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 1 ถูกน้ำท่วมมิด เอาอะไรออกไม่ได้เลย จมโคลนหมด วันก่อนขับรถผ่านเห็นเด็ก ๆ ทำงานกันก็เลยขับรถเข้ามาถาม แล้วกลับไปขุดเครื่องใช้ไฟฟ้า   ตู้เย็นกับทีวี ที่จมอยู่ในโคลน 25 วัน ขึ้นมาให้น้อง ๆ ช่วยซ่อม ก็ขอขอบคุณอาชีวะที่มาช่วยผู้ประสบภัยที่ลำบากอยู่ในวันนี้  และได้เดินทางมาดูความเสียหายที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงรายโดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีความเสียหาย ประมาณการเบื้องต้น 24 ล้านบาท

นายนิยม ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการการอาชีวศึกษา(กพฐ.) ได้มอบหมายให้ นางพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักคลังและทรัพย์สิน สพฐ. พร้อมด้วยตน  และน.ส.สาวิกา วงศ์ฝั้น ผู้อำนวยการกลุ่มออกแบบและก่อสร้าง สำนักอำนวยการ สพฐ. ลงพื้นที่สำรวจและจัดทำแผนการของบประมาณแบบเชิงรุก เพื่อดำเนินการทำแผนทันที ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจพบว่าโรงเรียนที่หนักที่สุดคือโรงเรียน บ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า ซึ่งอาคารและบ้านพักครูเสียหายหนัก ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ต้องสร้างใหม่ เท่านั้น ซึ่งเราจะต้อง รีบดำเนินการเชิงรุกตามนโยบายพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ