เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้และเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ภายใต้หัวข้อ “Learning, Sharing, and Networking for the UNESCO GNLC and UCCN Membership”โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)และ Ms. Soohyun Kim ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ เข้าร่วม
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างราดเร็ว ความสามารถของเมืองในการปรับตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องกลายเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องเศรษฐกิจหรือโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่รวมถึงการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ และเมืองสร้างสรรค์ที่ยึดคนเป็นศูนย์กลางและชุมชนเป็นฐาน ตามที่เราได้ตระหนักว่า การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) คือเสาหลักในการพัฒนาที่แท้จริง ดังนั้น การเรียนรู้จึงไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน แต่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และกับคน ทุกช่วงวัย การส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในทุกช่วงวัย และทุกบริบทของชุมชนคือ หัวใจของการสร้างเมืองที่มีชีวิต ซึ่งเติบโตไปพร้อมกับประชาชน ทั้งนี้ ทุกคนที่นี่ล้วนเข้าใจว่า การเป็นสมาชิกเมืองภายใต้เครือข่ายของยูเนสโกไม่ได้หมายถึงการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเท่านั้น แต่คือการดึงศักยภาพของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทุนทางสังคม และการบูรณาการสิ่งสำคัญเพล่านี้กับการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าที่มีความหมายและคงอยู่ต่อไป
“ในฐานะหน่วยงานหลักของชาติด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเมืองต่าง ๆ ของไทยในการเข้าร่วมและพัฒนาภายใต้เครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ และเมืองสร้างสรรค์ พันธกิจของเราคือ สร้างความมั่นใจว่า โอกาสทางการเรียนรู้มีความครอบคลุมทั่วถึงสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ และจะบูรณาการกับชุมชนทุกแห่งอย่างยั่งยืน”ศ.ดร.นฤมล กล่าวและว่า ขอบคุณกรุงเทพมหานคร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ กระทรางวัฒนธรรม สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ สถานเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียน +8 ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนงานสำคัญนี้
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการเสวนาวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ , นิทรรศการและการนำเสนอ Best Practice จากเครือข่าย GNLC และ UCCN เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้และเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก อย่างไรก็ตาม การประชุมสัมมนาในครั้งนี้ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ การเสริมสร้างศักยภาพ และการสร้างเครือข่ายผ่านการสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาการศึกษาให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงอย่างเท่าเทียม



ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่รายงานสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มที่จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2568 นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือจะได้รับผลกระทบในช่วงวันที่ 25 – 27 สิงหาคม 2568 โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางเดินพายุ ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย อุตรดิตถ์ น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากพายุ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)มีความห่วงใยสวัสดิภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาทั่วประเทศ จึงกำชับสถานศึกษาในสังกัดให้เฝ้าระวัง เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศูนย์การศึกษาพิเศษทุกแห่ง ดูแลให้การช่วยเหลือนักเรียน ครู โรงเรียนในสังกัด รวมถึงทรัพย์สินทางราชการ ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอุทกภัยของ สพฐ. ทั้งมาตรการระยะสั้น อาทิ วิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินทางของนักเรียน จัดเตรียมที่พักพิงหากจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้าย สำรวจ/ซ่อมแซมอาคาร ระบบไฟฟ้า-ประปาให้มีความพร้อม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด หากมีเหตุจำเป็นให้ประกาศหยุดเรียนได้ทันที รวมถึงมาตรการระยะยาว แผนเผชิญเหตุ และรายงานสถานการณ์ทุกวัน พร้อมทั้งติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด โดยได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งทราบด้วยว่า หากมีเหตุด่วน เหตุฉุกเฉินที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทุกเขตสามารถประสานโดยตรงมาที่ เลขาธิการ กพฐ. และทีมผู้บริหารทุกคนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ และผู้บริหาร สพฐ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ส่วนกลาง) เพื่อติดตามการจัดสอบและมาตรการด้านความปลอดภัยให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีคณะทำงานจากสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) ร่วมติดตามการตรวจเยี่ยม ณ อาคารศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. พร้อมคณะฯ ได้ตรวจเยี่ยมสนามสอบศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พบว่าการจัดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีคณะกรรมการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ และมีมาตรการดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยมีผู้มีสิทธิสอบจำนวน 5,068 คน มีผู้มาเข้าสอบ 3,352 คน คิดเป็นร้อยละ 66.14 ว่าที่ร้อยตรีธนุ ได้สอบถาม พูดคุยทักทายกับผู้ที่มารอเข้าสอบ และได้กล่าวให้กำลังใจผู้เข้าสอบ พร้อมเน้นย้ำว่าการดำเนินการสอบแข่งขันเป็นไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ ตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอด เพื่อให้ได้ข้าราชการที่เป็นต้นแบบ มีคุณธรรมจริยธรรม และได้บุคลากรที่มีคุณภาพตอบโจทย์ภารงานของ สพฐ. ในส่วนกลางได้
สำหรับการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ส่วนกลาง) ได้เปิดสอบคัดเลือกใน 14 สายงาน รวม 61 อัตรา แบ่งเป็นตำแหน่งประเภทวิชาการ ได้แก่ นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ (4 อัตรา) นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ (2 อัตรา) นักวิชาการโสตทัศนศึกษาปฏิบัติการ (1 อัตรา) นักวิชาการตรวจสอบภายในปฏิบัติการ (1 อัตรา) นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ (1 อัตรา) นักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ (1 อัตรา) วิศวกรโยธาปฏิบัติการ (1 อัตรา) และตำแหน่งประเภททั่วไป ได้แก่ เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน (27 อัตรา) เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีปฏิบัติงาน (10 อัตรา) เจ้าพนักงานพัสดุปฏิบัติงาน (5 อัตรา) นายช่างโยธาปฏิบัติงาน (5 อัตรา) นายช่างเขียนแบบปฏิบัติงาน (1 อัตรา) เจ้าพนักงานเครื่องคอมพิวเตอร์ปฏิบัติงาน (1 อัตรา) และเจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษาปฏิบัติงาน (1 อัตรา) โดยการสอบวันนี้เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และทดสอบความรู้ความสามารถเกี่ยวกับงานในตำแหน่ง โดยวิธีการสอบข้อเขียน ซึ่งจะประกาศผลการสอบภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ต่อไป



ที่จังหวัดพิจิตร ดร.ภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตนได้รับ มอบหมายจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ว่าที่ ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มาเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา”ระหว่าง โรงเรียนในโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา 24 แห่ง ในจังหวัดพิจิตร กับ หอการค้าจังหวัดพิจิตรและมูนิธิใจกระทิง ณ ห้องประชุม แฮปปี้คอนเวนชั่น ฮอลล์ อาคารศูนย์การค้าแฮปปี้พลาซ่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
ดร.ภูธร กล่าวว่า การบันทึกความ ร่วมมือครั้งนี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีโรงเรียนเป้าหมาย 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ซึ่งหอการค้าจังหวัดพิจิตร และมูลนิธิใจกระทิง จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม ที่กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพิ่มทักษะอาชีพและทักษะชีวิตให้กับนักเรียน รวมถึงพัฒนาโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน
นอกจากนี้โรงเรียนยังมีอิสระในการออกแบบหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่ ส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในการจัดการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วย อีกทั้งให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการบริหารจัดการโรงเรียน ร่วมคิด ร่วมทำร่วมพัฒนา
นายจาตุรนต์ เหลืองสว่าง ประธานหอการค้า จังหวัดพิจิตรกล่าวว่า หอการค้าจังหวัดพิจิตรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนและส่งเสริมการศึกษาสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาศักภาพของเยาวชนรวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษาและสถาบัน ในด้านต่างๆ ทางด้านการศึกษาและคุณธรรม อย่างสม่ำเสมอเพราะตระหนักดีว่าเยาวชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หอการค้าจังหวัดพิจิตรและมูลนิธิใจกระทิงได้มุ่งดำเนินโครงการนำเยาวชนและส่งเสริม การเรียนรู้ต่าง ๆโดยมุ่งเน้นให้ ความรู้ ความสามารถ รวมถึงการพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่งของสังคม และให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคดิจิทัล เนื่องในวันที่ 5 กันยายนนี้ทางสภาหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดพิจิตรจะร่วมกันจัด UTCC TUTOR จะจัดติวเตอร์ เด็กเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ด้านนางสาวนุชรี อยู่วิทยา รองประธานมูลนิธิใจกระทิง กล่าวว่า มูลนิธิใจกระทิง ได้สานต่อปณิธานของ คุณเฉลียว อยู่วิทยา ประธานมูลนิธิฯในการตอบแทนแผ่นดินไทย



