“เสมา1”ปิ๊งไอเดียจัดการศึกษาต่อยอดอาชีพชุมชนชาวเลฝั่งอันดามัน

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 .. ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านชาวเลบ้านโต๊ะบาหลิว ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เพื่อเยี่ยมชมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน(Fix it center) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดย ..ตรีนุช กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ เป็นหนึ่งในโครงการFix it center ที่ได้มีการเปิดตัวแอพพลิเคชัน ช่างอาชีวะ(ช่างพันธุ์Rอาชีวะ ซ่อมทั่วไทย)แบบถาวร ในการช่วยอำนวยความสะดวกการให้บริการประชาชนมากขึ้น โดยพื้นที่นี้เป็นชุมชนชาวเล พื้นที่พิเศษ ห่างไกล ซึ่ง ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)ได้เน้นให้นำทีมFix it ลงมาแบ่งเบาภาระซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า  ข้าวของเครื่องใช้ประจำบ้านของประชาชนรวมถึงสอนและแนะนำประชาชนให้สามารถซ่อมสร้างด้วยตัวเองได้ด้วย

จากที่ได้ดูและพูดคุยกับชาวบ้าน ทำให้เกิดความคิดว่า พื้นที่นี้จะต้องเน้นเรื่องการศึกษาที่เป็นการต่อยอดอาชีพเดิมของชุมชนให้มีรายได้มากขึ้น รวมถึงสอนเรื่องการสร้างอาชีพให้เด็กในพื้นที่ด้วย เช่น การแปรรูปอาหาร พัฒนาการบรรจุหีบห่อ แพกเพจจิ้ง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นต้นรมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ด้าน ดร.สุเทพ กล่าวว่า การให้บริการครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่บริการในพื้นที่ชาวเลชุมชนบ้านโต๊ะบาหลิว ซึ่งมีครอบครัวประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ ประมาณ 50 ครัวเรือน  สำหรับกิจกรรมการให้บริการ เป็นกิจกรรมบริการซ่อมเครื่องมือ เครื่องจักรกล เรือประมง ยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า  เครื่องใช้ในครัวเรือน ได้แก่ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าภายในบ้าน  นอกจากนี้ยังให้บริการจัดสอนวิชาชีพระยะสั้น เช่น ทำกระทงทอง ข้าวไข่เจียวอาหารจานเดียวที่สามารถปรุงตามความต้องการของลูกค้าเพื่อสร้างรายได้ได้ เช่น ไข่เจียวรสต้มยำ ไข่เจียวพริกแกง เป็นต้น การสอนการทำปลั๊กพ่วงไฟ การทำผลิตภัณฑ์ขัดผิวจากกาแฟ การตัดผม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ สติ๊กเกอร์สินค้า พร้อมกันนี้ได้มอบกล่องกำลังใจ จำนวน 50 ชุด พร้อมต้นกล้าฟ้าทะลายโจรให้แก่ชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยในสังกัด สอศ.จังหวัดกระบี่ ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคกระบี่  วิทยาลัยสารพัดช่างกระบี่ วิทยาลัยการอาชีพอ่าวลึก  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ และ วิทยาลัยการอาชีพคลองท่อม

เลขาธิการ กอศ.กล่าวด้วยว่า การจัดการอาชีวศึกษาในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ซึ่งบริบทของพื้นที่จะเน้นการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการจัดการอาชีวศึกษาก็จะเน้นในเรื่องสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการโรงแรมเป็นหลัก ประกอบด้วย สาขาการโรงแรม อาหาร การท่องเที่ยว รวมถึงช่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น การซ่องเครื่องยนต์เรือยอร์จ เป็นต้น ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่ขับเรือยอร์จเข้ามาจอด และใช้บริการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ สำหรับเรื่องของการท่องเที่ยวและการโรงแรม ถือว่าเป็นสาขาหลักในพื้นที่ฝั่งอันดามัน เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะต้องใช้บริการด้านที่พักการนำเที่ยว และยังมีอาหารที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้อาชีพการทำสปาที่เป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวต้องการเข้ามาใช้บริการสปาของเมืองไทย ดังนั้นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในแถบนี้จะมีหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ของพื้นที่เป็นหลัก

ศธ.เร่งฉีดวัคซีนครูให้ได้ตามเป้า85%อัพ เพื่อความปลอดภัยเปิดเทอมOnsite

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีคไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ข้อมูล วันที่ 22 ตุลาคม 2564  มีเด็กประสงค์ฉีดวัคซีนจำนวน 3,779,871 คน ซึ่งจากที่ได้รับรายงาน 32 จังหวัด มีเด็กฉีดไปแล้ว 2,032,794 คน คิดเป็น 53.78%  ซึ่งถ้าดูจากภาพรวมการฉีดแล้วนักเรียนจะได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกครบทุกคนภายในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ และจะฉีดครบ 2 เข็มครบ100%ตามแผนที่วางไว้ภายในเดือนพฤศจิกายนแน่นอน

สำหรับการเปิดเรียนแบบOnsite นั้น ตอนนี้จะเน้นไปที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับวัคซีน 85%ขึ้นไป แต่ขณะนี้ครูฯฉีดไปแล้ว 70กว่า% ขณะที่บางจังหวัดฉีดไป70%ปลายๆเกือบ 80% แล้ว ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจะพยายามเร่งให้ครูฯได้รับการฉีดให้ได้ตามที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของเด็ก โดยจะประสานให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำรวจว่าโรงเรียนไหนที่ครูยังฉีดไม่ครบ2เข็ม เพื่อจะประสานให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการฉีดวัคซีคให้ครูฯต่อไปดร.สุภัทรกล่าว

“ ตรีนุช” ลงพื้นที่กระบี่-ตรัง ตรวจความพร้อมเตรียมเปิดเทอม สถานศึกษาฝั่งอันดามันพร้อมเปิดOnsiteสูง

เมื่อวันที่ 22ตุลาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่จังหวัดกระบี่และตรัง

โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า จากการ ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัดกระบี่ ได้แก่ โรงเรียนเมืองกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยม(สพม.) เขต 13 (-ตรัง กระบี่) โรงเรียนอิศรานุสรณ์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) กระบี่ และวิทยาลัยการอาชีพคลองท่อม สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)และได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา พบว่า จังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการเปิดเรียนแบบ Onsite ค่อนข้างสูง และจากที่ได้รับรายงานหากมองในภาพรวมของพื้นที่ฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้วถึง 96% ขณะที่นักเรียนก็ได้รับวัคซีนแล้ว 40-50% อีกทั้งพื้นที่แถบนี้ก็ไม่ค่อยรุนแรงของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มากนัก ผนวกกับมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขก็คิดว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ สถานศึกษาที่มีความพร้อมในพื้นที่นี้น่าจะเปิดเรียน Onsite ได้เลย และหลังวันที่ 15 พฤศจิกายนก็น่าจะเปิดได้เกือบ 100%

“ตอนนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้สื่อสารไปยังสถานศึกษาแล้วเกี่ยวกับมาตราการต่างๆ ทั้งเรื่องขนาดโรงเรียน การสลับวันมาเรียน หรือการเปิดเรียนรูปแบบต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องฟัง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.จังหวัดที่จะพิจารณายืนยันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเท่าที่วันนี้ได้ประชุมร่วมกันกับผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดกระบี่แล้ว คิดว่าจังหวัดกระบี่ค่อนข้างมีความพร้อมสูงมาก”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

 

 

สอศ.ระดมความเห็นยกระดับอาชีวะเอกชน

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 นายมณฑล  ภาคสุวรรณ์  รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)เปิดเผยว่า จากนโยบาย ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการเรื่องการศึกษาเพื่ออาชีพ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในการยกระดับอาชีวศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรวบรวมแนวคิดจากภาคส่วนต่าง จัดทำแผนและแนวทางการสู่การปฏิบัติที่จะพัฒนาและยกระดับอาชีวศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม

รองเลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า การประชุมครั้งนี้ สอศ. ได้ลงพื้นที่สำรวจสภาพ และปัญหา และระดมความคิด ซึ่งได้มีการนำเสนอแนวคิดและรูปแบบเพื่อการพัฒนาโดยการนำนวัตรกรรมการบริหารแบบบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาแบบองค์รวม โดยใช้พื้นที่เป็นฐาน (Holistic and Area based Vocational Education : HAVE) ในลักษณะเครือข่ายแบบ Consortium บูรณาการระดมสรรพกำลังและทรัพยากรร่วมกัน ระหว่างสถานศึกษาสังกัด สอศ.กับสถานประกอบการ และพันธมิตรต่างๆ ในรูปแบบการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการ กำหนดให้บุคคลในสถานประกอบการหรือภาคเอกชนที่มีศักยภาพสูงเป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสถานศึกษาที่ทำหน้าที่เป็นประธานอาชีวศึกษาจังหวัดนั้น เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพในพื้นที่นั้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาสถานศึกษา และมองภาพอนาคตไปถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่จะร่วมจัดการศึกษาสายวิชาชีพ เช่นหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้เป็นสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนได้ตามบริบททางการศึกษาและบริบทเชิงพื้นที่ ที่เอื้อต่อการจัดการอาชีวศึกษา  ในสาขาวิชาที่ตรงกับความต้องการของพื้นที่และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอย่างมีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเป็นสำคัญ ทั้งนี้จะเริ่มที่จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่แรก และหากดำเนินการเป็นผลสำเร็จ ก็จะได้ ถอดบทเรียนเพื่อเป็นต้นแบบนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

โดยการประชุมวันนี้ มีการรับฟังสภาพความต้องการของพื้นที่ ระดมความคิดร่วมกันและเตรียมร่างแนวทางการยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาแบบองค์รวมโดยใช้พื้นที่เป็นฐานเพื่อใช้การขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป  ซึ่งภาคส่วนในพื้นที่ที่ได้มาร่วมดำเนินการ ประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว  หอการค้าจังหวัดสระแก้ว  บริษัทน้ำตาลและอ้อยตะวันออกจำกัด (มหาชน) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสระแก้วสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมฯกลุ่มภาคกลาง วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) และสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐ และสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน ในจังหวัดสระแก้ว จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว วิทยาลัยเทคนิควังน้ำเย็น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว วิทยาลัยเทคโนโลยีสระแก้ว และวิทยาลัยไฮเทค สระแก้ว

“วิชัย ทองแตง”นักธุรกิจชั้นนำเมืองไทย จับมืออาชีวะอุดรฯ พัฒนาหลักสูตรสร้างนักศึกษาโกอินเตอร์

   

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษา(วอศ.)อุดรธานี เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยผู้บริหารและครู วอศ.อุดรธานี ได้ประชุมร่วมกับ นายวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและนักลงทุนชั้นนำเมืองไทย พร้อมผู้บริหารผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท World Reward Solutions และสถาบัน Finn School of Business and Tourism ห้องประชุม The Westin Grande Sukhumvit เกี่ยวกับความร่วมมือการพัฒนาหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะและทักษะให้แก่ผู้เรียนและกำลังคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล ในด้าน Personal Butler การบริการสุดเลิศ ระดับ Premium ด้านการบริหารFinancial Management แห่งยุค Digital และด้าน Digital Marketing สำหรับการตลาดและธุรกิจค้าปลีก โดยวางแผนเพื่อการเปิดการเรียนการสอนและเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2565

นายวิชัย กล่าวว่า  จากองค์ความรู้ ประสบการณ์ด้านธุรกิจและการลงทุน ที่สะสมมาหลายสิบปี จึงปรารถนาและมีความประสงค์ ที่จะเผยแพร่องค์ความรู้ และประสบการณ์ของตนเอง ที่ประสบความสำเร็จมาได้ 3 ภารกิจ สำคัญที่ต้องการทำ ประกอบด้วยด้านการเกษตร ด้านการศึกษา และด้าน SME/ โชห่วย รวมทั้งเพื่อได้ให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจไว้ให้แก่คนรุ่นใหม่ และเพื่ออุทิศ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณะ จึงอยากส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ที่มีความพร้อมในด้านวิสัยทัศน์ ระบบการบริหารและบุคลากรคุณภาพ ให้ได้มีหลักสูตรทันสมัยที่ผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อให้นักศึกษามีสมรรถนะ ทักษะที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองความต้องการของโลกอาชีพในอนาคต ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศต่อไป

ฉาวอีก! “จัตตุฤทธิ์” ถูกสกัดนั่ง อธิการบดี มทร.ล้านนา

ตามที่คณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา(มทร.ล้านนา)ที่แต่งตั้งตามคำสั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้กำหนดให้มีการเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ตามข้อบังคับ มทร.ล้านนา ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. 2562 ในการประชุมคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ครั้งที่ 33(9/2563) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ซึ่งผลการเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้ ผศ.จัตตุฤทธิ์ ทองปรอน และรอดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่มีคนสกัดโดยร้องถึงการทุจริตการจัดซื้อระบบผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ (Hydro Pure) ที่นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบมหาอุทกภัยน้ำท่วมหนักและขาดแคลนน้ำดื่ม ในปี พ.ศ. 2554 และจนถึงขณะนี้เวลาไปล่วงเลยมาปีกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีการเสนอชื่อโปรดเกล้าฯแต่อย่างใด

Focusnews.in.th จึงได้สอบถามไปยัง รศ.สุรชัย ขวัญเมือง กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มทร.ล้านนา ทราบว่า มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการรายงานผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงว่า ผศ.ดร.จัตตุฤทธิ์ ไม่ได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงและไม่ได้ทุจริตต่อหน้าที่ราชการตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และผลการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ ที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายชัยยง เอื้อวิริยานุกูล ผศ.ดร.จัตตุฤทธิ์ และนายสุรพันธ์พร โล่ห์เพชร มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาแต่อย่างใด เนื่องจากปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นไปตามข้อกำหนดของหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ) 0421.3/ว382 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2554 ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแต่อย่างใด เพราะเป็นการจัดซื้อระบบผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ (Hydro Pure) ที่นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบมหาอุทกภัยน้ำท่วมหนักและขาดแคลนน้ำดื่ม ในปี พ.ศ. 2554 ตามการร้องขอของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และมติสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้( 21 ตุลาคม 2564)จะมีการประชุมสภามหาวิทยาลัย มทร.ล้านนา ซึ่งจะมีวาระการพิจารณาแต่งตั้งรักษาราชการแทนอธิการบดี มทร.ล้านนา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย สภาฯจะแต่งตั้งผู้ที่ได้รับการสรรหาให้เป็นอธิการบดีให้เป็นผู้รักษาราชการแทนฯ เพื่อจะให้การดำเนินงานของ มหาวิทยาลัยดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง  แต่ มทร.ล้านนา กลับทำเรื่องง่าย ๆ เป็นเรื่องที่ยาก

รศ.สุรชัย กล่าวว่า ตนได้รับเอกสารหลายฉบับจากบุคลากรของ มทร.ล้านนา หลายท่านที่ส่งมาให้ และตนก็ไม่อยากถูกฟ้องศาลเพราะไปกลั่นแกล้งผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดี ซึ่งผลการสอบสวนวินัยและละเมิดเขาก็ไม่มีความผิดแต่อย่างใด ซึ่งตนได้ประมวลข้อเท็จจริง เป็นเรื่องๆ ได้ ดังนี้
1. รายงานการประชุมสภาฯ มทร.ล้านนาเมื่อปี 2560 ในการแต่งตั้งผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดี  โดยผู้ที่ได้รับการสรรหาฯ ถูกร้องเรียนและอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. ซึ่งสภาฯได้มีมติแต่งตั้งให้รักษาการอธิการบดี เพราะถ้ามีความผิดตามข้อร้องเรียนจริง ก็มีอำนาจถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้สภาฯใช้เป็นแนวทางในการพิจารณา เพื่อจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันโดยไม่มีสองมาตรฐาน
2. บันทึกของงานวินัยและนิติการ มทร.ล้านนา ที่เสนอวาระเกี่ยวกับผลการดำเนินการทางวินัย  และผลการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อเสนอต่อสภาฯให้รับทราบว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหานั้น ควรแจ้งในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยให้รับทราบโดยไม่ควรปกปิดข้อมูล
3. หนังสือของมหาวิทยาลัยที่รายงานผลการดำเนินการสอบสวนทางวินัย ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รับทราบว่าผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ควรแจ้งให้สภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ทราบ โดยไม่ควรปกปิดข้อมูล
4. หนังสือของมหาวิทยาลัยที่รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รับทราบว่าผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบฯ โดยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามข้อกล่าวหานั้น ควรแจ้งให้สภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ทราบ โดยไม่ควรปกปิดข้อมูล
5. หนังสือซักซ้อมความเข้าใจของ ป.ป.ช. ที่ซักซ้อมความเข้าใจกับทุกหน่วยงานว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา   ดังนั้นทุกหน่วยงานในกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ   ก็ถือปฏิบัติตามหนังสือซักซ้อมของ ป.ป.ช. มีหลายมหาวิทยาลัยที่มีผู้ที่ได้รับการสรรหาให้เป็นนายกสภา หรือกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ หรืออธิการบดี หรือแม้แต่ปลัดกระทรวงต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. ก็ได้รับโปรดเกล้า ฯ ทุกราย บางท่านดำรงตำแหน่งครบตามวาระแล้ว ป.ป.ช. ก็ยังไม่ชี้มูลความผิดเลยก็มี ซึ่งเป็นข้อมูลที่ควรแจ้งให้สภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ทราบ โดยไม่ปกปิดข้อมูล

ดังนั้น เพื่อให้การบริหารของ มทร.ล้านนาได้เดินหน้าพัฒนามหาวิทยาลัยต่อไปได้  สภามหาวิทยาลัยต้องช่วยกันประคับประคอง โดยยึดหลักความถูกต้อง มีความเป็นกลาง ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ก็สามารถช่วยมหาวิทยาลัยได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลที่กล่าวเบื้องต้นแล้ว ยังพบว่าก่อนหน้านี้ ผศ.ประพัฒน์ เชื้อไทย อดีตรักษาราชการแทนอธิการบดี มทร.ล้านนา ก็มีคดีร้องเรียนทุจริต แต่ ก็ยังได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการฯ  นอกจากนี้ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายกสภา มทร.ล้านนา ก็มีข่าวว่าถูกร้องเรียนเรื่องใช้รถราชการไปตีกอล์ฟเช่นกัน ดังนั้นประเด็นที่จะนำแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งเวียนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 มาเป็นเกณฑ์นั้น ถือว่าเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรมกับผู้ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดี มทร.ล้านนา ในครั้งนี้

“ตรีนุช” เปิดตัวแอปฯ“ช่างอาชีวะ”ดาวน์โหลดได้แล้ว พร้อมให้บริการฟรีถึงบ้าน

 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ..ตรีนุช เทียนทองรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานแอปพลิเคชันช่างอาชีวะ” (ช่างพันธุ์ R อาชีวะซ่อมทั่วไทย) และ มอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรให้แก่ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ที่ได้รับการจากการตรวจประเมินศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) แบบถาวร ระดับชาติ ประจำปีงบประมาณ 2563 โดยมีนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ. ..อรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ. และ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เข้าร่วม

..ตรีนุช กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้การดำเนินงานศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือFix it Center แบบถาวร ได้รับการตอบรับและเสียงชื่นชมจากประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่อง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่วงการอาชีวศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นอย่างมาก ซึ่งตนเห็นความสำคัญในการพัฒนาการให้บริการได้เข้าถึงได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงมอบหมายให้ สอศ. พัฒนาเป็นแอปพลิเคชันช่างอาชีวะสำหรับการให้บริการศูนย์ Fix it Center แบบถาวร จำนวน 100 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการจัดการการสอนและยกระดับมาตรฐานการให้บริการ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการได้สะดวก รวดเร็ว ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยไม่ต้องนำเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้มาที่ศูนย์บริการ อีกทั้งยังสอดคล้องกับสภาพสังคม และวิถีชีวิตยุคใหม่ New Normal สร้างความมั่นใจการใช้บริการช่างอาชีวะ และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้เรียน ที่ใช้ทักษะจากการลงมือปฏิบัติช่วยเหลือประชาชน

ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันได้เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลด้านการศึกษา ในส่วนของอาชีวะดิฉันได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทักษะแก่ผู้เรียนให้สอดรับกับทิศทางของโลกในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกยุคไร้พรมแดนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับกลยุทธ์ในการจัดการศึกษา การฝึกทักษะให้เกิดความชำนาญเชี่ยวชาญในวิชาชีพ การเสริมสร้างจิตสำนึกของการเป็นจิตอาสา การให้บริการประชาชนของนักศึกษาอาชีวะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการพลิกโฉมระบบการศึกษาไทย ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับ และวาระเร่งด่วนด้านการพัฒนาทักษะอาชีพ ส่งเสริมการจัดการศึกษาที่เน้นพัฒนาทักษะอาชีพผู้เรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพและรายได้ที่เหมาะสม ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศรมว.ศธ.กล่าว

ด้าน ดร.สุเทพ  กล่าวว่า การให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้าและ เครื่องจักรกลทางการเกษตรแก่ประชาชนของศูนย์ Fix it Center จำนวน 100 ศูนย์ทั่วประเทศ ผ่านแอปพลิเคชันช่างอาชีวะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้นำความรู้ทักษะวิชาชีพมาใช้ปฏิบัติได้จริง เกิดทักษะความชำนาญในวิชาชีพ สามารถแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์จริง สร้างจิตอาสาบริการชุมชนและสังคม ยกระดับการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัย , เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงการให้บริการประชาชนและการรายงานข้อมูลสภาพปัญหาความต้องการของประชาชนและศูนย์บริการได้อย่างรวดเร็ว , สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพและทั่วถึงมากยิ่งขึ้นทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจใช้บริการช่างพันธุ์ R อาชีวะซ่อมทั่วไทย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยค้นหาชื่อ ช่างอาชีวะ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งรองรับทั้งระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน (IOS) และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 สำหรับขั้นตอนการใช้งาน Application ช่างอาชีวะ มีดังนี้ 1. เข้าไปที่ Google Play Store หรือ App Store ทำการค้นหาคำว่าช่างอาชีวะเลือกไปที่ Application “ช่างอาชีวะและกดติดตั้ง 2.ทำการเปิด Application “ช่างอาชีวะกดอนุญาตเพื่อให้ App สามารถใช้งานแผนที่ เพื่อระบุพิกัดสถานที่ในการแจ้งซ่อม ซึ่งในการใช้งานครั้งแรกต้องกดสมัครสมาชิกก่อน โดยสามารถเลือกจังหวัด และเลือกศูนย์ซ่อมที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อไปให้บริการซ่อมถึงบ้านได้.

นายกฯห่วงครูจังหวัดชายแดนใต้ เร่งศธ.เยียวยาครอบครัวครูที่เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่โรงเรียนอนุบาลดอยหลวง .ดอยหลวง .เชียงรายพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ครูจูหลิง ปงกันมูล  ผ่านระบบระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยพล..ประยุทธ์ กล่าวว่า กรณีครูจูหลิงถือเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการศึกษาที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและความรักในอาชีพของความเป็นครู ครูจูหลิงต้องจากบ้านเกิดของตัวเองจากภาคเหนือ ไปสอนเด็กที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ให้ได้รับความรู้เทียบเท่ากับเด็กในภูมิภาคอื่น สมควรได้รับการยกย่องเป็นแม่พิมพ์ของชาติอย่างแท้จจริงทั้งนี้รัฐบาลได้เร่งรัดหน่วยงานราชการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กรณีครูจูหลิง กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว ส่วนรายอื่น ก็จะมีการมอบเงินช่วยเหลือตามลำดับต่อไป

..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ.ได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ให้แก่บิดามารดาของครูจูหลิง ปงกันมูล จำนวน 2,742,000 และจะดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้อีก 13 ราย จำนวน 34,440,000 บาท ภายในเดือนตุลาคมนี้ ทั้งนี้ นายกฯให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการศึกษาโดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลขวัญกำลังใจครูที่ต้องทำงานด้วยความเสียสละในพื้นที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้รัฐบาลได้เร่งรัดให้ศธ.เยียวยาความสูญเสียให้ครอบครัวครูที่ได้รับผลกระทบครอบครัวละ 4 ล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีครูได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจนเสียชีวิต 162 ราย  พิการ 9 ราย รวม  171 ราย หนึ่งในนั้น คือครจูหลิงปงกันมูลครูสอนวิชาศิลปะ ที่โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ .นราธิวาส โดนในส่วนของครูจูหลิง ได้รับเงินไปก่อนหน้านี้แล้ว กว่า 1.3 ล้านบาท

“ตรีนุช”ลั่น ไม่สอบวิชาเอกรับตั๋วครู เลื่อนปฏิทินไปสอบก.พ.ปี65

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2564  น.ส.ตรีนุช  เทียนทอง  รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการหารือถึงการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ตามมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งยังมีข้อขัดแย้งกรณีคณะกรรมการคุรุสภา มีมติยกเลิกจัดสอบวิชาเอก เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งได้มอบหมายให้ ดร.สุภัทร  จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามในการประชุมที่ผ่านมาคณะกรรมการคุรุสภาได้มีมติให้ยกเลิกการจัดสอบวิชาเอกเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพครู แต่ทั้งนี้ก็จะนำข้อเสนอการจัดสอบวิชาเอก ไปดำเนินการพัฒนาต่อไป

“การจัดสอบวิชาเอก เพื่อใช้ในการขอรับใบอนุญาตฯ มีความจำเป็น แต่ยังไม่ควรมีการทดสอบความรู้วิชาเอกจนกว่าจะมีการดำเนินการพัฒนาการดำเนินงาน ในเรื่องระบบการออกใบอนุญาตฯ ให้มีการแยกตามวิชาเอก หรือแยกระดับการศึกษา และเชื่อมโยงเงื่อนไขและข้อจำกัดในการประกอบวิชาชีพครูตามประเภทใบอนุญาตกับหน่วยงานผู้ใช้ครูทุกสังกัด และการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาให้มีการระบุวิชาเอกว่ามีวิชาเอกใดบ้างที่จะรับรอง และต้องมีความรู้เรื่องอะไรบ้าง”น.ส.ตรีนุช กล่าวและว่า กรณีประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูและปริญญาโท ปริญญาเอกทางการศึกษา ที่ไม่ได้ระบุวิชาเอก ให้มีการระบุรายละเอียดพื้นความรู้ในวิชาเอก ว่าจะต้องสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิชาอะไรบ้าง จึงจะมีสิทธิ์เข้าศึกษาตามหลักสูตรดังกล่าว เพื่อให้การทดสอบความรู้วิชาเอก ไม่เป็นการดำเนินงานที่ใช้งบประมาณโดยเปล่าประโยชน์และไม่ทำให้มีคุณภาพจริง รวมทั้งเกิดความเป็นธรรม กับสถาบันอุดมศึกษาและนิสิตนักศึกษาที่เป็นผู้เข้ารับการทดสอบด้วย ดังนั้นที่ประชุมฯจึงยืนยันมติเดิม คือจะยังไม่มีการจัดสอบวิชาเอกในช่วงนี้ และได้มอบหมายให้คุรุสภาพัฒนาระบบการออกใบอนุญาตฯ และการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะมีการทดสอบความรู้วิชาเอก

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเลื่อนการจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตฯซึ่งเดิมกำหนดจัดสอบในเดือนตุลาคม 2564เป็นจัดสอบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพื่อให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้เตรียมพร้อมและมีการบริหารจัดการการสอบอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยจะประกาศกำหนดการสอบให้ทราบภายในเดือนธันวาคม 2564

รองเลขาธิการ กอศ.ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนของนักเรียนอาชีวะอุดรธานี

เรืออากาศโท สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ครูและบุคลากร วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจนักเรียน นักศึกษา ของอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน สังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี ในการเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟซอร์ (Pfizer Vaccine) ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

โดย ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี กล่าวว่า รองเลขาธิการ กอศ.ได้พบปะให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ นักเรียน นักศึกษา และสอบถามอาการหลังฉีดวัคซีน ให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง พร้อมทั้งได้แจ้งและสื่อสารถึงความห่วงใยของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช เทียนทอง) ที่มีนโยบายให้ นักเรียน นักศึกษา เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดยเน้นย้ำและขอให้ทุกคนปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(covid-19) ทั้งนี้กิจกรรมการฉีดวัคซีนครั้งนี้ ดำเนินการโดยจังหวัดอุดรธานี