เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)มอบหมายให้ นายอัศวิน ข่มอาวุธ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ เป็นประธานปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างทักษะชีวิตสำหรับผู้เรียนพิการ สู่การเปลี่ยนผ่าน (ปฐมนิเทศนักศึกษาพิการ ประจำปีการศึกษา 2568) พร้อมมอบประกาศนียบัตรอบรมและติดเข็มต้อนรับสู่การเป็นนักศึกษาอาชีวศึกษา โดยการสัมมนานี้จัดระหว่างวันที่ 23 – 25 กรกฎาคม 2568 ณ เดอะไพน์ รีสอร์ท จังหวัดปทุมธานี
นายยศพล กล่าวว่า การปฐมนิเทศนักศึกษาพิการ ประจำปีการศึกษา 2568 ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนพิการในการศึกษาแบบเรียนรวม ฝึกทักษะการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านในอนาคต และได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนผู้เรียนปกติ รวมถึงการเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการสนับสนุนและให้โอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคเท่าเทียมแก่ผู้เรียนพิการ ลดความเหลื่อมล้ำ ตามนโนบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนักศึกษาผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย /ทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย / ทางสติปัญญา /และทางการเรียนรู้ ระดับ ปวส. จำนวน 165 คน จาก 9 สถานศึกษาเฉพาะทางคนพิการทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ วิทยาลัยสารพัดช่างสุรินทร์ 14 คน วิทยาลัยเทคนิคบางแสน 19 คน วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี 19 คน วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง 17 คน วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ 10 คน วิทยาลัยการอาชีพพุทธมณฑล 20 คน วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวนครราชสีมา 12 คน วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก 33 คน และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา 21 คน เข้าร่วม โดยมีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ล่ามภาษามือ พื้นที่ปลอดภัย และการดูแลเฉพาะบุคคล ซึ่งกิจกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ การเสวนาจากสถานประกอบการ ได้แก่ คาเฟ่อเมซอน สยามมิชลิน บริษัท เซ็นทรัล เรสตรองกรุ๊ป โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล บริษัทภัทรอุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท KPMG Thailand เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับผู้เรียนพิการใน การวางเป้าหมายชีวิตการทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษา การให้ความรู้แนวทางการส่งเสริมการมีงานทำ การจ้างงานคนพิการ ช่องทางและโอกาสการมีงานทำ การให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิคนพิการที่พึงได้รับจากภาครัฐ โดยมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม กิจกรรมกลุ่มสันทนาการ ตลอดจนการให้ความรู้ด้านสุขภาพ เพศศึกษา สารเสพติด การรู้เท่าทันสื่อ ฝึกทักษะการดำรงชีวิตและทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งการแชร์ประสบการณ์ชีวิตการทำงานในสถานประกอบการของรุ่นพี่ศิษย์เก่าคนพิการ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่รุ่นน้อง
เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 วันของการสัมมนาผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเตรียมความพร้อมสู่การศึกษา และการประกอบอาชีพในอนาคต และได้รับข้อมูลและแนวคิดจากสถานประกอบการในการรับคนพิการเข้าทำงาน กิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตในสังคมส่วนรวมทำให้ผู้เรียนพิการมีความมั่นใจและเปิดใจเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างความผูกพันร่วมกันระหว่างผู้เรียนพิการต่อไป



ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต รวมถึงการปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยง และการอพยพเด็ก ผู้สูงอายุ และประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวนั้น กสศ.มีความห่วงใยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนด้านภาวะการเรียนรู้และพัฒนาการถดถอย (Learning Loss) เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว กสศ. จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยอุบลธราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มูลนิธิปัญญากัลป์ และกลุ่มอาสาสมัครการเรียนรู้ หุ้นส่วนการศึกษา กลุ่มอาจารย์ นักศึกษา เยาวชน ภาคประชาสังคม จัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ” เพื่อเป็นพื้นที่ฟื้นฟูจิตใจและจัดการเรียนรู้ทดแทนให้กับเด็กที่ต้องหยุดเรียน
ดร.ไกรยส กล่าวว่า ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็ก ฯ แห่งนี้จะเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) สำหรับเด็กและเยาวชนที่ต้องเผชิญภาวะความเครียด ความกลัว ความวิตกกังวลจากเหตุการณ์ โดยเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ยืดหยุ่นเพื่อฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ ป้องกันภาวะการเรียนรู้ถดถอย ส่งเสริมทักษะชีวิต สร้างความเข้าใจของเด็กๆ ต่อสถานการณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยดำเนินงานร่วมกับครูอาสา โรงเรียน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากชั้นเรียนขนาดเล็กและกิจกรรมสร้างสรรค์ ศูนย์ฯ ยังจัดให้มีการดูแลจิตใจและให้คำปรึกษาเบื้องต้นสำหรับเด็กที่อาจเผชิญกับความกลัว ความเศร้า หรือความไม่มั่นคง พร้อมเชื่อมโยงการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเครือข่ายหากพบปัญหาซับซ้อนในด้านอื่น ๆ
ขณะนี้ เครือข่ายอาสาสมัครได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการและจำเป็นเร่งด่วนในแต่ละศูนย์อพยพฯ ของทั้ง 4 จังหวัด เช่น สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ และร่วมออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบท เช่น ดนตรีบำบัด กิจกรรมสร้างความเข้าใจสถานการณ์ สร้างความสัมพันธ์ และส่งเสริมจินตนาการ โดยศูนย์ฯ จะตั้งใกล้พื้นที่พักพิงชั่วคราว พร้อมแผนขยายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อไม่ให้เด็กคนใดต้องเสียโอกาสจากความขัดแย้ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call center กสศ. โทรศัพท์ : 02-079-5475
เมื่อวันนี้ 25 กรกฎาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม(กธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมมือกับมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เตรียมดำเนินการสร้างบ้านใหม่ให้แก่ครอบครัวของนางสะทน กันภัย อายุ 63 ปี ซึ่งได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากเหตุระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสูญเสียหลานชาย เด็กชายน้ำโขง อายุ 8 ขวบ และหลานสาว ด.ญ.กิตติยา บุญแต่ง หรือ “น้องน้ำค้าง” ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงบ้านพักอาศัยที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด


เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ประจำปี 2568 โดย ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า อยากให้ผู้เรียนที่เรียนกับ สกร.มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่เรียนเพราะความจำเป็น แต่เรียนแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง ๆ โดยได้รับโจทย์มาเรื่องคุณภาพมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ของ สกร. ทำให้อยากลบคำว่า เรียน สกร.บางทียังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เพราะจากที่ได้ลงพื้นที่ได้เห็นการจัดการเรียนการสอนของ สกร.แล้ว คิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นอยากทำให้คนที่มาเรียนกับ สกร.อย่างน้อยต้องได้พื้นฐานอ่านออกเขียนได้ได้จริง ๆ และอีกประเด็นคือ อยากให้ผู้เรียนมีอาชีพ มีรายได้ ดังนั้นหลักสูตรอาชีพที่จะนำมาสอนอยากให้เป็นหลักสูตรใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ได้จริง เช่น หลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะสามารถกำจัดหรือป้องกันสแกมเมอร์ได้ หรือ อาจจะเป็นหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์การมีงานทำ อย่างการสร้างแอปพลิเคชันแนะนำตัวสำหรับผู้เรียนที่จะออกไปประกอบอาชีพจริง เป็นต้น
“นอกจากนี้ยังมีเรื่องการดูแลจิตใจผู้เรียน สกร.ด้วย เพราะดิฉันทำโครงการเยียวยาใจครูฟื้นฟูใจเด็ก มาก่อน เมื่อมารับตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ และได้ดูแล สกร.ก็พบว่า เด็ก สกร.มีปัญหาด้านสุขภาพจิตค่อนข้างมาก เพราะมาจากครอบครัวที่ไม่พร้อมทำให้ไม่มีโอกาสเรียนในระบบ ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ทำให้เด็กมีความเครียด มีความกดดันสูง จึงมองว่าการฟื้นฟูจิตใจเด็กร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนและครูของ สกร.ทั้งนี้ได้มีการหารือเบื้องต้นกับ รมว.สาธารณสุขแล้ว” ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์กล่าวและว่า สำหรับศูนย์การเรียนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนสำหรับเด็กไทยในต่างประเทศ เพื่อให้เด็กไทยที่เกิดหรือเติบโตในต่างประเทศได้เรียนรู้ภาษาไทย วัฒนธรรมไทย ก็ยังส่งเสริมต่อไป
เมื่อเวลา 7.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พร้อมลงนามถวายพระพร ในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี ผศ.ดร.ลินธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ ข้าราชการ และบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมพิธีฯ

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)กล่าวระหว่างการให้นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน(สพฐ.)เพื่อทำความเข้าใจการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนภายใต้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime)ณ หอประชุมโรงเรียนราชวินิต กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ เข้าร่วมฟังเพื่อทำความเข้าใจการเช่าใช้อุปกรณ์ในโครงการดังกล่าวให้กับโรงเรียนคุณภาพและโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 4-6 จำนวน 1018 แห่ง สำหรับเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับครูและนักเรียน ว่า โครงการดี ๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการทำอยู่ ก็อยากสานต่อโดยเฉพาะโครงการที่เข้าถึงเครื่องมือ เครื่องใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะสนับสนุนโครงการเหล่านี้ต่อไปเพื่อให้มีการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาและช่วยให้ครูสามารถที่จะเติมศักยภาพให้กับตัวเองและเด็กได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสิ่งที่หวังว่าจะเกิดขึ้นคือความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษา ซึ่งไม่ใช่โรงเรียนอย่างเดียว แต่เป็นความเข้าถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงดิจิตอลเทคโนโลยีทั้งหลายที่มาช่วยในการขยายความรู้ทางการศึกษา
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เราได้รับความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ว่า อยากให้ดำเนินโครงการด้วยความโปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกๆคน ทั้งนี้เพื่อปกป้องทุกคนที่จะมาทำงานจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีความปลอดภัยจากความเสี่ยงต่างๆในขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จึงทำให้เกิดการจัดประชุมในวันนี้ขึ้นเพื่อที่จะมาซักซ้อมความเข้าใจให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งข้อเป็นเรื่องดีที่จะกระจายอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ดีต่อการเข้าไปบำรุงรักษาหากอุปกรณ์เกิดการชำรุดเพราะระยะเวลาเช่าซื้อตั้ง 5 ปี ไม่ต้องส่งมาที่ส่วนกลาง
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ โรงเรียนราชวินิต ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนภายใต้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบรายงานจาก เลขาธิการ กพฐ.และปลัดกระทรวงศึกษาธิการแล้วรู้สึกใจ สะเทือนใจ หดหู่เป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น เราทุกคนหัวใจสลาย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ศธ.ก็จะทำหน้าที่ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด โดยจากรายงานล่าสุด ได้มีการสั่งปิดโรงเรียนไปแล้ว 582 โรง ใน 4 จังหวัด ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี และ บุรีรัมย์ มีนักเรียนเสียชีวิต 2 ราย ที่สุรินทร์กับศรีสะเกษ และมีนักเรียนบาดเจ็บ อีก 2 ราย


