ครูโอ๊ะ เปิดโครงการล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ. ห่วงใย ต้านภัยโควิด เฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระพันปีหลวง” พร้อมนำชาว กศน.ทั่วประเทศรวมใจปลูกฟ้าทะลายโจร-มอบต้นกล้าพร้อมคู่มือ ชวนประชาชนปลูกเพื่อแม่-ใช้เป็นยาในครัวเรือน

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการ “ล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ. ห่วงใย ต้านภัยโควิด” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านระบบถ่ายทอดสด (Live) ทางเฟซบุ๊ก “ETV Channel” และปลูกต้นกล้าฟ้าทะลายโจรต้นแรกในกระทรวงศึกษาธิการ ณ บริเวณศูนย์การเรียนรู้วังจันทรเกษม พร้อมกับ ชาวกศน.ทั่วประเทศ โดยมี นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศธ. นายพะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการ กศน. และบุคลากร เข้าร่วมงาน จากนั้นเดินทางไปมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจรและคู่มือการปลูกฟ้าทะลายโจร ณ สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

พร้อมกันนี้ นางกนกวรรณ ยังได้เป็นประธานเปิดกรวยกระทงดอกไม้ พร้อมกล่าวอาเศียรวาทสดุดี วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 และลงนามถวายพระพรชัยมงคล เพื่อแสดงความจงรักภักดีด้วย

รมช.ศึกษาธิการ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า เนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำนักงาน กศน. กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย เพื่อร่วมทำความดี โดยร้อยเรียงภารกิจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของชาว กศน. เพื่อให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ คงไว้ซึ่งความไว้วางใจและศรัทธาจากประชาชนในทุกพื้นที่ที่พวกเราอยู่

และเป็นที่รู้กันดีว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กศน. ในการส่งเสริมการเรียนรู้ในมิติต่าง ๆ เพื่อให้คนในสังคมมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสภาวะทางสังคมที่ดี ส่งผลต่อสังคมสุขภาวะที่ดี และถือวาระพิเศษในวันนี้ วันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี ขอเชิญชวนชาว กศน. ร่วมปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อใช้เป็นยาและขยายพันธุ์พร้อมกันทั่วประเทศ ถือเป็นการทำความดีเพื่อแม่ของแผ่นดินและแม่ผู้ให้กำเนิดของเรา อันจะเป็นการตอบแทนความรักของแม่ ความรักอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ดูแลพระในบ้านของเรา ให้ได้รับความรักความอบอุ่น ไม่ถูกทอดทิ้งให้ท่านต้องเดียวดาย

นางกนกวรรณ กล่าวต่อไปว่า การปลูกหรือส่งต่อเมล็ดพันธุ์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่เราต้องร่วมกันดูแลและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติใหม่ (New normal) เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะส่งผลให้คนที่มีสภาวะซึมเศร้า หดหู่ และวิตกกังวลมากขึ้น โดยสำนักงาน กศน.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 4 องค์กร ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน สมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ตลอดจนเครือข่ายในพื้นที่ จัดอบรมพัฒนาครู กศน. ในหลักสูตร “การจัดกิจกรรม กศน. ป้องกันภาวะซึมเศร้า คงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ” เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ ไปต่อยอดกับต้นทุนเดิมของ กศน.ด้านทักษะนันทนาการ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกชุมชน หากจังหวัดใดสถานการณ์คลี่คลาย ขอให้สร้างการบูรณาการองค์ความรู้กับงานในหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอฝากไปยังโค้ชประจำจังหวัด ได้นำการสะท้อนมุมมองการดำเนินงานระดับพื้นที่ ไปประเมินผลและรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

ท้ายสุด ขอแสดงความขอบคุณผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ กศน. และ ผอ.กศน.จังหวัดสมุทรสาคร ที่ริเริ่มโครงการ “ล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ. ห่วงใย ต้านภัยโควิด” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จนเกิดผลเป็นรูปธรรม ขอขอบคุณสำนักงาน กศน.กทม. ที่ร่วมผลักดันและจัดทำคู่มือประชาชน “การเรียนรู้ ชีวิต สุขภาพ ฟ้าทะลายโจร สู้ภัยโควิด-19” และสนับสนุนการกระจายเมล็ดพันธุ์รวมทั้งต้นกล้าไปยัง กศน.ทั่วประเทศ ครูโอ๊ะเชื่อมั่นในตัวพวกเราชาว กศน. เพราะเราคือ กศน.เพื่อประชาชน ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด แต่เราจะร่วมกันสร้างศรัทธาให้สมกับที่เราเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

 

ข่าวดี “ตรีนุช”รับฟังความเดือดร้อนครู สั่ง สพฐ. ต่อสัญญาครูวิทย์-คณิต ลูกจ้างชั่วคราวโครงการครูคลังสมอง 1,964 คน

วันนี้(12ส.ค.64)น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  เปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือเรียกร้องจากกลุ่มเพื่อนครูลูกจ้างชั่วคราว ในตำแหน่งบุคลากรวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษากิจกรรมครูคลังสมอง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอให้ทบทวนคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ด่วนที่สุดที่ ศธ.04010/ว.34 ลงวันที่ 7 ม.ค.2564 ที่ระบุว่า โครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดการจัดสรรงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.2564 ซึ่งส่งผลให้ไม่มีการต่อสัญญาจ้าง ทำให้บุคลากรกลุ่มนี้ จำนวน 1,964 คน ตกงานทันที โดยตนได้หารือ กับ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แล้วเห็นว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้ สพฐ.ต้องเลื่อนการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กลุ่มทั่วไป ประจำปี 2564 ออกไป ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการบรรจุครูผู้ช่วยได้ทันในการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 นี้ และจะมีโรงเรียนจำนวนหนึ่งที่จ้างครูกลุ่มนี้ปฏิบัติการสอน หากสิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 30 ก.ย.จะไม่มีครูสอนต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเห็นควรให้จ้างลูกจ้างชั่วคราว ในตำแหน่งบุคลากรวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษากิจกรรมครูคลังสมอง สพฐ.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันต่อ

“ ดิฉันได้ตรวจสอบการจ้างลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งบุคลากรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษากิจกรรมครูคลังสมอง พบว่า เป็นโครงการที่มุ่งยกระดับคุณภาพการศึกษาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ให้แก่นักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษา ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาคัดเลือก โดยดำเนินโครงการมา3 ระยะ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 และจะสิ้นสุดโครงการในปีงบประมาณ 2564 หรือ วันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ครูกลุ่มนี้จัดการสอนได้ดีบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ถ้าต่อสัญญาจ้างเด็กก็จะมีครูสอนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหากครูไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้างในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง ศธ.จะช่วยเหลือครูบุคลากรไม่ทอดทิ้งใคร ทุกคนได้ต่อสัญญาจ้างแน่นอน และการต่อสัญญาจ้างนี้ก็จะทำให้ครูมีคุณสมบัติครบในการสมัครสอบบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยตาม ว 16 กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ซึ่งเป็นการสอบเฉพาะกลุ่มสัญญาจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่สอนอยู่ในสถานศึกษาสังกัด สพฐ.ไม่น้อยกว่า 3 ปี” รมว.ศธ. กล่าว.

 

 

อาชีวะอุบลฯ ภูมิใจโชว์ผลงานการันตีคุณภาพสถานศึกษาสู่การประเมินคุณภาพภายนอก ด้านการจัดการอาชีวศึกษา ผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้สถานการณ์โควิด -19

วันที่ 10 สิงหาคม 2564 ที่ห้องประชุมศรีพรหมราช  วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีดร.พงษ์ศักดิพล ทาแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นำตัวแทนครู บุคลากร นักเรียน นักศึกษา เข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอกด้านการจัดการอาชีวศึกษา รอบ 4 ซึ่งเป็นการตรวจเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ภายใต้สถานการณ์โควิด 19  โดยคณะกรรมการจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ทั้งนี้คณะกรรมการได้ประเมินคุณภาพการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี จากผลงานการจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการอาชีวศึกษา ด้วยเอกสาร หลักฐาน พร้อมรับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จากคณะผู้บริหาร ตัวแทนครู โดยใช้โปรแกรม Google Meet นำเสนอวีดีทัศน์แนะนำสถานศึกษา การพัฒนาผู้เรียนในด้านต่างๆ การไลฟ์สดการจัดการเรียนการสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติในรูปแบบออนไลน์ในสถานการณ์โควิด -19

นอกจากนี้ ทางวิทยาลัยได้นำคณะกรรมการเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอาชีวศึกษา ได้แก่ หอศิลป์ราชธานีศรีวนาไล ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาด้านการโรงแรม รวมทั้งชมนิทรรศการผลงานความภาคภูมิใจของนักเรียน นักศึกษา และครู ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้สู่รางวัลในระดับต่างๆ ในทั้งระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับชาติ และระดับนานาชาติตลอดจนสัมภาษณ์คณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการวิทยาลัยฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาสถานศึกษา ผู้แทนสถานประกอบการ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันผ่านระบบออนไลน์ด้วย

ทั้งนี้วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี มีความภาคภูมิใจในผลการดำเนินงานที่ผ่านมาที่พัฒนาคุณภาพการศึกษาสู่สถานศึกษารางวัลพระราชทานสถานศึกษาขนาดใหญ่ในปี 2556 และปี 2560 รวมทั้งสถานศึกษาผ่านการประเมินมาตรฐานเหรียญทอง ระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ APACC ในปี 2560

สช.เตือนผู้ปกครองนักเรียนเอกชนเช็กชื่อลูกรับเงินช่วยค่าใช้จ่ายกรณีโควิด 2 พันบาท

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
ด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครองในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทยภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โดยให้การสนับสนุนค่าใช้จ่าย
เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ว่า ขณะนี้นั้น สช. ได้แจ้งให้โรงเรียนเอกชน ได้สำรวจโรงเรียนเอกชนในระบบที่มีชื่อนักเรียนซ้ำซ้อนให้เข้าไปยืนยันในระบบ regis โดยด่วนแล้วเพื่อยืนยันตัวตนนักเรียน

เลขาธิการ กช. กล่าวว่า ทาง สช. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ปกครองโดยเพิ่มช่องทางให้สามารถตรวจสอบสิทธิ์การได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว ผ่าน Application สช. On mobile ได้แล้ววันนี้ ว่าลูกตนมีสิทธิ์หรือไม่ ตกหล่นหรือเปล่า สำหรับนักเรียนไทย ตรวจสอบโดยใช้เลขประจำตัวประชาชน ส่วนนักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน สามารถตรวจสอบได้โดยใช้รหัส G-Code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยสามารถขอทราบรหัส G-Code ได้ที่โรงเรียนที่ตนศึกษาอยู่ และสามารถดาวน์โหลด Application สช. On mobile ได้ที่ Play Store และ App Store หรือสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้

ระบบแอนดรอยด์ : https://play.google.com/store/apps/details?id=td.webuild.opec&fbclid=IwAR0lYij1fNkELyV5F6m3WttRErsIiufk94dy1bKGsFgc3HgTzCiVulW5e58

ระบบ iOS : https://apps.apple.com/th/app/%E0%B8%AA%E0%B8%8A-on-mobile/id1540552791?l=th

“ดร.ดร๊าฟ” นำทีม อว. ตรวจเยี่ยม ม.กรุงเทพธนบุรี : ชู ทีมโฆษก อว. รุ่นใหม่ ต้อง “ทำดี ทำไว ทำให้จริงจัง”

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564   ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)พร้อมด้วย ดร.พัชรินทร์รุจา จันทโรนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และทีมโฆษกกระทรวง อว. ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ร่วมกับ รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี รวมถึงคณาจารย์ ณ ห้องรับรองชั้น 4 อาคาร Sport Complex มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยให้การต้อนรับพร้อมนำชมการดำเนินงานมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีในสถานการณ์โควิด-19

ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเยี่ยมชมและหารือร่วมกับคณะผู้บริหาร ม.กรุงเทพธนบุรี พร้อมให้กำลังใจและมอบความเชื่อมั่นว่า ดร.เอนก (รมว.อว.) ได้มีนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเยียวยาและสนับสนุนมหาวิทยาลัยในช่วงสถาณการณ์เช่นนี้ ซึ่งตนและทีมงานเมื่อได้รับนโยบายต่างๆ มา จะเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็วและเต็มที่อย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมา อว. ได้ผลักดันในหลายๆ อย่างจนเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น การให้ความช่วยเหลือมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดสรรมาตรการลดค่าเทอมและสนับสนุนด้านต่างๆ การขานรับนโยบายด้านการแพทย์แผนไทยและจีนจาก รมว.อว. ในการนำทีมผู้วิจัยและผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยค้นคว้าทำการวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรรักษาโควิด-19 ซึ่งมีความคืบหน้ามากรอเพียงแค่การทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนทำการสรุปผล และยังมีหนึ่งโครงการที่ทำแล้วเกิดผลเป็นอย่างมากคือ “ซุป’ตาร์ ช่วยขาย” ซึ่งตนและทีมงานได้ให้เซเลบ ดารา หรือเน็ตไอดอล มาช่วยขายของผ่านทางออนไลน์ Face book Live ช่วยกระตุ้นยอดขายจากผู้ที่นำสินค้ามาฝากได้เป็นอย่างดีเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ผลตอบรับดีมาก และตนยังได้พลิกโฉมการนำเสนอหรือการแถลงข่าวแบบเดิมๆ สร้างขึ้นใหม่ผ่านรายการที่ชื่อว่า “โฆษก อว.” ฉีกกฎเรื่องการจัดเตรียมสถานที่และดำเนินพิธีการ ให้มาอยู่ในรูปแบบของการออนไลน์และ Social Media เล่าข่าวสไตล์ตนเองพร้อมทีมโฆษก อว. ผลที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาหรือประชาชนในโลกยุคใหม่ได้รวดเร็วและครบถ้วน และอีกนโยบายในอนาคตข้างหน้าด้านตำแหน่งทางวิชาการ หรือตำแหน่งศาสตราจารย์ รมว.อว. ได้ให้แนวทางว่าอยากให้ปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ทันต่อโลกอนาคต เริ่มด้วยการ “สร้าง ผลิต และสนับสนุน” อย่างเต็มที่ ผลักดันผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์หลายๆ ด้าน ทั้งด้านงานวิทยาศาสตร์และวิจัยที่ยังมีมากมาย และอีกศาสตร์คือปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ดำเนินการสนับสนุนอย่างจริงจังให้เกิดผลได้ในอนาคต

“อยากให้ทุกมหาวิทยาลัย และทุกหน่วยงานของ อว. ร่วมงานกันอย่างจริงจังภายใต้การทำงานเป็นทีม ขอให้พร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนกันตลอดเวลา สิ่งใดที่ต้องการ สิ่งใดที่มอบให้ได้ ย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยนและต้องบอกกล่าวกันอย่างสม่ำเสมอ แม้ช่วงเริ่มต้นจะเจอสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเช่นนี้ แต่อยากให้ทุกคนมั่นใจว่าพวกเราจะช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างแน่นอน ถ้าทีมแข็งแกร่งย่อมเผชิญได้ทุกปัญหา และต้องยึดมั่นว่าสิ่งท่ำคัญที่สุดคือนักศึกษาและการพัฒนาอุดมศึกษาไทย ตนและทีมโฆษก อว. พร้อมทำงานในทุกๆ ด้าน เพื่อตอบสนองนโยบายของ รมว.อว. และประเทศชาติต่อไป” ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าว

นายก อบจ.ร่วมมือศธจ.สุรินทร์ทำความดีวันแม่ แจกข้าวกล่องพร้อมเมล็ดฟ้าทะลายโจร 2แสนเมล็ดให้ประชาชนปลูกสู้ภัยโควิด-19

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 นายพรชัย  มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และ ดร.สัมนาการณ์ บุญเรืองศึกษาธิการ(ศธจ.)จังหวัดสุรินทร์ นำทีมบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์และบุคลากรสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์ ร่วมแสดงความจงรักภักดี และทำความดีถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2564 แจกข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่ม จำนวนวันละ 4,000 ชุด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.-12 ส.ค.64 และแจกเมล็ดฟ้าทะลายโจรจำนวน  2 แสนเมล็ด ในซองที่บรรจุเมล็ดจะมีคิวอาร์โค้ดซึ่งเป็นคลิปวีดีโอสอนการปลูกและการเก็บเกี่ยวสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ การรณรงค์ส่งเสริมปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ สร้างทางเลือกการรักษาตัวเอง จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ อยากให้เป็นยาสามัญประจำบ้านทุกครัวเรือน หากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19ในจังหวัดสุรินทร์จะได้ใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง

ดร.สัมนาการณ์ ศธจ.สุรินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนในฐานะศึกษาธิการจังหวัดได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับโรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และที่ทราบกันดีว่าขณะนี้ เมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรหาได้ยาก จะมีเฉพาะแหล่งที่เตรียมเมล็ดไว้เพาะปลูกเพื่อส่งใบขายเชิงพาณิชย์ ส่วนชนิดแคปซูลก็มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เกิดการกักตุนทำให้เกิดภาวะขาดตลาดของยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ตนและฝ่ายบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ จึงหารือร่วมกันเพื่อหาเมล็ดพันธุ์มาแจกจ่ายให้กับประชาชนและเร่งผลักดันให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ โดยในส่วนภาคการศึกษาให้ความรู้เรื่องการปลูก ระยะการเก็บเกี่ยวเพื่อนำมาใช้รักษาโรคอย่างถูกวิธี ซึ่งเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนมาจากโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดําริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านกระเจา ตําบลลําดวน อําเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ และฝ่ายบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ นำทีมเรื่องการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์อย่างทั่วถึงให้กับประชาชนทุกพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์ นำร่องเริ่มปลูก มีไว้ ทันใช้ พึ่งพาตนเองและช่วยผู้อื่นได้ในยามวิกฤติ

“ผมได้ติดตามข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เตรียมที่จะเสนอให้การขับเคลื่อนฟ้าทะลายโจรเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ และหลังจากที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฟ้าทะลายโจรในต้นสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะการทำการเกษตรเป็นอาชีพพื้นฐานของคนไทยส่วนใหญ่ จากนี้ประชาชนจะมีสมุนไพรไว้ใช้อย่างถูกต้อง พึ่งพาตนเองได้ ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์และการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ตนจึงอยากฝากทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนและร่วมมือกันช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้รอดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ ผมและส่วนบริหารจังหวัดสุรินทร์ พร้อมเดินหน้ารับนโยบายและพร้อมส่งเสริมให้ประชาชนในจังหวัดสามารถปลูกเพื่อใช้และขยายไปสู่การปลูกเพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับครอบครัว ชุมชน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทั้งเรื่องการรักษาอาการโควิด-19 ด้วยตนเองและสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องรายได้ให้กับพี่น้องคนไทยในจังหวัดสุรินทร์ ต่อไป”ศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์ กล่าว

แชมป์โอลิมปิก Tokyo 2020 Check-in วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต โครงการ “จิตอาสาจัดทำข้าวกล่องเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์” ให้กับโรงพยาบาลสนาม/โรงพยาบาล/ศูนย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด – 19

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 นายวิทยา  เกตุชู ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ให้การต้อนรับนักกีฬา และหัวหน้าผู้ฝึกสอน โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ได้แก่
1. น.ส.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส) นักกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง เหรียญทอง
2. นายรามณรงค์ เสวกวิหารี (จูเนียร์) นักกีฬาเทควันโด รุ่น 58 กิโลกรัม ชาย
3. น.ส.ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร (ฟ้า) นักกีฬาจักรยาน ประเภท BMX Racing หญิง
4. น.ส.วรัญญา  แซ่แต้ (มิ้ง)  นักกีฬาจักรยาน ประเภท BMX Racing หญิง
5. น.ส.เจนจิรา ศรีสะอาด (จอย) นักกีฬาว่ายน้ำ ประเภทฟรีสไตล์ 50 และ 100 เมตร หญิง
6. นายนวพรรษ วงศ์เจริญ (ไวน์) นักกีฬาว่ายน้ำ ประเภทผีเสื้อ 100 และ 200 เมตร ชาย
7.นายอัถร  ไชยมาโย หัวหน้าผู้ฝึกสอน BMX ทีมชาติไทย ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต

นายวิทยา  กล่าวว่า นักกีฬา และหัวหน้าผู้ฝึกสอน โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ได้ร่วมโครงการ “จิตอาสาจัดทำข้าวกล่องเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์” ให้กับโรงพยาบาลสนาม/โรงพยาบาล/ศูนย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด – 19 และได้เยี่ยมชมวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ประกอบ ด้วย ศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา สาขาวิชาการโรงแรม Center  of Vocational Manpower Networking  Management (CVM) : Hospitality, ห้องปฏิบัติการ Excellent Center อาทิ ห้องธุรกิจการการบิน ห้องโลจิสติกส์และซัพพลายเชนส์ และห้องเทคโนโลยีสารสนเทศ, สวนพฤกษศาสตร์ สวน Digital Smart Garden, และโครงการฝึกอาชีพ นักศึกษา ผู้ปกครอง ประชาชน

หลังจากนั้นได้ร่วมโครงการบูรณาการ การพัฒนาทักษะทางวิชาชีพกับการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน Fix It : จิตอาสา ของแผนกวิชาการตลาดและแผนกวิชาธุรกิจค้าปลีก ในโครงการสร้างผู้ประกอบการหารายได้ระหว่างเรียน ภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ซึ่งมีการสาธิตการทำโรตีตบ และการทำเครป ณ ห้องครัวมาตรฐาน

สอศ. ร่วมกับ วิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคการขนส่งทางรางรถไฟเห่อเป่ย เปิดการฝึกอบรมวิชาชีพออนไลน์ หลักสูตรทิศทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงระบบขนส่งทางราง

วันนี้ (7 ..64) ดร.อรรถพล สังขวาสี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กล่าวในพิธีเปิดการฝึกอบรมวิชาชีพออนไลน์ หลักสูตรทิศทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงระบบขนส่งทางราง ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคการขนส่งทางรางรถไฟเห่อเป่ยสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดการฝึกอบรมวิชาชีพออนไลน์ หลักสูตรทิศทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงระบบขนส่งทางราง ให้แก่ครู นักเรียน และนักศึกษา สาขาวิชาเทคนิคควบคุมและการซ่อมบำรุงระบบขนส่งทางราง ซึ่งเป็นการเตรียมทักษะฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของประเทศ ที่กำลังจะสร้างรถไฟความเร็วสูง (Thailand High-speed Rail Project) แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งการฝึกอบรม ให้เป็นไปตามความเหมาะสม ดังนั้น การฝึกอบรมในครั้งนี้จึงเป็นการจัดในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้และแนวทางการพัฒนาการสอนด้านรถไฟฟ้าความเร็วสูงระบบขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าอบรมจากวิทยาลัยภาครัฐ และเอกชน 37 แห่ง กว่า 150 คน

ด้าน Wang Junxian (หวัง จุนเซียน) รองผู้อำนวยการของวิทยาลัยวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคการขนส่งทางรางรถไฟ เหอเป่ย กล่าวว่า ความร่วมมืออาชีวศึกษาระหว่างจีนและไทย จะส่งเสริมความก้าวหน้าในหลาย ด้าน เช่น ปรัชญาการบริหารวิทยาลัยคุณภาพการศึกษา และการพัฒนาทักษะ อีกทั้งยังสร้างเวทีมิตรภาพสำหรับการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ  โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคการขนส่งทางรางรถไฟ เหอเป่ย จัดตั้งมา 70 ปี  และเป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐที่มีลักษณะเฉพาะในอุตสาหกรรมคมนาคมการขนส่งทางราง  ปัจจุบัน วิทยาลัยมีวิทยาเขต 4 แห่ง คณาจารย์ทั้งหมดมี 700 กว่าคนและนักศึกษา 12,000 คน โดยวิทยาลัยฯ ได้ฝึกฝนผู้มีความสามารถด้านเทคนิคและคุณภาพสูง และมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการรถไฟของจีน

เลขา กกอ. เป็นปลื้ม รพ.สนาม วิทยาลัยสงฆ์ ดูแลคนในชุมชนเต็มที่

เมื่อเร็วๆ นี้ .สัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) พร้อมด้วย ..นุชนภา รื่นอบเชย ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนและการบริการชุมชนของวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินการของโรงพยาบาลสนามสำหรับคนในชุมชน เทศบาลเมืองไร่ขิง (Community Isolation) ซึ่งสามารถดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 150 เตียง   อาคารปฏิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชนีวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย โดยนายกสภามหาวิทยาลัยและท่านอธิการบดีได้ดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในลักษณะดังกล่าวในวิทยาเขตและวิทยาสงฆ์ทั่วประเทศ ของมจร.จำนวน 17 แห่ง และได้จัดตั้งโรงทาน เพื่อเป็นแหล่งเสบียงให้กับโรงพยาบาลสนามและบุคลากรทางการแพทย์ พระภิกษุ สามเณร และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส โควิด– 19 อีก 16 แห่ง

.สัมพันธ์ กล่าวว่า จากการเยี่ยมชมการดำเนินการครั้งนี้ นอกจากได้มีมาให้กำลังใจบุคคลกรของวิทยาลัยที่ร่วมมือกับชุมชนในการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับคนในชุมชน เทศบาลเมืองไร่ขิง (Community Isolation) แล้วยังมีได้เยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และการบริการวิชาการส่วนต่างๆของวิทยาลัย ถือได้ว่าวิทยาลัยสงฆ์นี้มีความก้าวหน้าและเข้มแข็งมาก ในหลายๆ โครงการวิทยาลัยสามารถทำเป็น Best Practice เพื่อเป็นตัวอย่างหรือแนวปฏิบัติที่ดี่ให้แก่สถาบันหรือองค์กรอื่นๆได้เรียนรู้ร่วมกัน เช่น เรื่องการออมของนิสิต นักศึกษา ถือว่าสามารถแก้ปัญหาการกู้ยืมเพื่อการศึกษาได้อีกมุมหนึ่งเช่นเดียวกัน การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ขอชื่นชม อาจารย์สามารถออกแบบคอร์สในการสอนออนไลน์ได้ตรงประเด็น และสามารถอธิบายทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของการสอนแบบออนไซต์ (Onsite) และออนไลน์ (Online) ได้ แสดงให้เห็นว่าผู้สอนเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจในบริบทการเรียนการสอนเป็นอย่างดี

เลขาธิการ กกอ. กล่าวอีกว่า สำหรับด้านการประกันคุณภาพการศึกษา วิทยาลัยมีความพยายามที่จะขับเคลื่อนตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อให้สะท้อนภาพการดำเนินงานที่มีคุณภาพของวิทยาลัย  ประกอบกับขณะนี้กระทรวงฯ กำลังเร่งจัดทำแนวทาง วิธีการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์  เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำกับการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพ  เพื่อเป็นการยืนยันต่อสังคมว่า แม้จะมีการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์สถาบันอุดมศึกษาก็สามารถส่งมอบบัณฑิตออกไปสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ มีหลายเรื่องที่กระทรวงอยากทำ บางเรื่องอาจจะลดทอนเอกสารมากยิ่งขึ้น ลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลงตัวชี้วัดอาจจะแม่นยำขึ้น ทางกระทรวงก็มีความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้นำไปปฏิบัติต่อไป.

ศธ.เร่งกระจายเงินพระราชทาน 70 ล้าน หนุนโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย หรือสถานที่กักตัวในสถานศึกษา

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงิน จำนวน 99,900,000 บาท ให้แก่รัฐบาล เพื่อนำไปสนับสนุนการดำเนินงานของวัด โรงเรียน สถาบันอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัย และหน่วยงานของเหล่าทัพทั่วประเทศ ที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย สถานที่กักตัว และสถานที่ฌาปนกิจศพ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564 และ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รับเงินพระราชทาน จำนวน 70,000,000 บาท ซึ่งตนจะเร่งจัดสรรเงินพระราชทานไปสนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัด ที่อนุญาตให้ใช้อาคารและพื้นที่จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และสถานที่กักตัว ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินงานไปแล้ว จำนวน 682 แห่ง

“ ดิฉันได้ประชุมหารือกับ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ในการนำเงินพระราชทาน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ไปใช้สนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษาในแต่สังกัดที่เป็นโรงพยาบาลสนาม สถานที่กักตัว สถานที่พักคอย รวมถึงหน่วยบริการด้านสาธารณสุข ให้ดีที่สุดทั้งในส่วนของที่พักและห้องน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนได้เป็นอย่างดีและทันการณ์” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดมีสถานศึกษาในสังกัด ศธ.อนุญาตให้ใช้อาคารและพื้นที่สถานศึกษาเป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวน 156 แห่ง รองรับได้ 11,429 เตียง และเป็นสถานที่กักตัวหรือศูนย์พักคอย จำนวน 526 แห่ง รองรับได้ 18,725 เตียง รวมทั้งสิ้น 682 แห่ง รองรับได้ 30,154 เตียง จำแนกเป็น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อนุญาตให้ใช้สถานศึกษา เป็นโรงพยาบาลสนาม 148 แห่ง รวม 10,140 เตียง เป็นสถานที่กักตัวหรือศูนย์พักคอย 355 แห่ง รวม 15,812 เตียง, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ) อนุญาตให้ใช้สถานศึกษา เป็นโรงพยาบาลสนาม 8 แห่ง รวม 1,289 เตียง เป็นสถานที่กักตัว หรือศูนย์พักคอย 16 แห่ง รวม 1,411 เตียง สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อนุญาตให้ใช้สถานศึกษาเป็นสถานที่กักตัว หรือศูนย์พักคอย 155 แห่ง รวม 1,502 เตียง.