19ก.ค.“ไพบูลย์ เสียงก้อง”นัดต้นสังกัดเจ้าของตำแหน่งประชุมสรรหาบริหารต้นศธ.

ตามที่ อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.)กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ที่มีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ได้แต่งตั้งให้ นายไพบูลย์ เสียงก้อง อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่างอยู่  15 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 1 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 1 ตำแหน่ง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 1 ตำแหน่ง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2 ตำแหน่ง รองเลขาธิการ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 3 ตำแหน่ง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 1 ตำแหน่ง และ รองศึกษาธิการภาค 6 ตำแหน่ง นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(19 ก.ค.2564)นายไพบูลย์ เสียงก้อง ในฐานะประธานสรรหาฯได้เชิญต้นสังกัดเจ้าของตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้นเข้าร่วมประชุม เพื่อนัดหมายกระบวนการคัดเลือกโดยการสัมภาษณ์ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้นของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป ส่วนกระแสข่าวลาออกของประธานกรรมการสรรหาฯ นั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

ครูโอ๊ะ ชื่นชม มศว จุดประกายจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษของโรงเรียนเอกชน 

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564  ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ มอบแนวทางในการอบรมออนไลน์ “เรื่องการจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษ ด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” ผ่านระบบ Zoom Meeting และ Facebook Live โดยมี ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) นางพรพรรณ มนตรีพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานโรงเรียนสามัญศึกษา ดร.ดารณี ศักดิ์ศิริผล วิทยากร ผู้บริหาร และครูโรงเรียนเอกชน เข้าร่วม

ดร.กนกวรรณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษา ที่เปิดโอกาสให้ทั้งเด็กปกติและเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกัน โดยเน้นการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน ดังนั้น ครูผู้สอนทั้งในโรงเรียนเรียนรวมและโรงเรียนทั่วไป จึงจำเป็นต้องมีความรู้ ศึกษาค้นคว้า หรือฝึกอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการเรียนรู้สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ลักษณะของความต้องการพิเศษแต่ละประเภท เพื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้และให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ชี้แนะแนวทางการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนพิการได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ทางมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒได้ให้ความอนุเคราะห์หลักสูตรและวิทยากร เพื่อเป็นการจุดประกายความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ มีแนวทางการค้นหาและการช่วยเหลือเบื้องต้น สำหรับผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และบุคลากรทางการศึกษา นำไปสู่การพัฒนาช่วยเหลือแก้ไขอย่างเต็มที่และทั่วถึง ส่งผลให้ผู้เรียนทุกคนได้เติบโตเต็มศักยภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

“สำหรับทิศทางการพัฒนาผู้ที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หรือคนพิการ ให้ได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยวิถีพอเพียง มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเสมอภาค สร้างคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระบบ ปรับระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เป็นมาตรฐานและธรรมาภิบาล พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ โดยการจัดการเรียนการสอน จะแบ่งเป็น 5 วิธี ได้แก่ Screening and Identification, Eligibility and Diagnosis, Placement and IEP Development, Instruction Program Planning และ Instruction Program Evaluation ซึ่งครูโอ๊ะต้องขอขอบคุณในหัวใจอันงดงามของทั้งวิทยากรและ สช. ที่ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจครูทุกคนที่มีความตั้งใจ เสียสละและทุ่มเท ร่วมอบรมพัฒนาทักษะ และนำไปต่อยอดพัฒนาการจัดการเรียนการสอนต่อไป”รมช.ศึกษาธิการ กล่าว

 

สอศ. ประกาศชื่อผู้แทนนศ.อาชีวะ ร่วมประกวดสุนทรพจน์และความรู้ภาษาจีนระดับมัธยมศึกษา “สะพานสู่ภาษาจีน” ระดับชาติ ครั้งที่ 14

ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้จัดการประกวดสุนทรพจน์และความรู้ภาษาจีนระดับมัธยมศึกษา “สะพานสู่ภาษาจีน” รอบคัดเลือก ในหัวข้อ “追梦中文,不负韶华。Fly high with Chinese” ครั้งที่ 14 ปี พ.ศ. 2564 ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อคัดเลือกตัวแทนนักเรียน นักศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าแข่งขันในระดับประเทศ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 โดยการคัดเลือกมีการวัดความรู้และทักษะความสามารถทางภาษาจีนของนักเรียน นักศึกษา ประกอบด้วย การทำข้อสอบภาษาจีน การกล่าวสุนทรพจน์ภาษาจีน และการแสดงความสามารถพิเศษ มีนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนอาชีวศึกษา จำนวน 5 คน ได้แก่ 1.นางสาวชรัญภรณ์ มีชัย วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ 2.นางสาวจิตรกานต์ วงศ์วรชาติ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ 3.นายภูริ พูลแก้ว วิทยาลัยเทคโนโลยีอุดมศึกษาพณิชยการ 4.นายวินันท์ ฤทธิจอม วิทยาลัยเทคโนโลยีอุดมศึกษาพณิชยการ และ 5.นางสาวกนกพร ชำนาญกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ

เลขาธิการ กอศ. ล่าวต่อไปว่า การประกวดในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น และรักการเรียนรู้ภาษาจีนยิ่งขึ้น อันจะส่งผลต่อการยกระดับความรู้ภาษาจีน เพิ่มขีดความสามารถให้แก่เยาวชนไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ และฝ่ายการศึกษาสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะจัดแข่งขันระดับโลก ระหว่างกันยายน – ตุลาคม 2564

 

วท.มีนบุรีทยอยคืนเงินค่าใช้จ่ายช่วยลดภาระผู้ปกครองช่วงโควิด

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 นายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร  เปิดเผยว่า วิทยาลัยเทคนิค(วท.)มีนบุรี ได้ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองและครู วท.มีนบุรี   มีความห่วงใยผู้ปกครอง นักเรียนและนักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ และต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ ทางวิทยาลัยฯจึงได้มีการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งฝ่ายบริหาร แผนกวิชา งานกิจกรรม งานการเงิน งานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี งานพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน งานทะเบียน งานครูที่ปรึกษา และสมาคมผู้ปกครองและครู เพื่อพิจารณาลดค่าใช้จ่ายที่สถานศึกษาเก็บจากผู้ปกครองตามระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการ เช่น ด้านการเรียนการสอน การฝึกงาน ค่ากิจกรรมต่าง ๆ เงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ เช่น ค่าชุดนักเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งได้เห็นพ้องต้องกันว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใดที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน หรือไม่ได้ปฏิบัติในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ก็ให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของทุกฝ่ายให้คืนเงินส่วนนั้น เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองมากที่สุดเต็มจำนวน 100% แต่ส่วนใดที่ยังมีค่าใช้จ่ายอยู่ เช่น เป็นโครงการต่อเนื่อง การจ้างครู ทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีสัญญาว่าจ้าง กิจกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปจัดในรูปแบบออนไลน์แล้วค่าใช้จ่ายลดลง ก็จะลดให้ตามสัดส่วน ซึ่งจะได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครอง และให้ผู้ปกครองสามารถทำเรื่องผ่อนผันได้ การจัดหาทุนการศึกษามาช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเยียวยาจิตใจให้ผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดได้อีกทางหนึ่ง ถึงแม้ว่าในสถานศึกษาของรัฐจะไม่มีค่าใช้จ่ายสูงเหมือนกับสถานศึกษาของเอกชนเพราะรัฐมีเงินงบประมาณอุดหนุนมาให้ เช่น เงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากร ห้องเรียนอาคารสถานที่ คุรุภัณฑ์ ยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภคต่าง เป็นต้น แต่เราก็ไม่นิ่งนอนใจที่จะ ช่วยบรรเทาช่วยเหลือผู้ปกครองเพิ่มอีก

นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า   สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)และ กระทรวงศึกษาธิการ  ซึ่งกำกับดูแลสถานศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  ยินดีดูแลนักเรียน นักศึกษา ต้องไม่ให้ผู้ปกครองเดือดร้อน จนต้องให้เด็กพักการเรียน หรือ ลาออกจากสถานศึกษา สำหรับการคืนเงินจะไม่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอน เพราะสถานศึกษาจะพยายามจัดกิจกรรมต่าง ๆให้มีคุณภาพ ปลอดภัยให้ประหยัดงบประมาณมากที่สุด และช่วงนี้ทางสมาคมผู้ปกครองและครูก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ซึ่งขณะนี้ทุกโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชนก็ได้รับทราบนโยบายนี้ และ ทางสถาบันการอาชีวศึกษา  สอศ. และกระทรวงศึกษาธิการก็ได้สั่งการและกำชับติดตามในเรื่องนี้  โดยสถานศึกษาต่าง ๆ ได้ทยอยคืนเงินให้ผู้ปกครองและนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ช่วงที่เปิดเทอมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่อาจจะล่าช้าบ้างเนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด ส่วน วท.มีนบุรี ก็ได้ลดค่าใช้จ่ายคืนให้กับผู้ปกครองตามประกาศ ซึ่งมีผู้ปกครองบางส่วนได้มาติดต่อขอรับคืนจากงานการเงิน และครูที่ปรึกษาแล้ว

รร.นานาชาติ สวนกระแสโควิด นักเรียนเพิ่มกว่า50%

ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยจากผลการสำรวจข้อมูลโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ พบว่า จำนวนนักเรียนโรงเรียนนานาชาติปี 2564 เพิ่มขึ้น 58.94% จากปีที่ผ่านมามีนักเรียน 23,183 คน  ส่วนปีนี้ สำรวจเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 มีนักเรียนโรงเรียนนานาชาติทั่วประเทศ รวมจำนวน 56,474 คน ซึ่งเป็นการสวนกระแสวิกฤตโควิด 19 อย่างชัดเจน  ขณะที่โรงเรียนเอกชนประเภทสามัญมีจำนวนนักเรียนลดลง 54,500 คน หรือ 2.5% ถือว่าลดลงเล็กน้อย ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะปีที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ได้เพิกถอนใบอนุญาตโรงเรียนเอกชนที่มีจำนวนนักเรียนจำนวนน้อยและไม่มีคุณภาพ รวมทั้งแจ้งให้โรงเรียนขอเลิกกิจการไปทั้งสิ้น 119 แห่งจากทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน

‘ครูเหน่ง’พบโรงเรียนยังไม่ปรับแผนการสอน กำชับหน่วยงานกำกับ”จี้”โรงเรียนปรับแผนการสอนเพื่อลดภาระความเครียดนักเรียน

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ตอนนี้ ศธ.ได้ติดตามการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างใกล้ชิด และเปิดรับฟังทุกความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษามาโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร ศธ. และออกแนวทางผ่อนคลายภาระด้านการเรียนที่เกินความจำเป็นของนักเรียนลง ตลอดจนให้สถานศึกษาสำรวจอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล ดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนในรูปแบบที่เหมาะสม ยืดหยุ่น เข้าใจนักเรียน เพื่อลดความเครียดของนักเรียนที่ต้องเรียนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ยังพบว่าจนถึงขณะนี้สถานศึกษาหลายแห่งยังไม่มีการปรับปรุงแผนการสอน มีการกำหนดตารางเรียนออนไลน์อัดแน่นถึงวันละ 9 วิชา ดังนั้น ตนจึงได้สั่งการให้องค์กรหลักที่มีสถานศึกษา กำชับไปยังผู้บริหารสถานศึกษาปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาโดยด่วน

รมว.ศึกษาธฺการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้แนวทางการลดภาระด้านการเรียนนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้มีการปรับการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยกำหนดเป็นมาตรฐานกลาง “เรื่องที่ต้องรู้ และ เรื่องควรรู้ “ ในแต่ละสาขาวิชาให้เหลือเท่าที่จำเป็น จากนั้นจะแจ้งให้สถานศึกษาดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามบริบทของสถานศึกษาในแต่ละพื้นที่ โดยเน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้ปฏิบัติมากขึ้น ลดวิชาการลง ลดเวลาเรียนในแต่ละช่วงชั้น ทั้งการเรียนที่โรงเรียน การเรียนออนไลน์ หรือ การเรียนที่บ้าน ในรูปแบบต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่นแต่ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานการจัดเวลาเรียน ปรับลดปริมาณการบ้านลง ซึ่งครูจะต้องมาคุยกันเพื่อบูรณาการการบ้านทั้งในรายวิชาเดียวกันและต่างรายวิชา ให้เป็นชิ้นงานหรือการบ้านเดียวกัน โครงการหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ชะลอ หรือ ลด หรือ งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19

น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า  ศธ.จะปรับลดการทดสอบเพื่อการวัดประเมินผลให้น้อยลง เน้นการวัดประเมินจากสภาพจริง ปฏิบัติจริง และแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การประเมินผลระดับชาติและการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ไม่นำผลการทดสอบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-net) มาใช้ในการรับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในชั้น ม.1 และ ม.4 และจะพัฒนาระบบการทดสอบเพื่อการวัดและประเมินผลรูปแบบใหม่ โดยไม่เน้นการทดสอบ นอกจากนี้ ศธ.ได้หารือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) แล้วว่าจะเพิ่มสัดส่วนการคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษารอบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) และ รอบโควตาให้มากขึ้น ไม่นำคะแนน O-net มาใช้ในการคัดเลือก และการออกข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) ทดสอบความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ(PAT) และวิชาสามัญ ต้องล้อกับหลักสูตรที่ได้มีการปรับลดลงในช่วงโควิดนี้ด้วย

เลขาฯกพฐ.สั่งล็อกดาวน์ศศส.จิตต์อารีย์ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามรักษาเด็กติดเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)เปิดเผยว่า ตามที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 จังหวัดลำปาง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ซึ่ง เป็นคลัสเตอร์ในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จิตต์อารีย์ จังหวัดลำปาง สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จำนวนกว่า 36 ราย และกลุ่มนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 270 ราย กลุ่มที่ไม่ได้พักอาศัยในโรงเรียนได้รับการตรวจหาเชื้อ 108 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด นั้น ขณะนี้ตนได้สั่งล็อกดาวน์โรงเรียน คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า และให้โรงเรียนเป็นโรงพยาบาลสนามรักษานักเรียนที่ติดเชื้อและเป็นสถานที่กักตัวเด็กที่ได้รับความเสี่ยงสูง โดยให้แบ่งเป็นโซนสำหรับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 270 ราย รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตัวอย่างเคร่งครัดในบริเวณที่กำหนด และกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ผลการตรวจหาชื้อเป็นลบ ให้แยกกักตัวในบริเวณที่กำหนด และสังเกตอาการตัวเอง ซึ่งจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในวันที่ 14 ก.ค. 2564 นี้

“โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เป็นโรงเรียนที่มีทั้งนักเรียนกินนอน และไป-กลับ ซึ่งผมได้รับรายงานว่านักเรียนติดเชื้อจากนักเรียนที่เดินทางไป-กลับ ดังนั้นกลุ่มที่ไม่ได้พักอาศัยในโรงเรียนให้กักตัวที่บ้านอย่างเคร่งครัดเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน (home quarantine) หากมีอาการไข้ คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที”ดร.อัมพร กล่าว

“ครูโอ๊ะ” ประกาศสละเงินเดือน 3 เดือน เพื่อนำไปจัดซื้อสื่อ-อุปกรณ์การเรียน-อุปกรณ์กันไวรัส

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ประกาศจะไม่รับเงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 3 เดือน นั้น ตนในฐานะ รมช.ศึกษาธิการ ก็ขอสละเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือนเช่นกัน  ทั้งนี้ ทั้ง 3 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการได้หารือและเห็นพ้องร่วมกัน ที่จะนำเงินส่วนนี้ไปสมทบเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีความขาดแคลนเป็นพิเศษ หรือที่เรียกว่า นักเรียนทุนเสมอภาค ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ตามฐานข้อมูลของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

นางกนกวรรณ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ของโรงเรียนเอกชนในพื้นที่จังหวัดนครนายก ที่อยู่ในการกำกับดูแลของตน พบว่ามีโรงเรียนที่ต้องการอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนายกวัฒนากรวัดอุดมธานี โรงเรียนโพธิวัฒน์พิทยา โรงเรียนนายกวัฒนากร (บ้านนา) โรงเรียนเหลียนหัว และโรงเรียนถาวรนิมิต ซึ่งจะได้นำเงินส่วนนี้ไปดำเนินการจัดซื้อและส่งให้กับโรงเรียนทั้ง 5 แห่งต่อไป

“ที่ผ่านมาได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ของใช้ที่จำเป็นต่อการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย ทั้งในแบบทางการแพทย์ และแบบ N-95 เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ให้แก่บุคลากร ศธ. บุคลากรทางการแพทย์ ครูและนักเรียนในโรงเรียนและสถานศึกษาพื้นที่ปราจีนบุรี ทั้งยังรวบรวมน้ำใจจากกลุ่มเพื่อนและเครือข่ายการทำงาน ภาคเอกชน เพื่อส่งมอบอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นทางการแพทย์ อาทิ เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ (Infusion Pump) ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และโรงพยาบาลประจำอำเภอในท้องที่ปราจีนบุรี เป็นต้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของบุคลากร ศธ. ตลอดจนแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง ที่ปฏิบัติงานต้านภัยโควิดอย่างเข้มแข็ง เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว

สช.แจ้งโรงเรียนนานาชาติผู้มีอำนาจบริหารจัดการต้องเป็นคนไทยเท่านั้น

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.)กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือแจ้งผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเอกชนประเภทนานาชาติทุกแห่งให้ทราบว่า  ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองเป็นจำนวนมากว่า การให้ชาวต่างชาติเป็นผู้จัดการ หรือผู้อำนวยการ หรือรองผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งอื่นใดที่ปฏิบัติงานในลักษณะของผู้จัดการหรือผู้อำนวยการ ซึ่งบางโรงเรียนถึงขั้นให้ชาวต่างชาติลงนามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา นั้น ขอเรียนว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะผู้จัดการและผู้อำนวยการหรือตำแหน่งอื่นใดที่มีอำนาจหน้าที่ในลักษณะเดียวกันต้องเป็นคนไทยเท่านั้น จึงขอให้สถานศึกษาแก้ไขเรื่องนี้ด่วน

เลขาธิการ กช.กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงเรียนนานาชาติบางแห่งที่ไม่ได้จัดส่งประกาศการจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้ สช.รับทราบก่อน หรือบางโรงเรียนส่งมาและ สช.รับทราบแล้ว แต่ไม่ได้แสดงให้ผู้ปกครองรับทราบ ขอให้เร่งรัดการดำเนินการและแก้ไขปรับปรุงด้วย

“เอกชัย” แนะครูปรับวิธีสอนให้เป็นออนไลน์จริง ๆ ไม่ใช่แค่ยกห้องเรียนไปไว้ที่บ้าน

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กพฐ.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งจากการประเมินพบว่า ครูมีความกังวลโดยเฉพาะเรื่องการวัดประเมินผล จึงมีข้อเสนอให้ทบทวนตัวชี้วัด ว่า ให้เลือกเฉพาะตัวชี้วัดที่จำเป็นจริง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะที่จะวัด เพราะการเรียนออนไลน์หากเรายังคงตัวชี้วัดแบบเดิม ระยะเวลาการเรียนตามประกาศกระทรวงที่กำหนดว่าปีละ 200 วัน จะไม่สามารถเรียนได้ครบตามกำหนด   และที่ประชุมยังได้ฝากไปถึงครูด้วยว่า ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอน เพราะการเรียนออนไลน์ คือ การยกห้องเรียนไปไว้ที่บ้าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะมานั่งอยู่หน้าจอตลอดเวลา โดยมีการเสนอแนะว่า รูปแบบการสอนต้องเปลี่ยนเป็นลักษณะอื่นบ้าง ไม่ต้องให้เด็กนั่งเฝ้าแต่หน้าจอ เช่น วิชาภาษาไทยต้องเรียน 4 คาบ ก็ให้เรียนเป็นบล็อกวันจันทร์เรียนตั้งแต่ 8 โมงถึงเที่ยงให้จบไปเลย หรือ ให้เด็กเรียนเมื่อไหร่ก็ได้จากคลิปที่ครูบันทึกไว้ในชั่วโมงสอน เพื่อเป็นการยืดหยุ่นตามเวลาที่เด็กสะดวก และมีแรงบันดาลใจที่จะเรียน แทนที่จะต้องมานั่งเช็กชื่อทุกวิชาทุกชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนที่เป็นออนไลน์จริง ๆ ไม่ใช่แค่การยกห้องเรียนไปไว้ที่บ้าน

“นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการพูดเรื่องความพร้อมของสถานศึกษา ซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก เพราะครูกลุ่มหนึ่งยังขาดประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอน ครูบางคนก็สอนออนไลน์ได้ ขณะที่บางคนก็สอนออนแฮนด์คือเอาเอกสารไปแจกนักเรียนที่บ้าน ปัญหาที่ตามมาคือการเอาเอกสารไปแจกสู้การเรียนออนไลน์ไม่ได้ เพราะเด็กต้องเรียนรู้เอง ไม่สามารถยกมือถามครูได้ ความเข้าใจในบทเรียนจะต่ำกว่าออนไลน์  ขณะเดียวกันปัญหาที่ตัวนักเรียนและผู้ปกครองบางส่วนไม่พร้อมก็ยังมีอยู่” ประธาน กพฐ.กล่าวและว่า  วันนี้มีโรงเรียนเสนอขอขยายชั้นเรียน ม.ปลาย เข้ามา  ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วไม่อนุมัติให้ขยาย เพราะโรงเรียนดังกล่าวมีจำนวนนักเรียนน้อย และมีครูไม่ครบวิชา ทำให้ต้องจ้างครูใหม่ทั้งหมด  ขณะเดียวกันก็มีโรงเรียนที่เคยขยายมาแล้วขอเลิกขยาย เพราะจำนวนนักเรียนลดลง ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าหากไม่จำเป็นจริง ๆ  จะไม่ให้โรงเรียนขยาย ม.ปลาย ถ้าสามารถไปเรียนโรงเรียนมัธยมตำบลได้ก็ให้ไป