นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวถึงนโยบายแยกวิชาประวัติศาสตร์และวิชาหน้าที่พลเมืองเป็นอีกรายวิชาเฉพาะของศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) มีการดำเนินการจัดทำหลักสูตรอยู่แล้วและจะทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นโดยได้มอบหมายให้ ดร.สุรพงษ์ เอิมอุทัย ผู้ช่วยเลขาธิการ กอศ.ที่ดูแลเรื่องการพัฒนาหลักสูตรไปจัดทำรายวิชาให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองในบริบทของอาชีวศึกษา อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาอาชีวศึกษาก็มีการจัดกิจกรรมคู่ขนานในวิชาหน้าที่พลเมืองอยู่แล้ว เช่น Fix it จิตอาสา อาชีวะอาสาช่วยประชาชน ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในการให้เด็กมีจิตสำนึกในการช่วยเหลือสังคม ดังนั้นการที่รมว.ศึกษาธิการมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สอศ.จะได้ไปทำหลักสูตรขึ้นมารองรับ
เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการลดภาระครู จริง ๆ แล้วอาชีวะมีปัญหาขาดแคลนอัตราครูรวมเกือบ 17,000 ตำแหน่ง ซึ่ง สอศ.ได้ขออัตราจาก คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.)และ ของบประมาณรายปีในส่วนของอัตราจ้างงานธุรการในสถานศึกษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้โดยปีหนึ่งก็ขอไป 800 กว่าอัตรา และส่วนที่เป็นครูอีกประมาณ 1,000 อัตรา ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม สอศ.มีอัตราบุคลากรทางการศึกษาอื่น มาตรา 38 ค(2) ในตำแหน่งธุรการ เจ้าหน้าที่พัสดุ เจ้าหน้าที่การเงินอยู่ในโรงเรียนอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาในการเกลี่ยอัตรากำลัง อีกทั้งครูส่วนใหญ่ของเราจะจบทางด้านบริหารธุรกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีความรู้ที่จะช่วยงานธุรการได้ แต่เมื่อรมว.ศึกษาธิการมีนโยบายลดภาระครูก็จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในขณะที่เรากำลังเกิดวิกฤติขาดแคลนอัตรากำลังของครูได้เพื่อให้ครูได้ให้เวลากับการสอนเต็มที่ ถือเป็นการแก้วิกฤตเป็นโอกาส
นายยศพล กล่าวว่า ส่วนเรื่องวิทยฐานะจะต้องประสานงานควบคู่กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก ค.ศ.)เนื่องจากในบริบทของอาชีวะเดิมจะสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ( ปวช. ) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)แต่ปัจจุบัน มีถึงระดับปริญญาตรีแล้ว เพราะฉะนั้นอัตรากำลังขาดแต่ในตัวเนื้องานมีการปรับเปลี่ยน เพราะครูอาชีวะมีคุณสมบัติสามารถปรับมาตรฐานตำแหน่งเพื่อให้สอนได้ถึงปริญญาตรี ขณะเดียวกันปริญญาตรีก็สอนได้ทั้งปริญญาตรี ปวส. และปวช.แล้วเอาภาระงานเหล่านี้มาขอความก้าวหน้าได้ เช่น ถ้าสอน ปวช. ปวส. ปริญญาตรี และ เป็นครูที่มีวิทยฐานะอยู่ก็สามารถเอาไปขอเลื่อนฐานะได้ ขณะเดียวกันถ้าสอนปริญญาตรี ปวส. ปวช. อยู่ก็สามารถขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. รศ. ได้ แต่เรื่องนี้จะต้องประสานกับ ก.ค.ศ. โดยต้องเน้นเรื่องของปริมาณและคุณภาพของงานด้วย ทั้งนี้เราพยายามจะปรับมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานงานวิชาการ มาตรฐานวิทยฐานะเพื่อให้สามารถเลื่อนไหลกันได้ทั้งในส่วนของวิทยฐานะกับตำแหน่งทางวิชาการ
“จริง ๆ ปัญหาของอาชีวะในเรื่องของวิทยฐานะ ไม่ใช่เรื่องทำแล้วไม่ผ่าน แต่เป็นเพราะไม่ค่อยทำกันมากกว่า เพราะครูอาชีวะจะมุ่งเรื่องงานสอนมากกว่าจนไม่มีเวลาทำผลงาน เนื่องจากอาชีวะขาดแคลนอัตราครูจึงต้องมุ่งเน้นเรื่องการสอนมากขึ้น ตั้งแต่ผมเป็นรองเลขาธิการ กอศ. ผมก็พยายามกระตุ้นให้ครูอาชีวะใส่ใจกับการขอวิทยฐานะซึ่งก็มีการขยับขอเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จนปัจจุบัน เรามีวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษแล้วถึง4 คนและชาวอาชีวะก็มีความตื่นตัวที่จะส่งผลงานขอมีวิทยฐานะเพิ่มขึ้นเนื่องจากในส่วนของอาชีวะค่อนข้างได้เปรียบ เพราะการสอนวิชาชีพจะมีเนื้องานที่สามารถส่งผลงานได้มากเพียงแต่ไม่ค่อยทำส่งจึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้น ให้คนที่มีคุณสมบัติมีงานที่มีคุณภาพเสนอของมา” เลขาธิการ กอศ. กล่าวและว่า ส่วนเรื่องหนี้สินครู สอศ.ก็มีการดำเนินการแก้ปัญหามาโดยตลอด และยิ่งเมื่อ ศ.ดร.นฤมล เข้ามาและมีนโยบายชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้สินครูก็เป็นแนวทางที่ตรงกันซึ่งตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง



เมื่อวันที่
“
ศ
รมว
“

โดย
ศ
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 อำเภอนาบอน จ.นครศรีธรรมราช ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) นายณรงค์ชัย
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กษ.และ ศธ. โดยในส่วนของศธ. มีการนำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ มาร่วมออกบูธ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)ที่ออกบูธศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix it center และฝึกอาชีพ 108 อาชีพ รวมถึงการฝึกวิชาชีพระยะสั้น ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีกิจกรรม การหารายได้ระหว่างเรียน และได้ช่วยเหลือ เกษตรกรแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด เช่น ลำไย ซึ่งสพฐ. ได้ประเมินแล้วว่ามีความต้องการอยู่กว่า 109,000 กิโลกรัม ที่จะช่วยพี่น้องชาวเกษตรกรได้ ถือเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 หน่วยงาน และในอนาคตก็จะมีการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆเช่นกัน
ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้เยี่ยมชมและให้กำลังใจบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งการจัดการศึกษารูปแบบทวิศึกษา การจัดการเรียนการสอน Learn to earn ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it center) และฝึกอาชีพ 108 อาชีพ และการฝึกวิชาชีพระยะสั้น


นางสาวเอื้อมพร ศรีภูวงศ์
วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กรมที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และกรมธนารักษ์ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนคุณภาพสูงสาขาเทคนิควิศวกรรมสำรวจ ณ วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ โดยได้ติดตามโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนคุณภาพสูงสาขาเทคนิควิศวกรรมสำรวจ สถานศึกษานำร่อง 8 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิค (วท.) ขอนแก่น วท.ดุสิต วท.นครสวรรค์ วท.พิษณุโลก วท.สกลนคร วท.หาดใหญ่ วท.แพร่ และวท.สุรินทร์ เพื่อสร้างความเข้าใจและขับเคลื่อนโครงการไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากสถานศึกษา เพื่อให้นักศึกษามีสมรรถนะและทักษะตรงความต้องการของหน่วยงาน โดยมีครูผู้สอนเฉพาะทาง และอุปกรณ์จากหน่วยงานร่วมสนับสนุนการเรียนการสอน
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า จากการติดตามพบว่านักศึกษาให้ความสนใจเรียน และมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น มีความตั้งใจและมีทัศนคติที่ดีต่อสายอาชีพ รวมถึงได้เห็นโอกาสมีงานทำที่มั่นคง ขณะที่ครูมีบทบาทเป็นทั้งผู้สอนและที่ปรึกษาในการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นข้าราชการ และหน่วยงานราชการที่เข้าร่วมก็มีส่วนในการให้คำแนะนำ และมั่นใจในสถานศึกษาที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ตามความต้องการของภาครัฐและเป็นต้นแบบในรุ่นต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงให้นักศึกษาอาชีวะจบแล้วมีงานทำ แต่ให้มีงานที่มั่นคง และเติบโตได้ในวิชาชีพ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างอาชีวะกับหน่วยงานภาครัฐในระยะยาว โดยมีแผนจะขยายผลไปยังหน่วยงานรัฐภาครัฐ ผลิตกำลังคนคุณภาพในการพัฒนาประเทศต่อไป
“การดำเนินงานดังกล่าวเหล่านี้ เป็นการยกระดับอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนของภาครัฐ ซึ่งจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี 2 ปี แบ่งเป็นการเรียนในวิทยาลัย 1 ปี และฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานราชการจริงอีก 1 ปี พร้อมปรับหลักสูตร เพิ่มเนื้อหาด้านการรังวัด การสำรวจ และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในงานสำรวจ ซึ่งนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาและผ่านเกณฑ์ประเมิน จะได้รับการยกเว้นการสอบภาค ก. และมีสิทธิ์ได้รับการบรรจุราชการในตำแหน่งนายช่างรังวัด และนายช่างสำรวจ รวมจำนวน 225 อัตรา ซึ่งในปี 2568 นี้ มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแล้ว 122 คน และจะสำเร็จการศึกษาในปี 2570 ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับการบรรจุราชการทันที”เลขาธิการ กอศ.กล่าว


นายยศพล เปิดเผยว่า การหารือในครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยครอบคลุมการพัฒนาหลักสูตร การเสริมทักษะและสมรรถนะวิชาชีพของผู้เรียน การยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู และการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาและทักษะอาชีพอย่างยั่งยืน และให้ขยายความร่วมมือจากระดับสถานศึกษาไปสู่ความร่วมมือแบบ “ไตรภาคี” ที่มีสถานประกอบการจีนร่วมสนับสนุน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนอาชีวะไทยได้พัฒนาและเข้าสู่เส้นทางอาชีพในตลาดแรงงานระดับนานาชาติ


