
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมหารือเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย ที่กำลังประสบปัญหาลำไยล้นตลาด ซึ่ง สพฐ.ได้รับการประสานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอความร่วมมือ เนื่องจาก สพฐ.มีโครงการอาหารกลางวัน ที่มีการจัดเมนูอาหารกลางวัน Thai Scholl Lunch โดยกำหนดว่า ทุกมื้อจะต้องมีผลไม้ ดังนั้น จึงคิดว่าจะเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนนี้ได้ โดยเบื้องต้น คาดว่าจะสามารถช่วยสนับสนุนเกษตรกรได้กว่า 80,000 กิโลกรัม เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ เป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเป็นการการช่วยกระจายสินค้าในประเทศ และในอนาคตหากมีสินค้าการเกษตรอื่น ๆ หรือ ผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด สับปะรด ที่ล้นตลาด สพฐ. ก็ยินดีเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังหารือเรื่อง การลดภาระครู ซึ่งเป็นนโยบายที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการให้ความสำคัญ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. ไปกำหนดรายการ เพื่อออกเป็นประกาศ สพฐ. ว่า เรื่องใดบ้างที่ครูไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากที่ผ่านมามีแต่พูดว่าให้ลดภาระครู แต่ไม่มีความชัดเจนใด ๆ แต่จากนี้ไปจะออกเป็นประกาศที่ชัดเจน ส่วนการเกลี่ยอัตรากำลังครูเกินเกณฑ์ ไปเป็นสายสนับสนุน แหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)นั้น เนื่องจากแต่ละปี สพฐ. มีอัตราเกษียณกว่า 10,000 อัตรา ซึ่งบางตำแหน่งอยู่ในโรงเรียนที่ไม่สามารถคืนเป็นครูผู้สอนได้ ก็จะนำมาเปลี่ยนเป็นสายสนับสนุน ส่วนโรงเรียนที่ครูเกินเกณฑ์อยู่ก็ต้องมีระเบียบหลักเกณฑ์ที่จะดำเนินการ แต่หากเกิดเกณฑ์แล้วไม่มีคนครองตำแหน่งอยู่ก็จะขอเปลี่ยนมาเป็นสายสนับสนุน เพื่อลดภาระครูในส่วนของงานพัสดุการเงินธุรการเพื่อให้ครูมีเวลาสอนเต็มที่
“ทั้งนี้ขอยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าว จะไม่ไปเกลี่ยตำแหน่งครูที่มีตัวตนอยู่ เพื่อไปสร้างภาระให้กับครู ทุกอย่างมีขั้นตอน มีระเบียบอยากให้ทุกคนได้เข้าใจ อย่างเช่น ธุรการ ขณะนี้มีสองกลุ่ม คือ กลุ่มเงินเดือน 9000 บาท ซึ่งจะทำงานประจำโรงเรียน 1 โรง ส่วนธุรการ 15,000 บาท ก็ขอความร่วมมือให้ดูแล 2 โรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการเดินทาง นอกจากนี้ขอแจ้งเป็นข่าวดีว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กรมบัญชีกลาง หรือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) เพื่อขอปรับอัตราค่าจ้าง ธุรการจากเงินเดือน 9,000 บาท เป็น 13,000 บาท และ 15,000 บาท เป็น 18,500 บาท รวมถึงเสนอเปลี่ยนตำแหน่งธุรการอัตราเงินเดือน 15,000 บาท เป็นนักจัดการทั่วไปเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มขึ้น” ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประขุมยังรายงาน ความคืบหน้าการการสอบคัดเลือกบุคลากรฯ ตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา รวมถึงครูผู้ช่วย โดยตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ผู้สมัคร 1,304 คน มีตำแหน่งว่าง 13 อัตรา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้สมัคร 598 คน มีตำแหน่งว่าง 594 อัตรา ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้สมัคร 3,767 คน มีตำแหน่ง ว่าง 569 อัตรา และตำแหน่งครูผู้ช่วย ผู้สมัคร 77,053 คน มีตำแหน่งว่าง 1,297 อัตรา โดยการดำเนินการทั้งหมด สพฐ.ได้จ้างให้สถาบันอุดมศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นกลางที่สุดเป็นผู้ดำเนินการจัดสอบ





ดร.รัตติกร ทองเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร กล่าวระหว่างเป็นประธานอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ที่โรงเรียนเบญจลักษ์พิทยา อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า การเรียนการสอนยุคปัจจุบันเราต้องจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Active Learning เราจะไม่มีการสอนรูปแบบ Passive Learning อีกแล้ว เพราะต่อไปเราจะให้ลูก ๆ นักเรียนเป็นพระเอกนางเอก ให้เขาได้แสดงบทบาทของเขาอย่างเต็มที่ให้เขาได้คิด วางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยครูเป็นผู้คอยแนะนำกำกับช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราก็ได้จัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มานานพอสมควร และวันนี้ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะมาเสริมเติมเต็มจากวิทยากรผู้ทรงคุณผู้มากด้วยความรู้ความสามารถ ซึ่งเป้าหมายหลักในวันนี้ก็จะเป็นโรงเรียนในหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนคุณภาพ ระดับมัธยมศึกษา และประถมศึกษา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้ในระดับห้องเรียน ให้ครูมีแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การสร้างและการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นนวัตกร นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า ซอฟพาวเวอร์ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งดิฉันมั่นใจว่าคุณครูที่มาอบรมในครั้งนี้ จะเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้การขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาดำเนินไปได้อย่างดีมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ เทคนิคที่เราจะได้รับจากวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิ จะสร้างความตระหนักให้เรารู้ความสำคัญของการเรียนการสอนรูปแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ให้ครูผู้สอนมีความรู้เพิ่มเติม มีทักษะอย่างเพียงพอที่จะผลักดันการปฏิรูปการศึกษาในระดับห้องเรียนของเราให้มีประสิทธิภาพ ปรับกระบวนการเรียน เปลี่ยนกระบวนการสอน ให้ผู้เรียนเกิด Active Learning เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ทั้งนี้สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตลอดมา ซึ่งจากผลการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบ 6 เดือนแรกได้คะแนนเต็ม 100 และในครั้งต่อไปเราก็มีความคาดหวังว่าเราจะได้คะแนนเต็ม 100 เหมือนเดิม
ผอ.สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร กล่าวต่อไปว่า โรงเรียนในสพม.ศรีสะเกษ ยโสธร มีทั้งสิ้น 83 โรงเรียน ได้ปรับกระบวนการเรียนรู้ในการพัฒนาครูในหลายเรื่อง หลายโครงการ หลายกิจกรรม เพราะเราให้ความสำคัญในการพัฒนาครู ถ้าครูได้พัฒนา นำสิ่งที่ได้รับตรงนี้ ไปถ่ายทอดให้กับนักเรียน นักเรียนก็จะได้รับความรู้ที่ถูกทาง และนำความรู้ที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สามารถสร้างนวัตกรรม กลายเป็นนวัตกรได้ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร ที่ว่า “องค์กรคุณภาพ สร้างคนดี มีความสุข ด้วยนวัตกรรม”ดร.รัตติกร กล่าว
นางวิมลวรรณ เปี่ยมจาด ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร กล่าวว่า สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร ได้ขับเคลื่อนโครงการ “พัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ด้วยรูปแบบ Active Learning” สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยมีกลุ่มเป้าหมายแรกคือกลุ่มโรงเรียน “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ” โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือ การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ในระดับห้องเรียน ให้ครูเปลี่ยนบทบาทจากผู้ถ่ายทอดความรู้แบบเดิม มาเป็นผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์ และสร้างนวัตกรรมของตนเองได้ผ่านการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น โดยเนื้อหาและกิจกรรมการพัฒนาครูในครั้งนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนในยุคดิจิทัล การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning : GPAS 5 Steps และทักษะการคิดขั้นสูงเชิงระบบ การสร้างและพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา กระบวนการชุมชนการเรียนรุ้ทางวิชาชีพ (PLC) ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงพัฒนาครูผู้สอนเท่านั้น แต่ได้มีการพัฒนาให้กับศึกษานิเทศก์เพื่อทำหน้าที่เป็นโค้ช และพี่เลี้ยง ในการชี้แนะ ส่งเสริม สนับสนุน ตลอดจนสร้างเครือข่ายและชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จะเห็นว่าเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มุ่งเน้นให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงการสอน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ พัฒนาทักษะคิดขั้นสูง ความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นและทำงานเป็นทีมได้ สามารถบูรณาการความรู้สู่การแก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรม
ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษาในวุฒิสภา บรรยายพิเศษตอนหนึ่ง ว่า ระบบเดิมที่เน้นฟัง อ่าน ท่อง เพื่อสอบ เป็นแค่การกระตุ้นความจำระยะสั้น แม้ว่าการท่องจำจะทำให้สอบผ่าน แต่เด็กก็ลืมภายในไม่กี่สัปดาห์ และสุดท้ายสมองไม่เกิดการพัฒนา ก็เสียเวลา เสียทรัพยากร และที่เจ็บที่สุดคือเราเสีย “เด็กไทย” ไปกับระบบที่ไม่ได้เปลี่ยนพวกเขาให้ดีขึ้น แต่ GPAS 5 Steps คือจุดเปลี่ยนที่ใช้การคิดขั้นสูงเชิงระบบ ฝึกให้เด็กได้คิด วิเคราะห์ สร้างและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นการจำในสมองระยะยาว ไม่ใช่ท่องจำแล้วทำข้อสอบผ่าน และนี่ก็คือแนวทางที่นักการศึกษาทั่วโลกยืนยันมาเป็นร้อยปีว่า การเรียนรู้ที่แท้จริง ต้องมาจากการลงมือทำ และถ้าเรายังไม่เปลี่ยนวันนี้ ความสูญเปล่าทางการศึกษาจะยิ่งแย่กว่าเดิมแน่นอน

เมื่อเวลา 08.19 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการจัดพิธีต้อนรับ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ได้แก่ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์“ ศาลพระภูมิ ศาลปู่เจียม ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พร้อมทำพิธีบวงสรวงในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
จากนั้นเข้าห้องทำงานรัฐมนตรีและพบปะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ที่ ห้องประชุมราชวัลลภ โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) รวมถึงผู้บริหาร ข้าราชการและบุคลากร ศธ.ให้การต้อนรับ โดย ดร.สุเทพ กล่าวต้อนรับ ว่า ในนามข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับ รมว.ศึกษาธิการ และ รมช.ศึกษาธิการ ทั้ง 2 คน ที่มาเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการศึกษา ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาไทยในภาวะที่โลกในช่วงการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่า ความรู้ และประสบการณ์ของรัฐมนตรีทั้ง 3 คน จะสามารถบูรณาการการศึกษาของไทยให้พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว พวกเราชาวกระทรวงศึกษาธิการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเติมเต็มนโยบายของรัฐมนตรี ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดเพื่อพัฒนาการศึกษาให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศต่อไป
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ไม่ต้องการให้ใช้คำว่ามอบนโยบาย แต่วันนี้เรามาคุยกันในสิ่งที่ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ โดยรัฐมนตรีทั้ง 3 คนที่เข้ามาบริหารงานใหม่ ตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอด ผลักดันและช่วยให้งานที่คงค้างอยู่สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ทั้งนี้ เรื่องต่าง ๆ ที่รัฐมนตรีท่านก่อน ๆ ได้วางเอาไว้ อะไรที่เป็นเรื่องดี ก็จะนำมาสานต่อ ไม่มีการนำเอาเรื่องการเมืองมาเป็นตัวหลักในการดำเนินงาน ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่างานต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนอยู่จะไม่เกิดปัญหาสะดุดแน่นอน และไม่ถือว่าใครเป็นคนของใคร ทุกท่านที่อยู่ที่นี่คือ ข้าราชการของในหลวง คือ ข้ารับใช้แผ่นดิน เป็นคนของกระทรวงศึกษาธิการ ฝ่ายการเมืองเข้ามาเป็นวาระมาแล้วก็ไป ท่านก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายขชองฝ่ายการเมืองตนเข้าใจดี เพราะฉะนั้นเรา 3 คนเข้ามากระทรวงศึกษาธิการก็จะทำงานร่วมกับข้าราชการประจำ เป็นครอบครัวเดียวกัน จึงไม่ต้องการให้เกิดความกังวลใด ๆ
“ก่อนหน้านี้อาจารย์ได้พบกับผู้บริหารนอกรอบหลาย ๆ คนไปแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกันเรื่องสวัสดิการของครู และการสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรครู เช่น การลดภาระงานต่าง ๆ ให้กับครู รวมไปถึงเรื่องวิทยฐานะ และระบบการโยกย้ายว่า จะทำอย่างไรให้หลักเกณฑ์เป็นธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรครูในการทำหน้าที่ เพราะนอกจากส่วนของนักเรียนแล้ว บุคลากรครูกว่า 500,000 คน ถ้ารวมกับอาชีวะด้วยก็เกือบ 600,000 คน ว่า จะทำอย่างไรให้บุคลากรมีความสุขด้วย จะทำให้คุณภาพของเด็กและคุณภาพการศึกษาไทยดีขึ้นด้วย รวมไปถึงการส่งเสริมเรื่องวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์พื้นฐานก่อนไปสู่วิทยาศาสตร์ประยุกต์ การยกระดับการเรียนการสอนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย และหน้าที่พลเมือง ที่ต้องให้เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งตนต้องการวางรากฐานตรงนี้เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังเข้าใจในรากเหง้าและหน้าที่ของตัวเองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “รมว.ศึกษาธิการ
ด้าน ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับ รมว.ศึกษาธิการ หลาย ๆ เรื่องมองเห็นปัญหาตรงกัน และมองว่าในหลาย ๆ ปัญหาสามารถนำเทคโนโลยีมาแก้ไขและช่วยลดภาระของครูได้ รวมไปถึงการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษา ที่ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศที่ไม่ควรละเลย ภาพของอาชีวะไม่ใช่แค่เรื่องนักเรียนนักเลง ตีกัน แต่ต้องทำให้เห็นว่าเรียนอาชีวะแล้วสามารถช่วยพัฒนาประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษา ให้เห็นว่าเป็นการศึกษาเพื่อนำไปพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศที่กำลังเติบโตได้ ไม่ใช่เรียนไปเพื่อไปตีกัน
ด้าน นายเทวัญ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการเห็นคือ ภาพการศึกษาของเด็กไทยเป็นไปด้วยดี เพราะเชื่อว่า ถ้าประชาชนหรือเด็กนักเรียนได้รับการศึกษาที่ดี เราก็จะได้บุคลากรที่ดี นำไปสู่เศรษฐกิจของประเทศและการขับเคลื่อนของประเทศเป็นไปด้วยดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นการศึกษาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นกระบวนการที่นำไปสู่ความเจริญของประเทศ

รศ.ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)กรุงเทพ (RMUTK) เปิดเผยว่า จากการประชุม ISPEM 2025 (The Fifth International Conference on Intelligent Systems in Production Engineering and Maintenance) ที่เมืองวรอตซวัฟ( Wrocław) ประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกที่รวบรวมนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำภาคอุตสาหกรรมในสาขาวิศวกรรมการผลิต การบำรุงรักษา และระบบอัจฉริยะ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผลงานวิจัย นวัตกรรม และสร้างความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรทางวิชาการและอุตสาหกรรมในระดับนานาชาติ นั้น มทร.กรุงเทพ ได้มีโอกาสร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนนโยบายด้านความเป็นนานาชาติ (Internationalization) และการบูรณาการงานวิจัย นวัตกรรม และกำลังคน เพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 และ 5.0 ตลอดจนยกระดับภาพลักษณ์และบทบาทของมหาวิทยาลัยไทยบนเวทีโลก







