นายวุฒิพล ทับธานี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ ได้ ดำเนินการจัดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระหว่างวันที่ 16 – 18 มิถุนายน 2564 ณ ห้องประชุมร่วมใจ สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด จำนวน 49 คน ทั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เสริมสร้างการเป็นชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Iearning Community : PIC) ในการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถวิเคราะห์ความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานของตนเอง และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมีนายประเสริฐ หอมดี อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นวิทยากรให้ความรู้
“เสมา1”ขอบคุณธรรมศาสตร์คลองหลวงฯคืนเงินผู้ปกครองตามนโยบายศธ .
วันนี้(16 มิ.ย.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่เรื่องการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามโครงการต่างๆ สำหรับนักเรียนชั้น ม. 2 ,3 ,5 และ ม. 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จ.ปทุมธานี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เช่น ค่าวารสารโรงเรียน ค่าตรวจสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ค่าสาธารณูปโภคสำหรับห้องเรียนปรับอากาศ เป็นต้น ทั้งๆที่จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ว่า จากการตรวจสอบทราบว่าเอกสารที่มีการนำมาเผยแพร่เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งหลังจากที่ได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคมก็ได้ปรับมาตรการและมีการคืนเงินไปหลายรายการแล้ว
“ ทราบว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรีเริงฤทธิ์ ผดุงพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ได้ปรับมาตรการและการดำเนินการตามแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อช่วยเหลือนักเรียนและผู้ปกครอง โดยใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ 1. เสริม Virtual Schoo โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2. งดเก็บค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมค่ายวิชาการ และ 3.คืนค่าเสื้อกีฬาสี (เสื้อ TO BE NUMBER ONE ) กรณีนักเรียนและผู้ปกครองไม่มีความประสงค์ต้องการสั่งซื้อไปแล้ว” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณและชื่นชม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาต่างๆ ที่เข้าใจและเห็นใจผู้ปกครอง โดยคืนเงินค่าใช้จ่ายในส่วนของกิจกรรมที่ไม่ได้จัดให้นักเรียน หรือ ดำเนินการในมาตรการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือนักเรียนและผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019.
กศน.ศรีสะเกษนำหลักสูตรจิตอาสาเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิต
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 นายวุฒิพล ทับธานี ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดโครงการอบรม “หลักสูตรจิตอาสา”ประจำปี 2564 รุ่นที่ 1 วันที่ 11 มิถุนายน 2564,รุ่นที่ 2 วันที่ 12 มิถุนายน 2564 และรุ่นที่ 3 วันที่ 13 มิถุนายน 2564 ณ ห้องประชุมร่วมใจ สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 130 คน ทั้งนี้โครงการอบรมหลักสูตรจิตอาสาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันสำคัญของชาติ ให้เกิดความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีจิตสาธารณะที่พร้อมอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งตรงกับบทบาทภารกิจของสำนักงาน กศน.
“ผมได้มอบหมายให้ผู้เข้ารับการอบรมนำความรู้ที่ได้จากการอบรม ไปขยายผลในการจัดกิจกรรมในสถานศึกษากศน.ตำบล กศน.อำเภอ ในจังหวัดศรีสะเกษดังนี้ 1.จัดทำแผนในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่และปฏิบัติ 2.ขยายผลโครงการพระราชดำริ 3.สร้างค่านิยม ปลูกฝัง ค่านิยม อุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันส่งผลให้ประชาชนมีความรักชาติ เกิดความรัก ความสามัคคี เป็นรากฐานที่เหนียวแน่นในการพัฒนาประเทศ ให้มีความเจริญมั่นคง ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการดำรงชีวิต”ผอ.สำนักงานกศน.จังหวัดศรีสะเกษ กล่าว
“ครูเหน่ง”ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเปิดเทอมวันแรกชื่นชมศึกษาสงเคราะห์เชียงดาวจัดระบบคัดกรองสูง
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 ที่จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่ให้กำลังใจครูที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ (โรงพยาบาลแม่และเด็ก) ตรวจเยี่ยมนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในการเปิดเทอมวันแรกของภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว โรงเรียนบ้านป่าติ้ว โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ และวิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลนครพิงค์
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า จังหวัดเชียงใหม่จัดอยู่ในพื้นที่ควบคุม หรือ พื้นที่สีส้ม ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)และวันนี้เป็นการเปิดเทอมในวันแรกนี้ ตนได้มาตรวจเยี่ยมโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำพักนอน โรงเรียนบ้านป่าติ้ว เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ซึ่งทั้งสองโรงเรียนจัดการเรียนการสอน โดยการแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่มสลับกันมาเรียนคนละวัน กลุ่ม On-site ก็มาเรียนแบบปกติที่โรงเรียน กลุ่มที่อยู่บ้านก็เรียนแบบ On-line ผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ สถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง ยังได้จัดการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่นตามความสะดวกของผู้ปกครอง เช่น หากผู้ปกครองต้องการให้เด็กเรียน On-line ที่บ้าน เนื่องจากยังไม่มีผู้ใดในบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทางโรงเรียนก็อนุญาตให้เรียน On-line ที่บ้านได้โดยไม่ต้องสลับมาเรียนที่โรงเรียน ขณะเดียวกันก็พบว่าโรงเรียนได้ยืดหยุ่นในการจัดการเรียน On-line โดยไม่บังคับให้นักเรียนต้องนั่งเรียนหน้าจอตลอดเวลา และครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาก็ไม่ได้มอบหมายงานมากเกินกำลังของนักเรียน ขณะเดียวกันถ้าเด็กอยู่ไกลไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้ก็มีการจัดส่งเอกสาร ใบงานให้นักเรียนได้เรียนแบบ 0n-hand ผสมผสานไปด้วย
“ จากการตรวจเยี่ยมเห็นแผนการสอนของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ และ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ แล้วพบว่า ทั้ง 4 แห่งสามารถจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์โควิดได้ดี มีการเลือกรูปแบบการเรียนการสอนได้เหมาะสม กับบริบทของสถานศึกษาและสถานการณ์ในพื้นที่ และเมื่อดูการจัดการที่โรงเรียนแล้วทำให้เห็นว่ามีความปลอดภัย เพราะก่อนเปิดเทอมทางโรงเรียนก็ได้ดำเนินการประเมินความพร้อมตามตัวชี้วัดของกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อเปิดเรียนก็ปฏิบัติการตามมาตรการของ ศบค. ภายใต้คำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การรับนักเรียนเข้าโรงเรียน ก็ได้มีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ มีการเว้นระยะห่างของโต๊ะเรียนภายในชั้นเรียน เว้นระยะห่างที่นั่งในโรงอาหาร รวมถึงพื้นที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอน และจากการพูดคุยกับนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ก็พบว่ามีความมั่นใจในมาตรการของทางสถานศึกษาเช่นกัน ดิฉันจึงมั่นใจว่าโรงเรียนจะสามารถสอนได้ครบสาระตามที่หลักสูตรกำหนด รวมถึงการสอนชดเชยในช่วงเวลาที่ขยับการเปิดเทอมออกมา 19 วันด้วย อย่างไรก็ตาม ดิฉันได้เน้นย้ำให้ผู้บริหารติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19อย่างใกล้ชิด คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นสำคัญ การ์ดต้องไม่ตก” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว.
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศ เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ยังไม่พบปัญหาใดๆ โดยสถานศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จำนวน 29,058 โรงเรียน จำแนกเป็นสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 183 เขต เปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 จำนวน 11,660 โรงเรียน เปิดเทอม วันที่ 14 มิ.ย.จำนวน 14,567 โรงเรียน และอื่นๆ 372โรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 62 เขต เปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 จำนวน 1,292 โรงเรียน เปิดเทอม วันที่ 14 มิ.ย.จำนวน 1,006 โรงเรียน และอื่นๆ 61 โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ได้เปิดสอนที่สถานศึกษาแล้ว 19,434 โรงเรียน ทั้งนี้ โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนค่อนข้างมาก และโรงเรียนที่ตั้งอยู่พื้นที่รอบนอกเมืองส่วนใหญ่เลือกใช้รูปแบบการเรียนการสอนผสมระหว่าง On-site กับ 0n-hand
ด้านนายนัษฐภัชร์ ไกรงาม ผู้อำนวยการโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว กล่าวว่า โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาวมีนักเรียนทั้งหมด 538 คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนพักนอน โรงเรียนจะมีระบบสวอปจมูกเพื่อตรวจโควิด-19 อีกชั้นหนึ่งเมื่อนักเรียนเข้ามาในโรงเรียน ซึ่งจะมีความปลอดภัยสูงมาก ทั้งนี้โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาวมีนักเรียนเรียนในระบบออนไลน์ 20 คน และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ยังไม่เข้ามาเรียน อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนจะยังไม่ให้นักเรียนเรียน On-site แต่จะให้เรียน0n-hand ในโรงเรียน เพราะยังต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างของกระทรวงสาธารณสุขอยู่ โดยนักเรียนจะเรียนในหอนอนในโซนของตัวเอง โดยมีครูคอยดูแล ยังไม่ให้เข้าห้องเรียนในระบบ On-site จนกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัยของนักเรียน
กนกวรรณ ผนึกกำลัง อพวช.ปั้นอาชีพให้คน กศน.
ครูโอ๊ะ ผนึกกำลัง อพวช.ปั้นอาชีพให้คน กศน. ทั้ง “สตาฟสัตว์-ของเล่นวิทยาศาสตร์-ออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม” เผยเตรียมจัดใหญ่คาราวานวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่ไปยัง ศว.20 แห่งทั่วไทย เติมเต็มความรู้ประชาชนทุกช่วงวัย หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายเดินหน้าทันที พร้อมหนุนเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทย์ คลังความรู้ใหญ่ เรียนรู้-สนุกคิดวิทยาศาสตร์ได้ทั้งครอบครัว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เพื่อหารือความร่วมมือการจัดคาราวานวิทยาศาสตร์ ปี 2564 และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนทุกช่วงวัย โดยมี ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการ อพวช. คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ มีนางตติยา ใจบุญ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเผยแพร่ทางการศึกษา กศน. นางอภิญญา ซอหะซัน รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเผยแพร่การศึกษา กศน. และนายดิษพล มาตุอำพันวงศ์ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเผยแพร่ทางการศึกษา กศน. เข้าร่วมด้วย
กศน.จับมือเครือข่ายเปิดบ้านสถาบันการศึกษาทางไกลครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดการศึกษาทางไกล ระหว่างสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย( กศน.)กับ 8 หน่วยงานภาคีเครือข่ายการศึกษาทางไกล อาทิ กรมราชทัณฑ์,กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน,กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, กรมพลศึกษา, สมาคม EIS แห่งประเทศไทย,มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา,องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโรงเรียนทิวไผ่งาม สังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน ว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีของกระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันการศึกษาทางไกลของ สำนักงาน กศน.ที่ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายได้นำเทคโนโลยีมาจัดการศึกษาทางไกลในยุคการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองไทยหรือต่างประเทศก็สามารถเรียนได้ รวมถึงวิชาทางเลือกที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้วย
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานการศึกษาทางไกลของสถาบันการศึกษาทางไกล มีบทบาทอำนาจหน้าที่ ที่กำหนด เช่น ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สื่อ กระบวนการเรียนการสอน การวัดผล และประเมินผล ตามหลักการและแนวคิดของการศึกษาทางไกล ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาต่อเนื่อง ที่จัดการศึกษาโดยใช้สื่อถ่ายทอดมวลความรู้ และประสบการณ์ต่าง ๆ แทนการสอนโดยครู และมุ่งเน้นให้นักศึกษาและผู้เรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองจากสื่อ ด้วยหลักการจัดการศึกษาในลักษณะนี้ทำให้การศึกษาทางไกลของสถาบันการศึกษาทางไกลสามารถเป็นทางเลือก และสามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษา สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีเวลาว่างไม่แน่นอน และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่มีข้อจำกัด
ก.ค.ศ.แจงว.9/2564 ไม่กระทบสิทธิ์ครู
วันที่ 11 มิ.ย.2564 รศ.ดร.ประวิต เอรารววณ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา( ก.ค.ศ. )เปิดเผยว่า ตามที่น.ส.ศริญญา สุกใส ประธานชมรมข้าราชการครูแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนครู ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ โดยขอให้ สำนักงาน ก.ค.ศ.พิจารณาเยียวยาครู ที่คาดว่าจะที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะ และเลื่อนวิทยฐานะแบบใหม่(ว.9/2564)ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นั้น ว่า การดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำความเข้าใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่หลักเกณฑ์และวิธีการ ฯ ประเมินวิทยฐานะใหม่ (ว9/2564) ตั้งแต่ปี 2563 อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลรับที่จะเกิดกับผู้เรียนเป็นสำคัญ
“ผมได้พิจารณาในรายละเอียดหนังสือที่ร้องเรียนมาแล้ว คิดว่า น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับครูกลุ่มดังกล่าวจนเกิดความเข้าใจแล้ว โดยยืนยันว่าครูยังสามารถเลือกประเมินวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เดิมได้ ส่วนผู้ที่จบปริญญาโท และได้บรรจุเป็นครูในปี 2560 หากไม่สามารถใช้วุฒิปริญญาโทในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะครั้งนี้ได้ ก็สามารถนำวุฒิไปใช้ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะในครั้งถัดไป ไม่มีการเสียสิทธิอย่างแน่นอน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่ นี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้เรียน สถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และที่สำคัญจะเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาในภาพรวมของประเทศ โดยขอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เปลี่ยนแนวคิดว่าทำแล้วตัวเองจะได้อะไร แต่ให้คิดว่าทำแล้วเด็กจะได้อะไร”เลขาธิการก.ค.ศ.กล่าว
กพฐ.ประชุมติดตามงานสพฐ.แนะเรียนออนไลน์ให้เน้นผลสัมฤทธิ์ที่ตัวเด็ก
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม กพฐ. ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งจะมีการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยจะยึดการเรียนการสอน 5 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบการเรียน On-site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของ ศบค. On-air เรียนผ่าน DLTV On-demand เรียนผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ On-line เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต และ On-hand เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร แต่ในพื้นที่สีแดงเข้มจะไม่สามารถจัดการเรียนแบบ On-site ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นโรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการเรียนดังกล่าวให้เหมะสมกับสภาพพื้นที่ตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตามที่จังหวัดกำหนด
“ผมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่า การเรียนออนไลน์ โรงเรียนไม่ควรจะจำกัดเฉพาะนักเรียนของตนเองเท่านั้น ควรให้นักเรียนได้เรียนออนไลน์ต่างโรงเรียนได้ด้วย เช่น โรงเรียนแข่งขันสูงควรเปิดโอกาสให้นักเรียนลงทะเบียนเรียนได้ ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างเปิดกว้าง สิ่งที่ตามมาคือนักเรียนจะมีทักษะ SDL หรือ Self Directed Learning มากขึ้น ทำให้นักเรียนสามารถกำหนดเนื้อหา และทำการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้ เป็นการช่วยเพิ่มทักษะการหาข้อมูลซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนในอนาคตได้”ดร.เอกชัย กล่าวและว่า นอกจากนี้ตนยังได้เสนอว่าการเรียนการสอนในปัจจุบันต้องพยายามหลีกเลี่ยงการย้ายห้องเรียนไปอยู่บ้านของเด็ก ควรจะเน้นสัมฤทธิ์ผลการเรียน และสมรรถนะที่เด็กน่าจะทำได้ ดังนั้น โรงเรียนและครูควรยืดหยุ่นเรื่องการนับเวลาเรียน หรือจำนวนวันที่เรียน ซึ่งทางสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา รับเรื่องนี้ไปพิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พบว่าโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จำนวน 183 เขต เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 11,625 แห่ง เปิดเรียนวันที่ 14 มิถุนายน 14,661 แห่ง และเปิดเรียนวันอื่นๆ 313 แห่ง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 62 เขต เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 1,293 แห่ง เปิดวันที่ 14 มิถุนายน 1,005 แห่ง เปิดเรียนวันอื่นๆ 61 แห่ง โรงเรียนในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 30 แห่ง เปิดวันที่ 14 มิถุนายน 70 แห่ง ซึ่งโรงเรียนจะจัดการเรียนการสอนตามบริบทของพื้นที่ และสามารถจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบที่ สพฐ.วางไว้ 5 รูปแบบได้
ประธานกพฐ.กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้พูดถึงการเรียนการสอน 5 รูปแบบ จะต้องประเมินว่าเมื่อนักเรียนได้เรียนผ่าน 5 รูปแบบที่กำหนดไว้ มีผลสัมฤทธิ์การเรียนเป็นอย่างไร เพราะที่ประชุมให้ความสำคัญว่าจะต้องมีระบบประเมินการเรียนในแต่ละรูปแบบที่ชัดเจนด้วย เพื่อให้ทราบว่าการเรียนในรูปแบบไหนเห็นผลสัมฤทธิ์ และนักเรียนได้ความรู้มากที่สุด หากทราบว่ารูปแบบไหนทำให้นักเรียนได้รับความรู้มาก ก็สามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้ ซึ่งตนข้อเสนอที่ประชุมพิจารณาว่า ขณะนี้เด็กเรียนออนไลน์มากขึ้น อาจจะทำให้ครูไม่สามารถวัดและประเมินผลเด็กได้ โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ดังนั้นหากจะให้เด็กชั้นประถมศึกษาเลื่อนชั้นขึ้นไป ก็ควรให้ครูประจำชั้นเลื่อนตามตัวเด็กด้วย เพราะครูจะเป็นผู้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของนักเรียนในการเรียนออนไลน์เมื่อปีที่ผ่านมา และครูจะสามารถเติมความรู้ให้กับเด็กได้
นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ในการประชุมกพฐ.ครั้งนี้ เป็นการหารือข้อราชการและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของ สพฐ. อาทิ ความก้าวหน้าการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน แนวทางการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ความปลอดภัยของผู้เรียน ข้อจำกัดในการบริหารงบประมาณของ สพฐ. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และการรวม/การเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นต้น
กศน.นำโครงการจิตอาสาขับเคลื่อนพัฒนาชุมชน
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2564 ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย( กศน.)เปิดเผยว่า สำนักงาน กศน. ได้น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานพัฒนาการศึกษาของกศน.โดยมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง,มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม,มีงานทำ มีอาชีพ,และเป็นพลเมืองที่ดี โดยในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม สำนักงาน กศน. ได้ขับเคลื่อนใน 2 กิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ อบรมหลักสูตรจิตอาสาของสำนักงาน กศน.โดยให้สำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร จำนวน 77 แห่ง ดำเนินการจัดอบรมหลักสูตรจิตอาสา (ระยะเวลาอบรม 2 วัน) จำนวน 12 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 130 คน/แห่ง รวม 10,010 คน รายงานผลการดำเนินงาน และให้ส่งคลิปการทำกิจกรรมใน Tiktok ด้วย
เลขาธิการสำนักงาน กศน.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีการขยายผลโครงการจิตอาสา ให้มีการประกวดโครงการจิตอาสา ประจำปี 2564 ได้แก่ 1.ชุมชนจิตอาสาดีเด่น เน้นทำได้จริงและขยายผล โดยนำความรู้มาส่งเสริม ขยายผลให้ชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ ผลการดำเนินงานเป็นที่ประจักษ์ มีกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ มีจิตสาธารณะ นำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาจัดกิจกรรม รวมทั้งงานด้านจิตอาสา มีการดำเนินงานด้านจิตอาสา และสามารถเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการจิตอาสาชุมชน
2.ผู้นำชุมชนจิตอาสาดีเด่น เน้นการกระตุ้นให้ประชาชนรู้จักช่วยตนเอง และเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านของตน ริเริ่มและสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนา ช่วยเหลือ สนับสนุน การดำเนินงานตามแผนงานโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้าน ประสานงานระหว่างองค์กรประชาชนกับหน่วยงาน รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่เวทีประชาคม คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล หรือทางราชการมอบหมาย และให้มีการแข่งขันขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ (กศน.ชาเลนจ์) ประจำปี 2564 โดยให้สถานศึกษาคัดเลือกนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยให้ครูที่ผ่านการอบรมหลักสูตรจิตอาสาเป็นที่ปรึกษาและผู้ควบคุมทีม
“กรอบระยะเวลาดำเนินการ แบ่งเป็น 4 ช่วงเวลาได้แก่ ระดับสำนักงาน กศน.จังหวัด ดำเนินการภายในเดือน พฤษภาคม ถึง 18 มิถุนายน 2564 ระดับกลุ่มสำนักงาน กศน.จังหวัด เสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 2564 ระดับสถาบัน กศน.ภาค เสร็จสิ้นภายในเดือน กรกฎาคม 2564 ระดับประเทศ เสร็จสิ้นภายในเดือน สิงหาคม 2564 โดยผู้ชนะเลิศแต่ละรางวัล/ประเภท จะได้เข้าร่วมศึกษาดูงาน ณ โคก หนอง นา โมเดล กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาพระองค์ หรือมีแหล่งศึกษาดูงานอื่นในพื้นที่ให้พิจารณาขึ้นอยู่กับความเหมาะสม”ดร.วรัทกล่าวและว่า ทั้งนี้สำนักงาน กศน. มุ่งหวังว่าการขับเคลื่อนงานจะทำให้ข้าราชการและบุคลากรทุกคน รวมทั้งพี่น้องประชาชนได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจและตระหนักในความสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) และจิตอาสาพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม
“กนกวรรณ”เตรียมผลิตหนังสืออักษรเบรลล์สอนคนตาบอด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศธ. และนายพะโยม ชิณวงศ์ ประธานคณะทำงาน รมช.ศธ. และผู้จัดการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำหรับคนพิการ สพฐ. เดินทางไปตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ และรับฟังความต้องการการจัดการศึกษาสำหรับผู้พิการทางสายตา โดยมี นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายประสงค์ สุบรรณพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ พร้อมด้วยนางอรทัย ฐานะจาโร ประธานฝ่ายการศึกษาฯ นายธีรพงษ์ นิยมทอง ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารฯ และคณะครู ให้การต้อนรับ
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า จากการเยี่ยมชมการเรียนการสอน สื่อ วิธีการเรียนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ “ไลน์กลุ่ม” ตลอดจนแผนปฏิรูปการศึกษา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษา ที่ได้รับความร่วมมือจาก 3 สถาบัน ประกอบด้วย Aeress Foundation, Magic years International School และ Perkins International School เพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนรู้และพัฒนาคนตาบอด ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เหมือนคนปกติโดยทั่วไป โดยมีครูที่มีความรู้ความเข้าใจในความบกพร่อง มีสื่อการเรียนการสอนที่ดี และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม
จึงถือได้ว่าโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่เข้มแข็ง ภายใต้การดูแลและสนับสนุนของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ ทั้งยังแสวงหาความร่วมมือและทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการศึกษาของผู้เรียนที่ตาบอดได้รับการศึกษาถึงระดับปริญญา จึงขอชื่นชมหัวใจอันงดงามของประธานมูลนิธิ ฯ ผู้บริหาร กรรมการและคุณครูทุกคน ที่ช่วยดูแลลูกหลานที่บกพร่องทางสายตา ช่วยให้ผู้บกพร่องสามารถไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับคนปกติที่สุด
“ครูโอ๊ะมาในครั้งนี้ เพราะต้องการที่จะรับฟังและสอบถามถึงความต้องการให้รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมและสนับสนุนด้านใด ซึ่งเบื้องต้นต้องการให้ผลักดันในเรื่องของเครื่องมือ เทคโนโลยีต่าง ๆ และการจัดทำสื่อหนังสือสำหรับนักเรียนตาบอด โดยเฉพาะข้อเสนอให้ทางสำนักพิมพ์จัดทำเป็นไฟล์เวิร์ด เพื่อให้โรงเรียนสอนคนตาบอด สามารถนำไปใช้ผลิตหนังสือเป็นอักษรเบรลล์ได้ทุกรายวิชา
เพราะที่ผ่านมา ทางโรงเรียนประสบปัญหาในการจัดทำหนังสือเรียน ที่ต้องนำหนังสือเป็นเล่มมาแปลงหลายขั้นตอน กว่าที่จะได้เป็นอักษรเบรลล์ ทำให้เกิดความล่าช้าในการเรียนการสอน ทั้งใช้ต้นทุนและงบประมาณมาก จึงได้มอบให้ นายพะโยม ชิณวงศ์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการศึกษาสำหรับเด็กพิการ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดูแลในเรื่องนี้ พร้อมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ในเบื้องต้น ที่จะร่วมกันหาทางออกเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน อาทิ การออกระเบียบ หรือเพิ่มคุณสมบัติ/เงื่อนไขให้โรงพิมพ์จัดทำไฟล์เวิร์ดหนังสือเรียนทุกรายวิชา จำนวน 1 ชุด ส่งให้กับ สพฐ. เพื่อส่งต่อให้หน่วยงานหรือโรงเรียนที่ต้องการแปลงเป็นหนังสืออักษรเบรลล์ในวิชาต่าง ๆ ต่อไป พร้อมให้นำข้อคิดเห็นของประธานฝ่ายการศึกษาโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ที่เสนอเกี่ยวกับโมเดลของ Perkins International school ซึ่งได้จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกันกับโรงเรียน ก็มีการส่งไฟล์มาให้เพื่อใช้ผลิตสื่อ หนังสือเรียน ภายใต้เงื่อนไขสัญญาร่วมกันที่จะไม่มีการเปิดเผยไฟล์นี้ต่อผู้อื่น ซึ่งถือเป็นอีกทางแก้ปัญหาที่จะเกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย
ท้ายสุดนี้ ถือเป็นความโชคดีของเด็กไทยทุกคน ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ และโรงเรียนสอนคนตาบอด ที่มีความพร้อมทั้งด้านจุดแข็งและโอกาส ทั้งยังมี 3 องค์กร เข้ามาช่วยในการจัดการศึกษา ด้วยแนวทางการจัดระบบการศึกษาที่ดีในระดับโลก มีความเชี่ยวชาญพิเศษ และทำการเรียนการสอนมากว่า 100 ปี ที่จะร่วมกันพัฒนาและการวางเป้าหมายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตร่วมกัน” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว