เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างการรับรู้และกำหนดกรอบทิศทางในการดำเนินการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ภายใต้โครงการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดตาม พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ระยอง ซิตี้ เซ็นเตอร์ จังหวัดระยอง โดยมี นางสาวสลารีวรรณ ทัพทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นางวันเพ็ญ บุรีสูงเนิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการในตำแหน่งศึกษาธิการภาค 8 ครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญในการสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ในการกำหนดนโยบาย และแผนการดำเนินงานของพื้นที่ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการสร้างกลไก การจัดการศึกษาร่วมกัน ระหว่างภาครัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ให้บรรลุเป้าหมาย ตาม พ.ร.บ. พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 การจัดการศึกษาในพื้นที่ นวัตกรรมการศึกษา เป็นรูปแบบหนึ่ง ที่นำมาใช้ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยจัดการศึกษาให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลให้สถานศึกษานำร่อง ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้ง 1,680 แห่ง มีอิสระในด้านหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการสถานศึกษา มีความคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพปัญหาในแต่ละพื้นที่ อันจะนำไปสู่การยกระดับ การจัดการศึกษาของประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญ ของ
การพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพ สามารถเผชิญกับความท้าทาย กับโลกในยุคปัจจุบันและอนาคตได้
“สำหรับ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเป็นเวลาเจ็ดปี ซึ่งเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และจะถึงกำหนดในปี พ.ศ. 2569 เหลือระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี ดังนั้น ผลการดำเนินงาน การขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ทั้ง 20 จังหวัดรวมไปถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้เรียน ครู สถานศึกษา และชุมชน จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการพิจารณา ต่อ/ขยาย อายุของพ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผลการดำเนินงาน ขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของจังหวัดนำร่อง ทั้ง 20 จังหวัด นับว่าเป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ ที่จะได้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งผลการดำเนินงานที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดีตลอดจนปัญหา อุปสรรค และวิธีการแก้ไข นอกจากนี้ กิจกรรมลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ของสถานศึกษานำร่อง ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ข้อมูลในเชิงประจักษ์ จากสถานที่และวิธีการปฏิบัติจริง จะเป็นประโยชน์และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่จังหวัดของตนเองต่อไป ทั้งนี้ขอขอบคุณ คณะผู้จัดงาน หน่วยงานทางการศึกษา ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกัน วางแผนการบริหารจัดการศึกษา ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการ และบริบทของพื้นที่ ภายใต้นโยบาย เรียนดี มีความสุข” รมช.สุรศักดิ์ กล่าว



โดย นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบ สพป.กาญจนบุรี เขต 1 และ สพม.กาญจนบุรี พบว่าสามารถจัดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยสนามสอบ สพป.กาญจนบุรี เขต 1 มีผู้มีสิทธิสอบ จำนวน 36 คน ใน 5 สาขาวิชาเอก ได้แก่ สาขาวิชาเอกภาษาไทย วิชาเอกภาษาอังกฤษ วิชาเอกสังคมศึกษา วิชาเอกการประถมศึกษา และวิชาเอกปฐมวัย/การศึกษาปฐมวัย ขณะที่ สพม.กาญจนบุรี จัดสอบ ณ โรงเรียนวิสุทธรังษี มีผู้มีสิทธิสอบ 79 คน ใน 8 สาขาวิชาเอก ได้แก่ สาขาวิชาเอกภาษาอังกฤษ วิชาเอกสังคมศึกษา วิชาเอกพลศึกษา วิชาเอกดนตรี/ดนตรีศึกษา วิชาเอกอุตสาหกรรม/อุตสาหกรรมศิลป์ วิชาเอกคอมพิวเตอร์ วิชาเอกคหกรรม/คหกรรมศาสตร์ และวิชาเอกจิตวิทยาและการแนะแนว/แนะแนว
นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบ สพป.ปทุมธานี เขต 1 และ สพม.สระบุรี โดย สพป.ปทุมธานี เขต 1 มีผู้มีสิทธิสอบ จำนวน 44 คน มีตำแหน่งว่าง 8 อัตรา ใน 7 สาขาวิชาเอก ขณะที่ สพม.สระบุรี จัดสอบ ณ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สระบุรี มีผู้มีสิทธิสอบ จำนวน 29 คน ใน 5 สาขาวิชาเอก ได้แก่ สาขาวิชาเอกคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาภาษาไทย สาขาวิชาสังคมศึกษา สาขาบรรณารักษ์ และสาขาการเงิน/การบัญชี
นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบ สพม.เชียงราย และ สพป.เชียงราย เขต 1, เขต 3 โดย สพม.เชียงราย จัดสอบ ณ โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ มีผู้สมัครสอบ จำนวน 74 คน มีตำแหน่งว่าง 15 อัตรา ขณะที่ สพป.เชียงราย เขต 1 จัดสอบ ณ โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) มีผู้มีสิทธิสอบ จำนวน 144 คน ใน 8 กลุ่มสาขาวิชาเอก จำนวนห้องสอบ 6 ห้อง และสพป.เชียงราย เขต 3 มีผู้เข้าสอบจำนวน 59 คน
นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบ สพม.พังงา ภูเก็ต ระนอง และ สพป.พังงา โดย สพม.พังงา ภูเก็ต ระนอง จัดสอบ ณ โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน มีผู้มีสิทธิสอบ จำนวน 14 คน มีตำแหน่งว่าง 5 อัตรา ใน 5 สาขาวิชาเอก ได้แก่ วิชาเอกภาษาไทย สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ขณะที่ สพป.พังงา จัดสอบ ณ โรงเรียนบ้านทุ่งเจดีย์ จังหวัดพังงา มีผู้เข้าสอบจำนวน 20 คน ใน 5 กลุ่มสาขาวิชาเอก ได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ศิลปศึกษา และปฐมวัยฯ
นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมสนามสอบ สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ซึ่งจัดสอบ ณ โรงเรียนเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด โดยเปิดสอบจำนวน 9 วิชาเอก มีผู้มีสิทธิสอบ 237 คน และมีผู้เข้าสอบทั้งสิ้น 224 คน
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมเทพนคร จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการขยายผลการพัฒนาสมรรถนะการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการเรียนการสอน สำหรับโรงเรียนในโครงการ “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ จังหวัดบุรีรัมย์” โดย นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เป็นประธานในพิธีเปิดผ่านระบบออนไลน์ สิบตำรวจตรี นปดล นพเคราะห์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการอบรมว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พัฒนาโรงเรียนคุณภาพเป็นต้นแบบในแต่ละอำเภอ และส่งเสริมการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับชุมชนและเทคโนโลยีดิจิทัล
ผอ.สพม.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการศึกษาของจังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI อย่างเป็นรูปธรรม สู่การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง โดยการอบรมมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ พัฒนาทักษะทางดิจิทัลของบุคลากรในโรงเรียนต้นแบบ และ ส่งเสริมให้โรงเรียนสามารถเป็นต้นแบบการใช้ AI ในการจัดการเรียนการสอน และขยายผลให้แก่โรงเรียนอื่นในพื้นที่ โดย ผู้เข้าร่วมการอบรมประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการ ครูผู้รับผิดชอบโครงการ ครูด้าน ICT และครูที่มีทักษะพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ต รวมทั้งคณะทำงาน รวมทั้งสิ้น 230 คน







นายพัฒนะ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ เช่น การขับเคลื่อนโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” (OBEC Zero Dropout) ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยมีการขับเคลื่อนใน 4 มิติ ได้แก่ การป้องกัน การส่งต่อ การติดตามดูแล และการแก้ไข ซึ่งในส่วนของมิติการแก้ไข ได้มีการนำการเรียนไปให้น้องแล้ว 1,355 คน (ชั้นประถมฯ 240 คน ม.ต้น 768 คน ม.ปลาย 347 คน) และมีการส่งต่อแล้ว 811 คน (ชั้นประถมฯ 182 คน ม.ต้น 396 คน ม.ปลาย 233 คน) ส่วนกิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคม จะมีการอบรม 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ online จำนวน 2 รุ่น มีกลุ่มเป้าหมายเป็นโรงเรียนนำร่อง 939 โรงเรียน รวมถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการนำร่องการใช้ระบบสารสนเทศ Thailand Zero Dropout ในระดับตำบล โดยบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่าง 58 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และโรงเรียนสังกัด สพฐ. ในจังหวัดบึงกาฬ จากนั้นเมื่อเปิดภาคเรียน (16 พฤษภาคม 2568) จะมีการ kick off นำการเรียนไปให้น้อง ตามแผนดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 2 โดยมีการนำระบบ 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ให้เด็กได้รับการศึกษาแบบยืดหยุ่น ทั้งการเรียนในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครอง ครู และชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 นายยศพล เวณุโกศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมครูฝึกในสถานประกอบการ หลักสูตร 30 ชั่วโมง โดยมีนางสาววีรมลล์ จงชาณสิทโธ Head of L&D and CRC Academy นายสมพร ชูทอง ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร นางกุลิสรา สุวรรณ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวกรุงเทพ ศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคี และครูฝึกในสถานประกอบการ จากในเครือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กว่า 200 คน เข้าร่วม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมท็อปส์ สาขาเกษตร กรุงเทพมหานคร
นายยศพล กล่าวว่า จากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานในการผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาตอบโจทย์ความต้องการของสถานประกอบการเท่าทันการเปลี่ยนแปลง ตามนโยบาย พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” โดยขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเข้มข้น ส่งเสริมนักเรียน นักศึกษามีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ และได้เรียนรู้จริงในสถานประกอบการ ซึ่งการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีจะมีครูฝึกในสถานประกอบการ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญของสถานประกอบการ และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สอน ถ่ายทอดความรู้ ฝึกทักษะอาชีพให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีตามหลักเกณฑ์ของ สอศ.
“สอศ. ร่วมกับบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดโครงการอบรมครูฝึกในสถานประกอบการ หลักสูตร 30 ชั่วโมง ประกอบด้วย การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี, การกำกับ ดูแล ผู้เรียนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี, การเขียนแผนการฝึกอาชีพ, เทคนิคการสอนงาน และการวัดและประเมินผลการฝึกอาชีพ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและสร้างครูฝึกในสถานประกอบการให้มีประสิทธิภาพ มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการถ่ายทอดวิชาชีพให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งครูฝึกในสถานประกอบการจะเป็นกลไกสำคัญเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษากับโลกของการทำงานที่ช่วยสร้างความเข้าใจบทบาทในวิชาชีพ มีทักษะฝีมือ ทัศนคติที่ดี และผลักดันการเรียนรู้สู่การปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นส่วนในการผลิตกำลังคนที่มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกและบริการ”เลขาธิการ กอศ. กล่าวและว่า ขอขอบคุณความร่วมมือ เซ็นทรัล รีเทล ที่ช่วยผลักดันการศึกษาสายอาชีพให้นักศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีได้รับโอกาส ฝากดูแลน้อง ๆ เยาวชนของชาติ พัฒนาวิชาชีพต่าง ๆ พร้อมสู่การแข่งขันในระดับนานาประเทศ และเติบโตเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เป็นกำลังคนคุณภาพตอบโจทย์เศรษฐกิจและขับเคลื่อนอนาคตของประเทศอย่างมั่นคง
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 บริเวณหน้า ได้มีพิธีเปิดและปล่อยขบวนความร่วมมือและปฏิบัติการตรวจร่วม นักเรียนปลอดภัย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด โดยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พลตำรวจเอก อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) รวมถึงผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมในพิธี
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)กรุงเทพ ร่วมกับ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จัดกิจกรรมการแข่งขันประกวดอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่ม ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภายใต้และเครือข่ายโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ เรือนจำกลางนครปฐม โดย พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และ รองประธานคณะกรรมการกองทุนกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ น.ส.อโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผศ.ดร.ธนวิทย์ ลายิ้ม คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.กรุงเทพ พร้อมด้วย ผศ.สุรีย์รัตน์ เอมพรหม รองคณบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ผศ.จริยา บูรพกุศลศรี อดีตอาจารย์ คณาจารย์ประจำ คณะฯ และนักศึกษา เข้าร่วมพิธีเปิดกิจกรรม
ผศ.ดร.ธนวิทย์ ลายิ้ม คณบดีคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.กรุงเทพ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการฝึกอาชีพการทำอาหารและขนม ของเรือนจำในโครงการกำลังใจฯ และเรือนจำเครือข่ายที่มีความพร้อม จำนวน 36 แห่ง เพื่อแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ที่สำคัญกิจกรรมนี้ยังเป็นการต่อยอดการพัฒนาทักษะทางอาชีพให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ภายใต้ โครงการกำลังใจฯ ซึ่งจะเป็นทักษะและวิชาชีพติดตัวให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผู้ต้องราชทัณฑ์จะได้รับความรู้ด้านการประกอบอาหาร เทคนิคการประกอบอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดตกแต่ง และนำเสนอ การคิดต้นทุน และโภชนาการ ได้รับประกาศนียบัตรผู้สัมผัสอาหาร เพื่อเป็นใบเบิกทางในการทำงานภายหลังพ้นโทษ ที่จะนำไปสู่การทดสอบ และยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงโอกาสในการทำงานเป็นเชฟ หรือผู้ช่วยเชฟ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่อไป

