เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดการประชุมวิชาการในหัวข้อ “แนวทางการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง” ตามนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดย พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายแนวทางขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ในการนี้ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) พร้อมด้วยนายวิทวัต ปัญจมะวัต นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ นายสง่า แต่เชื้อสาย รองเลขาธิการ กอศ. และนายสุรพงษ์ เอิมอุทัย ผู้ช่วยเลขาธิการกอศ. รวมถึงผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สอศ. ภาครัฐและเอกชน สถาบันการอาชีวศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง จากทั่วประเทศ กว่า 700 คน าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปทุมมาศ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566 โดยเน้นทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจร่วมกันเพื่อให้เกิดความสุขในการทำงาน และส่งต่อสู่ความสุขของนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง เมื่อเรามีความสุขในการทำงาน เชื่อว่าเด็กๆ ก็จะมีความสุขเช่นกัน สำหรับการขับเคลื่อนด้านอาชีวศึกษา ขอชื่นชมที่อาชีวศึกษาขับเคลื่อนได้เต็มที่ สถานศึกษาให้ความใส่ใจใช้หัวใจดูแลเด็กอย่างแท้จริง ส่งผลให้ปัญหาความรุนแรงลดลงชัดเจน สะท้อนว่าครูเข้าใจและเข้าถึงนักเรียน การส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ นอกจากนี้ความคืบหน้าในการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ลดภาระครู ทั้งในเรื่องวิทยฐานะ และการจัดระบบครูคืนถิ่นอย่างเป็นธรรม โปร่งใส, สนับสนุนสื่อการสอนและอุปกรณ์การเรียน โดยให้จัดหาและบูรณาการเครื่องมือ เช่น ซิมูเลเตอร์ เป็นสื่อการสอนในสถานศึกษา, เสริมศักยภาพผู้เรียน ด้วยการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ร่วมมือกับภาคเอกชน ให้ผู้เรียนได้ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ฝึกประสบการณ์จริง มีรายได้ระหว่างเรียน และจบแล้วมีงานทำ
“ปีนี้ เป็นมิติการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ และมิติการสื่อสาร 3+1 ทักษะภาษา (ไทย อังกฤษ จีน) และทักษะดิจิทัล, ส่งเสริมการเรียนรู้รูปแบบ Anywhere Anytime การจัดหลักสูตรระยะสั้น เน้นคุณภาพผู้เรียนด้วยการรับรองมาตรฐานวิชาชีพต่างๆ การดำเนินงานสุขาดีมีความสุข ความเท่าเทียมทางการศึกษา (Zero Dropout) นำเทคโนโลยี เช่น AI มาช่วยในการเรียนการสอน และส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาในสาขาเดียวกัน เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตรให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ โดยการขับเคลื่อนตามนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนให้ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” การศึกษาที่ดีต้องเกิดจากการร่วมมือกันทั้งระบบ ขอให้ทุกภาคส่วน “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” เชื่อมโยงมิติการศึกษาอย่างเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา เพื่ออนาคตการศึกษาที่ยั่งยืน”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและย้ำว่า ให้ความสำคัญกับสมรรถนะขับเคลื่อนการทำงานในศตวรรษที่ 21 โดยใช้คำเปรียบเปรยสื่อแนวคิดในการพัฒนาตนเอง “มีดคม เพราะหมั่นลับ” คนจึงเฉียบแหลมได้ ด้วยการฝึกฝนและเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาและเจ้าหน้าที่ ต้องพัฒนาตนเอง หมั่นฝึกฝนและพร้อมเรียนรู้อยู่เสมอ
ด้าน นายยศพล กล่าวว่า สอศ. เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย 8 วาระงานอาชีวศึกษา (8 Agenda) ภายใต้แนวคิด “OVEC ONE Team ทำดี ทำได้ ทำทันที” ซึ่งเชื่อมโยงกับนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข” มีความมั่นคงในชีวิต มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดย พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา การดำเนินงานของ สอศ. มีความก้าวหน้าในหลายมิติ ทั้งการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้เข้มแข็ง การจัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่เข้มข้น ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในระดับประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาห้องเรียนอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ดูแลบูรณาการร่วมกับสถานศึกษาอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา สถานประกอบการ และชุมชน ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า ปีการศึกษา 2568 นี้ สอศ. ให้สถานศึกษาทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ทั้งด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา การสำรวจสภาพแวดล้อม ป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง การเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงแนวทางป้องกันการออกกลางคันของนักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนมีจิตอาสา ในกิจกรรมอาชีวะอาสาที่นำความรู้ความสามารถไปช่วยเหลือชุมชน พร้อมเดินหน้าสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่อาชีวศึกษา ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งทักษะวิชาชีพ ทักษะวิชาการ และทักษะชีวิต เพื่อสร้างคนอาชีวะที่มีสมรรถนะสูง มีงานทำ มีทางเลือกในชีวิต และมีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง
“การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่แค่เวทีมอบนโยบาย แต่ยังเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และร่วมกันขับเคลื่อนอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับ และสร้างความสุขให้แก่ผู้เรียน ครู และสังคมในการเดินหน้าผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพ มีสมรรถนะสอดรับกับความต้องการกำลังคนในประเทศและสากล ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนวทางการศึกษาเพื่อความยั่งยืนของประเทศในอนาคต”นายยศพลกล่าว



เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2568 ผู้บริหาร ครูและบุคลากรโรงเรียนในเครือรักกางเขน แห่งอุบลราชธานี ได้จัดประชุมสัมมนาผู้บริหาร ครูและบุคลากรโรงเรียนในเครือรักกางเขน แห่งอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2568 หัวข้อ “การจัดการศึกษาคาทอลิก เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม” ณ ห้องประชุมโรงแรมแกรนด์สุนีย์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี บาทหลวง ดร.เอกรัตน์ หอมประทุม เลขาธิการสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานพิธีเปิด บรรยายพิเศษโดย ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ซิสเตอร์รัตนา พันธ์วิไล หัวหน้าฝ่ายการศึกษาโรงเรียนกางเขนแห่งอุบลราชธานี เข้าร่วมประชุม
โดย บาทหลวง ดร.เอกรัตน์ กล่าวว่า เราทราบกันดีว่าการเรียนการสอนในยุคปัจจุบัน ต้องจัดการศึกษามุ่งสู่อนาคต ต้องฟังเสียงเด็กว่าเขาต้องการอะไร และให้เด็กได้มีส่วนร่วมด้วย เพราะถือว่าโลกใบนี้เป็นของพวกเขาต้องรู้หน้าที่ความรับผิดชอบในอนาคตของพวกเขา ดังนั้น การเรียนการสอนแบบ Active Learning ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติและมีการเรียนการสอนร่วมกัน จึงตอบโจทย์การเรียนการสอนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามโรงเรียนในเครือคาทอลิกได้นำ Active Learning มาจัดการเรียนการสอนหลายปีแล้ว แต่ที่มาจริงจังก็ในช่วงเกิดโรคโควิด 2019
“สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้ทำข้อตกลงร่วมกับ พว.ว่าเราจะเป็นพันธมิตรด้านการศึกษาร่วมกันโดยใช้พลังเครือข่ายที่มีคุณภาพของ พว.ที่มีวิทยากรที่มีคุณภาพอยู่ทั่วทั้งประเทศกับเครือข่ายของโรงเรียนคาทอลิกที่มีอยู่ 300 กว่าแห่งทั่วทั้งประเทศเหมือนกัน มาร่วมประสานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้การเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็นจริงเป็นจัง ซึ่ง หลังโควิด 2019 เป็นต้นมา เรานำ Active Learning มาใช้เต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้เด็กเรียนแล้วมีความสุข”บาทหลวง ดร.เอกรัตน์ กล่าวและว่า Active Learning เป็นเสมือนไฟส่องทางที่ทำให้ภาพของการจัดการศึกษาสมบูรณ์แบบ และชัดเจนมากขึ้น เราไม่ได้ลืมสิ่งที่เราเคยเรียนเคยสอนมา หรือหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเพียงแต่ว่าเราจะบูรณาการโดยนำเอาจิ๊กซอว์ที่ชื่อว่านำ Active Learning ให้ภาพของโรงเรียนนักเรียน มีความชัดเจนมากขึ้นอย่างสมบูรณ์
ซิสเตอร์รัตนา กล่าวว่า ในนามฝ่ายการศึกษาโรงเรียนกางเขนแห่งอุบลราชธานี เราได้อบรม Active Learning อย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการกับการเรียนการสอนแบบ Project Approach ที่โรงเรียนใช้จัดการเรียนการสอนอยู่ ซึ่งทำให้ครูเข้าใจง่าย นักเรียนจะทำโครงงานในแต่ละห้องเรียนแต่ละกลุ่มสาระที่นักเรียนสนใจ นักเรียนก็จะเสนอผลงาน ซึ่งทำให้นักเรียนเรียนแล้วมีความสุข เพราะนักเรียนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจากที่ ซิสเตอร์ ได้ไปดูงานที่อเมริกา เห็นได้ชัดเจนมากว่า ทั้งนักเรียน และนักศึกษา เขาจัดการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ซึ่งเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรานำรูปแบบนี้มาใช้ ถูกทาง ทั้งผลสัมฤทธิ์นักเรียนเพิ่มขึ้น และสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือนักเรียนมีความสุขและจำนวนนักเรียนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวันนี้ โรงเรียนในเครือรักกางเขนแห่งอุบลราชธานี ทั้ง 5 แห่ง ได้ MOU กับ พว.ด้วย เพื่อพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพไปด้วยกัน
ดร.ศักดิ์สิน กล่าวว่า บาทหลวง ดร.เอกรัตน์ พูดมาจากพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ เพราะท่านให้ Head Heart Hand คือ ปัญญา 3 ฐาน ซึ่งเราต้องนำ 3 ตัวนี้ มาสร้างความรู้ในทุกมิติให้กับผู้เรียนและสร้างกระบวนการ ที่สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลกทุกศาสตร์ ทุกภาษา วันนี้ผมจะฉายภาพให้เห็นความชัดเจนที่ทำแล้วเกิดผลจริงๆเหมือนกับนานาประเทศ ให้ครูได้เข้าใจคำว่า Active Learning ซึ่งวันนี้ครูก็จะได้เห็น






เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่ห้องประชุมบุณยเกตุ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) นายไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รวมถึงผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสถานศึกษา รวมกว่า 500 คน ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน “เรียนดี มีความสุข” กลับมาเรียนอย่างมั่นใจ เริ่มเทอมใหม่อย่างมีความสุข และ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ได้เป็นประธานในพิธี Kickoff : โครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง (OBEC Zero Dropout) ระยะที่ 2 “นำการเรียนไปให้น้อง” โดย กล่าวว่า ในการดำเนินการปีการศึกษาที่ผ่านมา ตนพอใจและมีความสุขมากที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย การกระทบกระทั่งกันของเด็กนักเรียน นักศึกษาที่ลดน้อยลงไป รวมถึงความไม่พึงพอใจของภาคส่วนต่าง ๆ ก็ลดน้อยลงไป ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันซึ่งต้องขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจดังกล่าว และขอยืนยันว่า เรื่องต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาจะพยายามแก้ไขต่อไป เพื่อให้ทุกท่านมีความสุข
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้เป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยที่ผ่านมาได้เร่งติดตามการดำเนินงานในทุกจังหวัดให้ครบ 100% เพื่อนำผลการติดตามมาวิเคราะห์และช่วยเหลือเด็กได้อย่างเต็มที่ และให้เด็กทุกคนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมมือกันในการนำเด็กกลับสู่ระบบการศึกษา จนขณะนี้เราสามารถค้นหาติดตามเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาครอบคลุม 77 จังหวัด ในทุกเขตพื้นที่ได้เกือบ 100% แล้ว และในการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 นี้ เราจะดำเนินการระยะที่ 2 คือ นำการเรียนไปให้น้อง โดยมีการนำระบบ 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาแบบยืดหยุ่น มีทั้งการเรียนในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพราะเด็กแต่ละคนมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำในเรื่องการป้องกัน ให้เด็กยังอยู่ในระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเด็กที่ติดตามพบตัวแล้วแต่ยังไม่กลับมาเรียน เราก็จะพาการศึกษาไปหาเด็กๆ ตามนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime โดยจะเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครอง ครู และชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป







เมื่อวันที่
ดร
ด้าน

