สพฐ.สั่งโรงเรียนเตรียมแผนเผชิญเหตุรับมือความปลอดภัยทุกมิติตลอดเปิดภาคเรียน

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ครั้งที่ 15/2568  ว่า  ที่ประชุมได้ย้ำมาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 โดย ในด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา ให้คำนึงถึงสวัสดิภาพของนักเรียน ตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านเข้าสู่ประตูรั้วโรงเรียนจนออกจากโรงเรียนเดินทางถึงบ้านพักนักเรียน และ เสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กนักเรียน เช่น กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน 100%  การสอนซ่อมเสริม/ชดเชย เสริมทักษะเพิ่มเติมให้กับนักเรียน กิจกรรมแนะแนว (Coaching) เป็นต้น

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันให้มีการประสานเครือข่ายและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน หมู่บ้าน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสถานศึกษา ตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ให้มีการจัดสนับสนุนค่าใช้จ่าย โดยใช้งบเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 5 รายการ ได้แก่ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้แก่นักเรียนทุกคนทันก่อนเปิดภาคเรียน ที่สำคัญให้มีการเตรียมการเรื่องแผนเผชิญเหตุ โดยต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุในสถานศึกษา มี 3 ขั้นตอน คือ ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย ซึ่งได้มีการเน้นย้ำกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตให้ประชาสัมพันธ์ไปยังโรงเรียนในความดูแลของตนเองให้เตรียมการให้พร้อมเรื่องแผนเผชิญเหตุ  รวมถึงเตรียมการดูแลความพร้อมของอาคารสถานที่รองรับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งพายุ ฝน น้ำท่วม และ ตัดแต่งกิ่งไม้ ต้นไม้แห้งที่อาจจะหักลงมาก่อให้เกิดอันตรายแก่เด็กและบุคลากรได้ด้วย

ด้านนายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ปีการศึกษา 2568 สพฐ.ยังคงดำเนินการควบคุมเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นต่อไป โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอมจะอยู่ในช่วงสัปดาห์รณรงค์งดสูบบุหรี่โลก สพฐ.ก็จะมีกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนรับทราบถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและร่วมต่อต้านด้วย

สอศ.ร่วมมือ 7สถานประกอบการ ผลิตกำลังคนคุณภาพในอุตสาหกรรมพลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการ 7 แห่ง กลุ่มอาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดย นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนสายอาชีพ สร้างโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา มีทักษะตรงความต้องการของภาคธุรกิจ มีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn) จบแล้วมีงานทำ และขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอาชีวศึกษายุคใหม่ที่มุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ตามแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” วันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการ 7 แห่ง กลุ่มอาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน ได้แก่ บริษัท 89 พลัส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด บริษัท ทีวายเค ฟิลเตอร์ส จำกัด (สำนักงานใหญ่) บริษัท โกลบอลกรีนโฮลดิ้ง จำกัด บริษัท เอชเคเค อินสตรูเมนเทชั่น เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเชีย จำกัด มหาชน บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรีโซน เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด

เลขาธิการ กอศ. กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน รวมถึงร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการทั้งในห้องเรียนและสถานประกอบการจริงด้วยการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคี ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมด้านพลังงานและพลังงานทดแทนทั้งในปัจจุบันและอนาคต พัฒนาทักษะครูและครูฝึกให้เกิดความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลังงาน และสร้างโอกาสในการมีงานทำที่มั่นคงหลังจบการศึกษา ซึ่งระยะแรกจะมีการพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเข้าใจในระบบเทคโนโลยีด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น และวางแผนนักศึกษาสาขาเทคนิคพลังงานและพลังงานทดแทนในการเข้าฝึกประสบการณ์สมรรถนะวิชาชีพร่วมกับสถานประกอบการในลำดับต่อไป

“สอศ. พร้อมเดินหน้าผลิตกำลังคนคุณภาพสูง สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน สำหรับความร่วมมือภายใต้ คณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) กลุ่มอาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน ที่ผ่านมา สอศ. ได้ดำเนินการร่วมกับ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ในการจัดการเรียนการสอนนวัตกรรมระบบ AI และ IoT ในสถานศึกษาแล้วกว่า 20 แห่ง”นายยศพลกล่าว

โรงเรียน สพฐ.ยังว่าง รับ ม.1 ม.4 ได้อีกกว่า 3 แสนคน ย้ำเด็กทุกคนมีที่เรียนแน่นอน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ดำเนินการรับนักเรียนในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 ปีการศึกษา 2568 และมีการมอบตัวนักเรียนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนนักเรียนที่มีที่เรียน และจะเข้าเรียนในโรงเรียนสังกัด สพฐ.จำนวน 1,097,902 คน เป็น ระดับอนุบาล จำนวน 218,426 คน 23,862 ห้องเรียน ระดับชั้น ป.1 จำนวน 266,846 คน 21,699 ห้องเรียน ชั้น ม.1 จำนวน 372,206 คน 14,826 ห้องเรียน  และ ชั้น ม.4 จำนวน 240,324 คน 8,116 ห้องเรียน

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่มีที่เรียน ซึ่ง สพฐ.ขอแจ้งว่าว่า ยังมีที่ว่างในโรงเรียนที่ยังรับนักเรียนไม่เต็มแผนการรับจำนวนกว่า 3 แสนที่นั่ง ในระดับ ชั้น ม.1 จำนวน 217,286 คน และ ระดับชั้น ม.4 จำนวน 97,511 คน  โดยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 เมษายน 2568 พบว่า มีนักเรียนมายื่นความจำนง ขอรับการจัดสรรที่เรียน ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 18,737 คน แบ่งเป็น ระดับชั้น ม.1 จำนวน 14,844 คน และ ม.4 จำนวน 3,893 คน โดยกลุ่มนี้จะประกาศผลฯ และมอบตัว ภายในวันที่ 27 เมษายนนี้ ส่วนโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะประกาศผลการจัดสรรที่เรียนในวันที่ 23-24 เมษายนนี้ และภายหลังจากการประกาศผลฯ คาดว่าโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีที่นั่งว่างคงเหลืออีกจำนวนกว่า 6,500 คน โดยนักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียนก็สามารถยื่นความจำนงได้ถึงวันที่ 22 เมษายน ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เพื่อดำเนินการจัดสรรที่เรียนให้นักเรียนได้มีที่เรียนทุกคน

ทั้งนี้ แม้ว่าเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 แล้ว หากโรงเรียนใดยังมีที่นั่งว่าง สามารถรองรับนักเรียนได้ นักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียนหรือนักเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา (อายุระหว่าง 3-18 ปี) สามารถกลับเข้ามาเรียนได้ ณ โรงเรียนของ สพฐ. ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และนโยบาย “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” (OBEC Zero Dropout) ของ สพฐ. เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
.
“สำหรับการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนนั้น สพฐ. ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณฯ ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้ว ทั้ง 5 รายการ (ค่าจัดการเรียนการสอน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน) ให้นักเรียนได้รับหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าเครื่องแบบนักเรียน ครบทุกคนก่อนเปิดภาคเรียน เพื่อช่วยลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง พร้อมทั้งกำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาทุกแห่ง ในเรื่องแนวทางการยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกายของนักเรียนในช่วงเปิดภาคเรียน ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมา โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถพิจารณา ยกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกาย ให้แก่นักเรียนได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเป็นสำคัญ เพื่อให้การเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 เป็นไปอย่างเรียบร้อย ให้นักเรียนทั่วประเทศ “เรียนดี มีความสุข” อย่างแท้จริง” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ปรับ ครม.หรือ ยุบสภาฯ

หยอก หยอก วันที่ 19 เมษายน 2568***คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือคนที่สามารถเอาชนะตัวเอง***กลับมาแล้ว หลังจากหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่หลายคนอาจจะยังหยุดต่อไปเที่ยวต่างประเทศ จะเริ่มงานเต็มสูบก็คงสัปดาห์หน้า …*** ข่าวว่า หลังสงกรานต์ ณ เวลานี้ประเด็นที่น่าติดตามที่สุดในทางการเมือง คงหนีไม่พ้นเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย ทางออกจะเป็นอย่างไร คลี่คลายลงหรือไม่ จะ“ปรับครม.” หรือ “ยุบสภา” ต้องคอยฟัง…เพราะก่อนสงกรานต์ คนแรกที่ปลุกกระแสร้อน “ยุบสภา” ก็คือ ภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ลูกชาย สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้กล่าวทิ้งท้ายในวันสุดท้ายของสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า “อาจจะไม่มีสมัยประชุมฯหน้า”และคนที่เข้ามาตอกย้ำความขัดแย้งล่าสุด ก็คือ “ไชยชนก ชิดชอบ”เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายคนโตของ เนวิน – กรุณา ชิดชอบ ที่ออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คำพูดของ ไชยชนก ชิดชอบ ทำเอาหลายคนสะดุ้งไปตาม ๆ กัน … แม้ว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล จะออกมาขอโทษ แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคเพื่อไทย ยากที่จะประสาน ถึงสนิทก็ยังเห็นว่า เป็นแผล หลังจากนี้ต้องคอยจับตาดูสัญญาณการเมืองภายในรัฐบาล “จุดจบ” ของเรื่องจะลงเอยอย่างไร? จะมีการเอาคืนจาก นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกรัฐมนตรี แบบไหน อย่างไร เชื่อว่านายทักษิณ คงไม่ปล่อยให้ใครมาด่าแล้วเงียบไปแน่นอน อาจรอจังหวะที่ ปปช.จะสอย สส.พรรคประชาชน จากปมแก้ ม.112 ที่อาจจะถูกตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. 25 เสียง ก็ได้ ซึ่งถ้าตัดพรรคภูมิใจไทยออกไป 65 เสียง ถึงเวลานั้นก็จะใช้เสียงกึ่งหนึ่งเพียง 230 กว่าเสียงเท่านั้นเอง *** แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือความไม่แน่นอนทางการเมือง เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน *** ช่วงนี้ นิทานในรั้ววังจันทร์เกษม มีข่าวดังไกลไปถึงสัปปายะสภาสถาน…ผู้ใหญ่เขามองอยู่ ไม่ได้วุ่นวายอยู่แต่ในแดนสนธยา … นิทานเรื่องนี้คงยังไม่จบลงง่าย ๆ…จะเป็นยังไงต่อไปต้องคอยจับตามอง แล้วหยอกจะนำเอามาเล่าให้ฟังในภาคต่อไป *** ยังดราม่า ไม่เลิกกรณี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แสดงความคิดเห็นในนาม กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ไม่ขัดข้องกับร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ถ้าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชน จึงต้องมีเงื่อนไข ในการดำเนินการตามกฏหมายเดิม เพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชน อย่างเคร่งครัด… แต่ตอนเป็นข่าวถูกตัดทอนออกมาท่อนเดียว เลยกลายเป็นว่า เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ. เจ้าปัญหา … เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าก่อนพูด ต้องคิดก่อนว่า คำพูดจะถูกนำไปตัดทอนได้หรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ … นี่แหละเขาถึงพูดว่า “พาดหัวผิด ชีวิตเปลี่ยน”…เด้อ *** ขอแสดงความยินดีกับ ธนู ขวัญเดช รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ก็หวังว่าจะได้เข้าไปดูระบบบางเรื่อง ที่ครูเขาบอกกันว่ายังผิดเพี้ยนอยู่ ใครเข้ามาบริหารหน่วยงานนี้ทุกคนก็ฝากความหวังเรื่องหลักเกณฑ์ความก้าวหน้าต่าง ๆ ของครู ให้เท่าเทียมไม่ให้มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบ เพราะนั่นคือขวัญและกำลังใจสำหรับคนทำงาน … น่าจะสมมงกับตำแหน่งมือหนึ่งด้านกฎหมายกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะนำความรู้มาใช้ให้ถูกทาง..นะจ๊ะนะจ๊ะ … รวมถึงคมในฝักอีกคนอย่าง ปรีดี ภูสีน้ำ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่สไลด์มาเป็น รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คนนี้มีคนการันตี ว่า ทั้งเก่งและซื่อตรง ถือว่าการเสนอชื่อเข้า ครม.ของ “เสมา1” พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งนี้ “ตาถึง”…***พักนี้ใครเห็น พวงทอง ศรีวิลัย ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ออกจะเบลอ ๆ ก็อย่าว่านางเลยนะเพราะตอนนี้กำลังหัวหมุนอยู่กับ งบฯหมื่นล้าน โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน ซึ่งแว่วมาว่า มีหลายบริษัทเข้ามาวิจารณ์ TOR ขนาดมี ทั้งกรมบัญชีกลาง และ สตง. ช่วยดู อันไหนผิดก็แก้กันหลายตลบ ก็ยังถูกวิจารณ์ … อ้าว… ใครว่าอันไหนผิดกฎหมายก็บอกมาเลยจ้า…นางยอม…แว่วมาว่า จะขึ้น TOR เปิดให้วิจารณ์อีกครั้งในวันที่ 21-22 เมษายนนี้ ได้ปรับแก้ตามคำวิจารณ์ จริง ไม่จริง หยอก หยอก ไม่รู้….แต่ที่รู้ ๆ จะปรับ จะแก้ไข กี่รอบ ก็ถูกวิจารณ์อยู่ดี…เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าทำถูกกฎหมายก็ไม่ต้องกลัว…น่อ…***

inFASH มทร.กรุงเทพ ระดมสมองวิเคราะห์แนวโน้มสีและวัสดุไลฟ์สไตล์ ปี 2027 เตรียมนำข้อสรุปไปถกต่อเวทีนานาชาติ “Intercolor” เมือง Lewes สหราชอาณาจักร

รศ.ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เปิดเผยว่า วันที่ 2 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทย (inFASH) ภายใต้คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)กรุงเทพได้จัดการประชุมระดมสมองเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “แนวโน้มสีและวัสดุไลฟ์สไตล์ 2027/1” เพื่อวิเคราะห์และกำหนดทิศทางของแนวโน้มสีและวัสดุไลฟ์สไตล์ เพื่อสามารถแข่งขันในเวทีระดับโลก โดยสถาบันวิจัยแฟชั่นฯ เป็นตัวแทนประเทศไทย ที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนระดมสมองร่วมกับนานาชาติ ในเวที Intercolor ซึ่งเป็นองค์กรวิเคราะห์แนวโน้มสีไลฟ์สไตล์สร้างสรรค์ ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 17 ประเทศ ได้แก่ จีน เดนมาร์ก อียิปต์ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฮังการี อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น โปรตุเกส สเปน สวิสเซอร์แลนด์ ตุรเกีย สหรัฐอเมริกา และ ประเทศไทย

อธิการบดี มทร.กรุงเทพ กล่าวต่อไปว่า การประชุมนี้นำโดย ดร.สุธินี ตันอังสนากุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทย อาจารย์สาขาออกแบบสิ่งทอและแฟชั่น คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ มทร.กรุงเทพ และดำรงตำแหน่ง Vice President of Intercolor ที่ทำหน้าที่ผลักดันอิทธิพลความคิดสร้างสรรค์แบบไทย และแรงบันดาลจากซีกโลกใต้ที่มีบทบาทสำคัญกับกระแสโลก นอกจากนี้ในการประชุมยังมีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านเข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและวิเคราะห์แนวโน้มสีและวัสดุในอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทยในอนาคต ได้แก่ อาจารย์อ้อยใจ เลิศล้ำ หัวหน้านักวิจัยของ inFASH อาจารย์รวินพัทธ์ กีรติพัฒนธำรง นักวิจัยของ inFASH พร้อมด้วย พันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนชั้นนำของประเทศ อาทิ Ideacolor by TOA , กรมหม่อนไหม, บริษัท ไลอ้อนประเทศไทย จำกัด, บริษัท เจมแมกซ์ อินเตอร์เทรด จำกัด, คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, CEA สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์, แบรนด์ kanzbythaitor, แบรนด์ Ordinary Jun, บริษัท 10 fingers factory and design, บริษัท Highest Textile จำกัด และบริษัท Moreloop จำกัด เป็นต้น

“การประชุมดังกล่าวไม่เพียงแต่กำหนดแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอของไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์สีระดับสากล โดย inFASH จะนำข้อสรุปจากการระดมสมองนี้ไปใช้ในการประชุม Intercolor Trend 2027 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2568 ณ เมือง Lewes สหราชอาณาจักร ด้วย”รศ.ดร.พิชัยกล่าว

ปลื้ม เปิด“ศูนย์อาชีวะอาสา” 3 วัน ประชาชนเข้าใช้บริหารเกือบ 23,000 คนแล้ว นักศึกษาแข็งขันให้บริการเต็มที่ ย้ำเปิดถึง 17 เม.ย.

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยถึงการดำเนินงาน ศูนย์ อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 กระทรวงศึกษาธิการ โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงใยประชาชนที่เดินทางช่วงเทศกาล มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดตั้งจุดบริการประชาชน จำนวน 150 จุด ระหว่างวันที่ 11 ถึง 17 เมษายน 2568 เวลา 06.00 – 18.00 น. บนถนนสายหลักและสายรอง ทั่วประเทศ ว่า จากการรายงานยอดผู้ใช้บริการพักรถ 3 วันแรก (11–13 เมษายน) มีประชาชนเข้ารับบริการแล้ว 22,828 คน รับบริการพักรถกว่า 8,913 คัน โดยการบริการรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ ไส้กรองอากาศ และน้ำมันเครื่อง ส่วนรถจักรยานยนต์ ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง และเปลี่ยนถ่ายมีผู้ใช้บริการมากที่สุด รองลงมาเช็คสภาพยางรถ และระบบเบรค นอกจากนี้ ยังมีประชาชนกว่า 13,915 คน รับบริการพักคน อาทิ รับเครื่องดื่มฟรี ผ้าเย็น นั่งพักผ่อน และบริการสอบถามเส้นทาง แหล่งท่องเที่ยว

“มีหลายเหตุการณ์ที่นักศึกษาอาชีวะได้ให้ความช่วยเหลือ เช่น รถพ่วง 18 ล้อแบตหมด ทีมจากวิทยาลัยการอาชีพพนมทวนเข้าให้ความช่วยเหลือจนเดินทางต่อได้ และชาวบ้านขี่จักรยานยนต์พวงข้างมาขอความช่วยเหลือ ทีมจากวิทยาลัยการอาชีพสองพี่น้อง ได้ตรวจเช็คระบบเบรก ยางรถ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ พร้อมคำแนะนำใช้งานอย่างปลอดภัย ซึ่งต้องขอชื่นชมและขอบคุณนักศึกษาและครูทุกคนที่ร่วมออกศูนย์อาชีวะอาสาในครั้งนี้ โดย 3 วันแรก พบว่ามีประชาชนใช้บริการอย่างต่อเนื่อง น้องๆ อาชีวะไม่เพียงให้บริการด้วยทักษะวิชาชีพ แต่ยังทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจในการเดินทางเพิ่มขึ้นด้วย” เลขาธิการ กอศ. กล่าวและว่า ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือค้นหาจุดบริการใกล้บ้านได้ทาง Application / LINE / Facebook / Website “อาชีวะอาสา”

 

”ดรุณาราชบุรี” นำรูปแบบ Active Learning GPAS 5 Steps 100% จัดการเรียนการสอน เด็กแห่เข้าเรียนเพียบ”บาทหลวงอภิสิทธิ์”การันตีมาตรฐานการศึกษาไม่แพ้ระดับโลก

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณาราชบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงการรับนักเรียนของโรงเรียนดรุณาราชบุรี  ปีการศึกษา 2568 ว่า ปีนี้ เป็นอีกปีหนึ่งที่มีนักเรียนสนใจมาสมัครเข้าเรียนชั้น ม.1 เป็นจำนวนมาก ซึ่งจริง ๆ แล้ว โรงเรียนเราไม่ใช่โรงเรียนเบอร์ 1 ที่เด็กจะเลือกเข้ามาเรียน เพราะเด็กส่วนใหญ่จะไปโรงเรียนของรัฐก่อน เพราะโรงเรียนเอกชนมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่อเด็กสอบเข้าไม่ได้ก็จะมาเรียนโรงเรียนเอกชน  ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์ผู้ปกครอง อยากเอาลูกมาเข้าโรงเรียนดรุณาราชบุรีมาก แต่เขาก็จะมีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ต้องไปสอบเข้าโรงเรียนของรัฐบาลก่อน ทั้งที่ใจอยากให้ลูกมาเรียนกับเรา และเท่าที่สัมภาษณ์เด็ก ทุกคนอยากมาเรียนที่นี่ เพราะเรียนแล้วมีความสุข ได้ทำกิจกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากที่เราจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูง GPAS 5 Steps   เด็กได้เรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติไม่ได้เรียนเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น อีกทั้งที่โรงเรียนยังมีกิจกรรมเสริมให้เด็กได้เรียน ทำให้เด็ก ๆ มีความสุขกับเพื่อนและมีความสุขในการเรียน

“ประเด็นสำคัญคือเด็กเรียนแล้วมีความสุข ไม่ต้องกดดัน ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เน้นวิชาการ แต่ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูง GPAS 5 Steps    ช่วยให้เด็กคิดเป็นกระบวนการ พอเด็กคิดเป็นกระบวนการได้ ก็สามารถต่อยอดได้ ขณะเดียวกันก็มีครูที่เอาใจใส่ ทำให้เด็กได้รับความอบอุ่น มีครูเป็นเพื่อนร่วมทางไปกับเขาด้วย อีกอย่างคือโรงเรียนมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพราะเด็กเรียนโดยการปฏิบัติ ซึ่งโรงเรียนในเครือเราทั้งหมดใช้แนวทางเดียวกันในการจัดการเรียนการสอนมานานแล้ว แต่ในช่วงสามปีที่พ่อเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนเราใช้ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูง GPAS 5 Steps    เต็มรูปแบบมาตลอด โดยมีสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)เข้ามาช่วยแนะนำ อบรมครู และ เปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอนใหม่ โดยผลที่ออกมา คือ ห้องปัญญาประดิษฐ์ที่เด็กเรียนด้วยโปรเจคทำให้เด็กสามารถคิดได้เอง”ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณาราชบุรี กล่าว

บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมปีนี้ถือว่าเด็กมาสมัครเรียนน้อยลง เพราะจำนวนประชากรช่วงวัยลดลงโดยเฉพาะในระดับประถมศึกษาและอนุบาล แต่ระดับมัธยมศึกษายังค่อนข้างคงที่พอ ๆ กับทุกปี ทำให้ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ มีเด็ก มาสมัครชั้น ม.1 เกือบ 1,000 คน แต่รับได้แค่ห้องละ 50 คน ในห้องปกติจำนวน 9 ห้อง และห้อง AI อีก 1 ห้อง ๆละ  35 – 40 คน ซึ่งเด็กจะต้องสอบให้ได้คะแนนตามเกณฑ์ที่เราวางไว้ โดยเอาคะแนนมาเรียงลำดับรับได้จำนวนเท่าไหร่ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่เด็กระดับปฐมวัยลดจำนวนลงทางโรงเรียนได้มีการปรับตัว โดยเตรียมการใช้การเรียนรู้แบบ Montessori มาปรับวิธีการเรียนการสอนเพื่อปูฐานให้เป็น Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูง GPAS 5 Steps   ในอนาคต เพราะฉะนั้นถ้าเด็กเข้าโรงเรียนในเครือได้ตั้งแต่อนุบาลก็จะอยู่ยาวไปจนถึง ม.ปลาย และทางโรงเรียนก็ได้เตรียมแผนการเรียนระดับ ม.ปลาย โดยมีการ ทำ MOU อยู่กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเด็กเรียนที่นี่ก็มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำจนจบการศึกษาระดับสูงสุด

ศธ.ห่วงความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แนะผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ความอบอุ่น และความสนุกสนาน เด็กๆ ต่างรอคอยการเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ  โดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีความห่วงใยความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะในด้านสุขภาพร่างกาย จึงขอให้ระมัดระวังสภาพอากาศที่ร้อน ไม่ควรอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก ที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานเล่นน้ำอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะเด็กเล็กควรดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เล่นน้ำติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง ไม่วิ่งตัดหน้ารถ ไม่ให้เด็กเล่นลำพัง หรือใช้อุปกรณ์การเล่นที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น และขอความร่วมมือสถานศึกษาทั่วประเทศร่วมรณรงค์ความปลอดภัยในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยานพาหนะโดยรักษากฎจราจรการสวมใส่หมวกกันน็อก ไม่ขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา หรือการไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขไม่ควรมีอุบัติเหตุเกิดเพียงเพราะความประมาท

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า รมว.ศึกษาธิการ ยังได้กำชับหน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยอ้างอิงจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 12-14 เมษายน 2568 ขอให้ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองและเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก หรืออยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังการจัดกิจกรรมกลางแจ้งช่วงเทศกาลสงกรานต์ และดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย พร้อมสั่งการให้ สพฐ. แจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาในสังกัด ตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้างในโรงเรียนให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เตรียมความพร้อมรับมือพายุ และบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น ฝ่ายปกครองในพื้นที่ หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที รวมถึงติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

“พร้อมกันนี้ สพฐ. ได้มอบหมายให้ ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายต่างๆ เฝ้าระวังความประพฤตินักเรียนภายนอกสถานศึกษาในภาวะเสี่ยง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีในทุกกรณี อีกทั้งก่อนปิดภาคเรียน สพฐ. ได้มีหนังสือเรื่อง “มาตรการเตรียมความพร้อมการปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567” แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ให้เตรียมการรักษาความปลอดภัย และวางแผนรับมือสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และทรัพย์สินของทางราชการในทุกด้านแล้ว ซึ่งหากประสบเหตุความไม่ปลอดภัยขึ้น ขอให้สถานศึกษาดำเนินการตามมาตรการกำกับ ติดตามและรายงานเหตุ ตามแนวทางปฏิบัติที่ สพฐ. ได้แจ้งไปอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

มทร.กรุงเทพ ร่วมมือ สำนักข่าว efinanceThai จัดโรดโชว์อบรมความรู้อย่างเข้มสายการเงินการลงทุน หวังปั้นอินฟลูรุ่นใหม่ที่รู้จริง มีจรรยาบรรณ สื่อสารได้อย่างสร้างสรรค์

ผศ.ดร.กิตติพงษ์ โสภณธรรมภาณ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)กรุงเทพ เปิดเผยว่า  เมื่อเร็ว ๆ นี้ รศ.ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดี มทร.กรุงเทพ ได้มอบหมายให้สาขาวิชาการเงินและนวัตกรรมทางการเงิน คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มทร.กรุงเทพ จัดกิจกรรม RoadShow โครงการ The Influencer: Financial & Investment ร่วมกับสำนักข่าว efinanceThai  เพื่อค้นหาและสร้าง Influencer สายการเงิน การลงทุน ที่มีความรู้ สามารถสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และมีจริยธรรมในวิชาชีพ เปิดกว้างสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ที่รักการเรียนรู้

ผศ.ดร.กิตติพงษ์  กล่าวว่า คอร์สการบอบรมครั้งนี้เป็นการอบรมทางการเงิน การลงทุนอย่างเข้มข้น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมจะได้ความรู้ทั้งทฤษฎีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และวิธีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้น่าสนใจในรูปแบบต่างๆ และยังมีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท พร้อมโอกาสในการร่วมงานกับพันธมิตรชั้นนำของผู้จัดกิจกรรมอีกด้วย โดยการแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ที่มีผู้ติดตามไม่เกิน 5,000 คน และ 2.Micro Influencer ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 5,000-100,000 คน ทั้งนี้ เกณฑ์การตัดสิน คือ 1.ผู้แข่งขันต้องเข้าอบรมครบ 100%  2.ส่งการบ้านตามที่กำหนด  3.ความถูกต้องของการบ้านที่ส่ง  4.รอบแรกเราจะคัดคะแนนจาก Popular Vote  และ5.รอบสุดท้ายเป็นคะแนนตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

“เนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมการวางแผนการเงินและการลงทุนในทุกสินทรัพย์ ทั้งหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเทคนิคการสร้างตัวตนออนไลน์ การทำคอนเทนต์ และการเล่าเรื่องให้น่าดึงดูด โดยจัดการอบรมระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 28 มิถุนายน 2568 เวลา 9.00 – 16.00 น. ที่ True Digital Park โดยมีทั้งคลาสเรียน Onsite และ Online นับต่อเนื่องทุกเสาร์ไป 9 ครั้ง  สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ทาง https://theinfluencer-th.com/signup หรือ  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=61571544086799 Line: https://line.me/ti/p/fwoaUbrkD8 “ผศ.ดร.กิตติพงษ์

เสมา 1 ชื่นชม โรงเรียนเตรียมการดูแลความปลอดภัยสอบเข้า ม.1 ม.4 ได้ดี เผย สอศ.จับมือขนส่งทางบก จัดจุดอาชีวะอาสาบริการประชาชนช่วงสงกรานต์ 150 จุด

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 11/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting โดย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลกระทบถึงการจัดสอบคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.1  และ ม.4 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) แต่ สพฐ.และโรงเรียนสามารถดำเนินการด้วยความเรียบร้อย โดยทุกโรงเรียนมีการเตรียมความพร้อมและดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดี สำหรับการประชุมวันนี้ที่ประชุมได้มีการติดตามเรื่อง การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล โดยการเตรียมความพร้อมในการสอบ PISA นั้น สพฐ.ได้รายงานความก้าวหน้าการอบรมสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในระดับเขตพื้นที่ จำนวน 245 เขตพื้นที่ 78 ห้องเรียน มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 445,624 คน ลงทะเบียนแล้วจำนวน 429,603 คน อบรมแล้วเสร็จ 326,375 คน

โรงเรียนนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ฯ ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ไปใช้ในภาคเรียนที่ 2/2567 จำนวน 6 – 8 เรื่อง ครบทุกโรงเรียน ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะความฉลาดรู้ ได้สอดคล้องกับแนวทางการประเมิน มีวิธีการใช้คำถามกระตุ้นการคิดให้กับนักเรียนได้ฝึกคิด นักเรียนได้รับการฝึกการอ่าน คิดวิเคราะห์ จับประเด็น เชื่อมโยงได้ ขณะเดียวกันโรงเรียนมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ฝึกทำข้อสอบ Computer Based Test ในภาคเรียนที่ 1 และ 2/2567 ทำให้นักเรียนคุ้นเคยการทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์มากขึ้น  และมีกิจกรรม “เพิ่มพูน” สมรรถนะความฉลาดรู้ ระยะที่ 1 ในช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2568 และระยะที่ 2 ในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 โดยจะเป็นการจัดการสอนวิชาการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในรูปแบบ Anywhere Anytime ทางออนไลน์ ผ่านช่องทาง OBEC Channel : OBEC TV , Facebook, YouTube  และ  สพฐ. ได้เชิญชวนเด็ก ๆ เข้าร่วมกิจกรรมปิดเทอมใหญ่ เด็กไทย ฉลาดคิด เล่นเกม “สนุกคิด ปิดเทอมใหญ่” ตอบคำถาม PISA ชิงเกียรติบัตรและรางวัลจาก รมว.ศึกษาธิการ ระหว่างวันที่ 8 เมษายน – 16 พฤษภาคม 2568 โดย ณ วันที่ 7 เมษายน มีนักเรียนร่วมเล่นเกมแล้ว 1,019 คน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสภาการศึกษา(สกศ.) ได้เสนอเกี่ยวกับ AI Mapping for Education Development  ซึ่งมีการประเมินความพร้อม 4 มิติ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ เติมเต็มช่องว่างให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านบุคลากรทุกภาคส่วน ด้านการจัดการเรียนการสอน และด้านการบริหารจัดการศึกษา  พร้อมนำเสนอ 7 ประเด็นการศึกษาที่ผู้กำหนดนโยบายต้องตระหนัก ช่วงปี 2568 – 2570 ได้แก่ 1. ระบบการศึกษาที่ขับเคลื่อนและจัดหาเงินทุน  2. การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้ภายนอกกรอบสถาบัน 3. การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา 4. แนวโน้มล่าสุดในระบบการศึกษาและผลกระทบในอนาคต 5. ประโยชน์ของการศึกษา ต่อบุคคลและสังคม 6. การเริ่มต้นของการศึกษาในโรงเรียนและการเรียนรู้พื้นฐาน (การศึกษาปฐมวัย – ประถมศึกษา) 7. การขาดแคลนครูและความน่าดึงดูดใจของอาชีพครู

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ได้รายงานถึงความท้าทายของโรงเรียนไทย ว่า สมศ.ได้มีการประเมินคุณภาพโรงเรียนทั้งหมด 5,075 แห่ง โดยใช้มาตรฐาน 3 ด้าน ได้แก่ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน การบริหารจัดการและสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการสอนและหลักสูตร ซึ่งประเด็นสำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์ พบว่า การลงทุนในด้านครูและการสอน อาจมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนมากขึ้น และการปรับกลยุทธ์การพัฒนาโรงเรียนไม่ควรใช้แนวทางเดียวกันทั้งหมด แต่ควรปรับตามบริบทของโรงเรียนในแต่ละกลุ่ม จึง ขอให้ สมศ.เป็นหลักในการขับเคลื่อนต่อเนื่อง ปรับข้อมูลให้ผลเข้าใจง่าย เอาผลทุกหน่วยงานวัดมาวิเคราะห์ ไม่อยากให้ดูเฉพาะผลลัพธ์ แต่ขอให้ดูข้อมูลตัวป้อน เพราะต้นทุน บริบทแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน และให้ สพฐ. นำข้อมูลนี้ไปใช้พัฒนาโรงเรียนต่อไป และอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้เกิดขึ้น คือ โรงเรียนคู่พัฒนา โรงเรียนที่มีคุณภาพเด่น ช่วยเหลือโรงเรียนที่มีคุณภาพน้อยกว่า

“น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยขอให้ทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวก ในการเดินทางและดูแลความปลอดภัย โดยขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการในการเตรียมอาสาสมัครนักเรียนอาชีวะ เพื่อช่วยซ่อมรถของประชาชนที่เสียระหว่างการเดินทาง ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ได้ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก และเครือข่ายภาคเอกชน จัดกิจกรรมอาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 ตั้งแต่ 6 โมงเช้า – 6 โมงเย็น จำนวน 150 จุดบริการ ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ  ซึ่งมีบริการ ฟรี “พักรถ” ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ 20 รายการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟรถจักรยานยนต์ ตรวจเช็คสภาพและชาร์ตแบต รถยนต์ไฟฟ้า EV ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ระยะ 5 กม. จากจุดบริการ “พักคน” จัดบริการน้ำดื่ม กาแฟ ชาร์จแบต นวดผ่อนคลาย และบริการสอบถามเส้นทาง ฯลฯ” รมว.ศึกษาธิการกล่าว