เด็ก มทร.กรุงเทพคว้าเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมสาขาไม้เครื่องเรือน ในการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 30

รศ.ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)กรุงเทพ เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 30 และการแข่งขันฝีมือคนพิการครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันในสาขาวิชาชีพที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาเยาวชนในการยกระดับฝีมือแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล ซึ่งผู้เข้าร่วมแข่งขันในแต่ละสาขาจะต้องผ่านการแข่งขันในรอบการคัดเลือกระดับภาคก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขันในรอบระดับประเทศ จากนั้นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละสาขาในระดับประเทศ จะได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับอาเซียน เอเชีย และนานาชาติต่อไป

รศ.ดร.พิชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ทางสาขาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทร.กรุงเทพ ได้ร่วมกับบริษัท เคหะพลัส จำกัด สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแข่งขัน และได้ส่งนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ เข้าร่วมการแข่งขันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ในกลุ่มสาขาอาชีพเทคโนโลยีก่อสร้างและอาคาร (Construction and Building Technology) และสาขาไม้เครื่องเรือน (Cabinetmaking) ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ผลปรากฏว่า นายสุรศักดิ์ รัตนถาวร  นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ภาคสมทบ สาขาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ สามารถคว้ารางวัลชมเชย ได้รับเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมสาขาไม้เครื่องเรือน ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัย และเป็นความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการกับการทำงานระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กับภาคเอกชน ในอีกทางหนึ่งด้วย

“กระทรวงศึกษาธิการ”ชี้แจง กรณีมีข่าวเฟคนิวส์

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ข่าวกันในโซเชียล ข้อความว่า กระทรวงศึกษาธิการเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … นั้น จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้เกิดจากเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนได้ประชุมร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ถึงประเด็นการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธาน ซึ่งได้ประชุมถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมและแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเจตนารมณ์ของ ศธ.ต้องการให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้ตามข้องกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ โดย ศธ.ได้ย้ำว่าการให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะดำเนินการเฉพาะภายในขอบเขตของสถานศึกษาเพียงอย่างเดียว ซึ่ง พณ.มีความเข้าใจและเห็นชอบในหลักการที่จะปรับแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพราะมีช่องทางที่สามารถแก้ไขระเบียบข้อบังคับตามประกาศ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557

“ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้ความเห็นไปว่า การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ แต่ทั้งนี้จะต้องกำหนดเงื่อนไขป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ไปสุ่มเสี่ยงกับกับการพนันด้วย ซึ่งเป็นการให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)เกี่ยวกับเรื่องนี้  ไม่ได้ขัดข้องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ให้การศึกษา แก่เด็กและเยาวชน จึงต้องมีเงื่อนไข ในการดำเนินการตามกฏหมายเดิม เพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชน อย่างเคร่งครัดด้วย”ปลัด ศธ.กล่าวและว่า ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านักข่าวต้นฉบับนี้แปลความหมายการสัมภาษณ์ตนอย่างไร เพราะมีนักข่าวหลายสำนักมาสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่เห็นมีฉบับไหนลงเหมือนกับที่เป็นข่าว ซึ่งทำให้กระทรวงศึกษาธิการเสียหายเป็นอย่างมาก

“เสมา 1” ตรวจความปลอดภัยสนามสอบ ม.4 สวนกุหลาบ-ศึกษานารี ชื่นชมโรงเรียนทั่วประเทศ เตรียมการรับมือแผ่นดินไหวอย่างดี พร้อมยันยันเด็กต้องมีที่เรียนทุกคน


เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อ ชั้น ม.4 ณ สถานศึกษาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนศึกษานารี เพื่อติดตามการดำเนินการจัดสอบหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุ ตามแนวปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกรณีหากเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่จัดสอบ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบในวันนี้ พบว่าโรงเรียนได้ดำเนินการจัดสนามสอบตามแนวปฏิบัติที่กำหนด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกรณีเกิดแผ่นดินไหวอย่างมีประสิทธิภาพมาตรการที่ดำเนินการ ได้แก่ การตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรง และความปลอดภัยของอาคารสถานที่ โดยเลือกใช้อาคารที่มีโครงสร้างแข็งแรง ปลอดภัย และไม่สูงมาก นอกจากนี้ ภายในโรงเรียนยังมีการกำหนดจุดรับ-ส่ง จุดพักคอย อาคารสอบ ทางออกฉุกเฉิน และจุดรวมพลไว้อย่างชัดเจน พร้อมประสานงานกับโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือและส่งต่อผู้ที่ต้องการการดูแลได้อย่างทันท่วงทีสำหรับสถานที่จัดสอบ ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนหรืออาคารอเนกประสงค์ ได้มีการเตรียมทางออกฉุกเฉิน เคลียร์สิ่งกีดขวางบนทางเดินและบันได รวมถึงห้ามวางสิ่งของบนที่สูง เพื่อลดความเสี่ยงในการร่วงหล่น โดยทุกขั้นตอนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ก่อนถึงวันสอบโรงเรียนทุกโรงที่เป็นสนามสอบได้จัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุแผ่นดินไหวแบบเสมือนจริง และในวันสอบจริงได้มีการแจ้งให้นักเรียนทราบถึงแนวปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุก่อนเริ่มการสอบ โดยภาพรวม โรงเรียนสามารถดำเนินการจัดสอบได้อย่างเรียบร้อยดี จึงขอส่งกำลังใจให้แก่นักเรียนทุกคนที่เข้าสอบในวันนี้


ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ  กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการสอบคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.4 ทั่วประเทศในปีนี้ มีการจัดสอบใน 74 จังหวัด รวม 64 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียนที่จัดสอบ จำนวน 423 โรงเรียน มีนักเรียนรวม 122,228 คน ซึ่งทาง สพฐ. ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนและครูเป็นสำคัญ และให้ดำเนินการตามมาตรการและแผนเผชิญเหตุอย่างเคร่งครัด ในส่วนโรงเรียนทั้ง 2 แห่งที่เราได้มาตรวจเยี่ยมวันนี้ สำหรับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย วางแผนรับนักเรียนชั้น ม.4 จำนวนที่รับได้ 65 คน มีผู้สมัครสอบ จำนวน 523 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 8.05 ส่วนโรงเรียนศึกษานารี วางแผนรับนักเรียนชั้น ม.4 จำนวนที่รับได้ 60 คน มีผู้สมัครสอบ จำนวน 406 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 6.77 โดยหลังจากเสร็จสิ้นการสอบแล้ว จะประกาศผลภายในวันที่ 8 เมษายน และรายงานตัว/มอบตัวภายในวันที่ 10 เมษายน 2568 ต่อไป

“ทั้งนี้ หากนักเรียนคนใดพลาดหวัง ไม่สามารถสอบเข้าเรียนยังโรงเรียนที่ตั้งใจได้ สพฐ. มีศูนย์ประสานงานการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2568 โดยผู้ปกครองสามารถยื่นความจำนง ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 17-22 เมษายน ประกาศผลการจัดสรรภายในวันที่ 24 เมษายน และรายงานตัว/มอบตัวภายในวันที่ 27 เมษายน 2568 ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่านักเรียนทุกคนจะมีที่เรียนในโรงเรียนคุณภาพที่พร้อมสร้างนักเรียนให้เป็นคนดี เป็นคนเก่ง “เรียนดี มีความสุข” อย่างแน่นอน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

 

พร้อมกันนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้มอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบในพื้นที่อื่นๆ ด้วย ได้แก่ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนวัดเขียนเขต (สพป.ปทุมธานี 2) โรงเรียนธัญรัตน์ (สพม.ปทุมธานี), นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ลงพื้นที่ ณ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี (สพม.นนทบุรี) นางสาวพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา และโรงเรียนสุราษฎร์ธานี (สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร) รวมทั้งคณะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. ที่กระจายลงพื้นที่ ณ โรงเรียนต่าง ๆ พร้อมกันในแต่ละภูมิภาค

สกร.เปิดรับสมัครสอบเทียบความรู้ขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 1 วันที่ 4-10 เม.ย.

นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เปิดเผยถึงการเทียบระดับการศึกษาด้วยวิธีการสอบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า ระหว่างวันที่ 410 เมษายนนี้ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เปิดรับสมัครและรับขึ้นทะเบียนผู้มีสิทธิสอบตามรายวิชาที่ลงทะเบียน ครั้งที่ 1 จากนั้น สกร.จะตรวจสอบความถูกต้องก่อนประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบ ในวันที่ 18 เมษายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ที่ http://ekas.dole.go.th และ สกร.จะร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ดำเนินการสอบเทียบระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน 2568 จึงขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่มีสัญชาติไทย ซึ่งประสงค์จะมีคุณวุฒิระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สมัครสอบเทียบระบบออนไลน์ได้ที่ http://ekas.dole.go.th หรือ ที่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองทุกจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับเขตลองเตย กรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 77 แห่ง ทั่วประเทศ ทั้งนี้ สามารถสมัครได้ไม่จำกัดอายุ ในกรณีอาย่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และผู้สมัครต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิในระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าระดับที่ประสงค์จะขอสอบเทียบหนึ่งระดับ ยกเว้นขอสอบเทียบวัดระดับในระดับประถมศึกษา

​ ​” การจัดสอบเทียบวัระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 1 ไม่คิดค่าใช้จ่ายจากผู้สมัครสอบ โดย สกร.จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสำหรับศูนย์สอบและสถานศึกษาที่ทำใหน้าที่เทียบระดับ และคาดว่าจะดำเนินการจัดสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 2 ได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2568 ครั้งที่ 3 เดือนกรกฎาคม 2568ทั้งนี้ คาดว่าจะมีนักเรียนที่เก่ง มีความพร้อมไม่ต้องการใช้เวลาเรียนในโรงเรียนนาน รวมถึงนักศึกษา และประชาชนทั่วไป สนใจสมัครข้ารับการสอบเทียบรวมไม่ต่ำกว่า 3,000 คน นายธนากร กล่าว

ขณะที่ นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในฐานะช่วยกำกับดูแลด้านวิชาการ กล่าวว่า ข้อสอบที่ใช้จะเป็นข้อสอบประมวลความรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) ระดับประถมศึกษา ระดับมัธมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีอบข่ายเนื้อหาใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์ 3. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5. สุขศึกษาและพลศึกษา 6.ศิลปะ 7.การงานอาชีพ และ 8. ภาษาต่างประเทศ ทั้งนี้ สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถเลือกแผนการสอบได้ทั้งแผนทั่วไป และแผนวิทย์ – คณิต และหลังผ่านการทดสอบความรู้แล้ว ต้องเข้าร่วมสัมมนาวิชาการ เพื่อประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วย จึงจะได้รับวุฒิการศึกษาในแต่ละระดับชั้น ซึ่งการออกวุฒิการศึกษาในแต่ละระดับจะมีเกรดเฉลียและมีค่าคะแนให้ด้วย การสอบเทียบวัดระดับความรู้นีเป็นการให้โอกาสทางการศึกษากับทุกคน เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเองในทุกรูปแบบ ใครมีความพร้อมก็มาสอบ และวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานในแต่ละระดับที่ได้รับมีศักดิ์และสิทธิ์เช่นเดียวกับการเรียนในสถานศึกษาทุกประการ สามารถนำไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย และทำงานได้.

“รร.เครือคาทอลิก”พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย นำผู้เรียนก้าวสู่มาตรฐานโลก

“ครูปฐมวัย”คาทอลิก12แห่งกว่าร้อยคนแห่อบรมปฏิบัติการเพิ่มศักยภาพ พลิกโฉมเรียนรู้แนว Montessori เชื่อมโยง Active Learningพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ณ หอประชุมเซนต์ฟรังซิส โรงเรียนดรุณาราชบุรี สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการครูต้นแบบปฐมวัย ของโรงเรียนคาทอลิก 12 แห่งในสังกัดสังฆมณฑลราชบุรี และเขตการศึกษาที่ 6 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 146 คน เข้าสู่การเป็นครูต้นแบบ “การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Approach) ให้สามารถเชื่อมโยงActive Learning เพื่อเพิ่มทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย การอบรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 เมษายน 2568 ที่โรงเรียนดรุณาราชบุรี

‌บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณาราชบุรี ประธานฝ่ายอบรมศึกษาสังฆมณฑลราชบุรี กล่าวว่าการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครูปฐมวัยในสังกัดโรงเรียนคาทอลิก 12 แห่งไม่ใช่แค่กิจกรรมพัฒนาครูเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับอนาคตเด็กไทย ผ่านพลังของครูที่เราเชื่อว่าเด็กเล็ก ๆ ทุกคนมีศักยภาพ และเราเชื่อมั่นว่าภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ที่มีองค์ความรู้ในการเรียนรู้แบบ Montessori จะเชื่อมโยงสู่ Active Learning และ การพัฒนาทักษะ  แห่งศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกันทั้งหมดนี้เท่ากับเริ่มต้น จาก “การเปลี่ยนห้องเรียน” ด้วยหัวใจของครูปฐมวัยของเราที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับที่อื่น ๆ ด้วย
“ขอขอบคุณ สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)ที่มีองค์ความรู้ในการเรียนรู้แบบ Montessori จะเชื่อมโยงสู่ Active Learning และ การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกันทั้งหมดนี้เท่ากับเริ่มต้น จาก “การเปลี่ยนห้องเรียน” ด้วยหัวใจของครูปฐมวัยของเราที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับที่อื่น ๆ ด้วย ทำให้โรงเรียนคาทอลิกทั้ง 12 แห่ง เมื่อเข้ารับการอบรมปฏิบัติการแล้ว จะสามารถถ่ายทอดและประยุกต์ใช้ในห้องเรียนของตนได้ และจะมีการขยายผลจาก 12 แห่ง เป็น 24 แห่ง 50 แห่ง และขยายไปยังเครือข่ายคาทอลิกทั่วประเทศต่อไป และในอนาคตอาจเป็นโรงเรียนต้นแบบการจัดการเรียนรู้ปฐมวัยในแนว Montessori ที่โรงเรียนอื่นสามารถเข้ามาเรียนรู้และปรับใช้ได้ด้วย” บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว

 ด้าน บาทหลวงเดชา อาภรณ์รัตน์ หัวหน้าเขตการศึกษาที่ 6 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ กล่าวว่า ครูปฐมวัยไม่ได้แค่สอนหนังสือ แต่กำลังทำหน้าที่หล่อหลอมเด็กด้วยความเข้าใจ โดยโรงเรียนเราแม้จะเน้นวิชาการแต่ก็ไม่เคยมองข้ามการปลูกฝังคุณธรรม เมื่อนำมาเชื่อมกับ Montessori ซึ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของมนุษย์ ก็จะเป็นพลังที่สมดุลเกิดขึ้นระหว่างจิตใจ สติปัญญา และคุณค่าของมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างดี ซึ่งครูปฐมวัยโรงเรียนคาทอลิกที่เข้ารับการอบรมก็กำลังเริ่มต้นเส้นทางของการเป็นแม่แบบผู้นำทางชีวิตอย่างแท้จริง เพราะการอบรมครั้งนี้จะเป็นรากฐานสู่การเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง (hands-on activities) เด็กเรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง ครูจะมีบทบาทเป็นผู้สังเกตและให้คําแนะนํา เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น

“เมื่อผสมผสานระหว่างมอนเตสซอรี่และ Active Learning เข้าด้วยกันจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาทักษะที่จําเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะการคิด วิเคราะห์การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นและในชีวิตจริง” บาทหลวงเดชา กล่าวและว่า สำหรับครูที่เข้ารับการอบรมมาจาก โรงเรียนคาทอลิก 12 แห่งในสังกัดสังฆมณฑลราชบุรี และเขตการศึกษาที่ 6 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ประกอบด้วย โรงเรียนดรุณาราชบุรี โรงเรียนเทพินทร์พิทยา โรงเรียนอนุชนศึกษา โรงเรียนวังตาลวิทยา โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสมุทรสงคราม โรงเรียนราษฎร์บํารุงศิลป์ อยุธยา โรงเรียนเซนต์แมรี อยุธยา โรงเรียน     แม่พระประจักษ์ สุพรรณบุรี โรงเรียนเซนต์เทเรซาแสงทอง โรงเรียนเซนต์จอห์น บัปติสต์ โรงเรียนยอแซฟอยุธยา และโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์อู่ทอง

ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ประธานกรรมการบริหาร สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) กล่าวว่า ขอชื่นชมโรงเรียนในเครือคาทอลิก ที่มีการพัฒนา คุณภาพการศึกษา ถึงขั้นยกระดับการศึกษาเข้าสู่มาตรฐานโลก

 

 

 

 

ขวัญเอ้ยขวัญมา

*** หยอก หยอก*** วันที่ 3 เมษายน 2568*** ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ สำหรับคำพูดนี้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน แต่ส่วนมากที่มีประเด็นก็เกิดจากข้อมูลที่มีอยู่จริง หรือเป็นเรื่องที่มโนขึ้นมาแต่บังเอิญไปสอดคล้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น…เป็นคำถามโลกแตกอยู่เหมือนกันนะ…***ข่าวดังที่ทำเรตติ้งพุ่งกระฉูดในวงการศึกษาอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ ครูสาววิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสงขลา ร้อง”กัน จอมพลัง” ว่า ถูกภรรยา อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัย “หึงโหด” ที่เธอคุยโทรศัพท์กับอดีต ผอ.นาน ๆ ส่งสติกเกอร์ พูดคำหวาน ผ่านแชทไลน์ ทำให้ ภรรยา อดีต ผอ. ทนไม่ได้ ถึงกับขับรถไล่ชน และทำร้ายร่างกาย จนเป็นเรื่องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่ขณะนี้ … เรื่องนี้จะเป็นความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างครูสาว กับ อดีต ผอ.หรือไม่ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน คดีจะพลิกหรือไม่ อย่ากระพริบตา อาจจะต้องร้องคำว่าอั้ยยะ… กันเลยแหละ เพราะหยอก หยอก แว่วมาว่า ภรรยาอดีต ผอ.มีหลักฐานเพียบ…เลยจร้า.. เอาไว้รอตอนขึ้นศาล.. แต่ที่รู้ ๆ ณ ตอนนี้ เรื่องร้อนถึง สมศักดิ์ ไชยโสดา ผอ.วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ต้องออกมาสั่งการให้ครูสาวเขียนรายงาน ถึงเหตุผลที่ไปออกรายการโหนกระแส เพราะทำให้วิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง … และแว่วมาว่า ครูสาวก็รายงานตามที่พูดในโหนกระแส และยืนยันว่าไม่มีอะไรกับอดีต ผอ. เอาเป็นว่า..ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน… ว่าใครจะงัดอะไรขึ้นมายืนยันกันเนาะ … แต่เรื่องชู้สาวของข้าราชการถือเป็นเรื่องผิดวินัยร้ายแรงที่สุด ถ้ามีการนำมาเปิดเผย ก็มีหลายกรณีเป็นตัวอย่างให้เห็น… หยอก หยอก ขอดูตอนจบ หลักฐานเด็ดที่ว่า ถึงขั้นออกจากราชการ หรือต้องเยียวยากันอย่างไร รอลุ้น รอลุ้น กันนะ*** ขวัญเอ้ยขวัญมา… เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ อกสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน “เสมา1” พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนเดินสำรวจ สถานที่และออกมา ให้กำลังใจข้าราชการและบุคลากร พร้อมให้วิศวกรสำรวจความเสียหาย จนกว่าจะมีความปลอดภัยถึงให้เข้าทำงานกันได้ตามปกติ…แบบนี้สิ ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าผู้บังคับบัญชาห่วงใยความปลอดภัยของลูกน้อง อย่างแท้จริง***ผิดตรงไหนนนน? การคัดเลือกผู้บริหารระดับต้น กระทรวงศึกษาธิการ ที่ผ่านมา รายชื่อทั้ง 9 ตำแหน่ง ตัวเต็ง 100% ได้ขึ้น เป็นผู้บริหารระดับต้น แม้ว่าผู้ใหญ่บางท่านจะบอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ นั่นก็แค่การแสดง 555…แต่ทั้งนี้การให้โอกาสคนก็ถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดในชีวิต แต่ต่อนี้ไปก็ตัวใครตัวมัน หยอกจะไม่ขุดออกมาให้เป็นประเด็น (ถ้าไม่จำเป็น..555)ก็คงจะเห็นทุกคนแสดงความสามารถในการบริหารงานของตัวเองออกมาให้เห็น เพราะแต่ละคนดูแล้วกว่าจะเกษียณอายุราชการ ผู้บริหารระดับสูงก็แค่มือเอื้อม … ก็ขอแสดงความยินดีด้วยแล้วกันเนอะ…เป็นกำลังใจให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นแสดงฝีมือ หยอก หยอก จะคอยจับตา ไม่กระพริบ***กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้นำร่างขอบเขตของงาน (Terms Of Reference : TOR)โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน ขึ้นแสดงความคิดเห็น หรือประชาวิจารณ์ร่าง TOR บนเว็บไซต์แล้ว ทั้ง 5 โครงการ งบประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นงบฯผูกพัน 5 ปี 2 โครงการ คือ โครงการประกวดราคาเช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ งบประมาณ 2,800 กว่าล้านบาท และ โครงการประกวดราคาเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน สำหรับครูและนักเรียน งบประมาณ 14,600 กว่าล้านบาท  วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้มีการวิจารณ์ TOR และคงมีบริษัท คู่พิพาทเพียงบริษัทเดียวที่วิจารณ์ทั้ง 5 โครงการ คือ บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์( 1977) จำกัด เพราะที่ผ่านมาได้อุทธรณ์ ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์ตำราเรียนขององค์การค้า สกสค.ศาลปกครองกลางก็รับไว้ทุกเรื่อง…เอา เป็นว่า พอหอมปากหอมคอแล้วกันนะ ครั้งหน้าเจอกันใหม่…บาย

”รุ่งศิลป์ถาม “ศธ.ออกสื่อ พิมพ์ตำราเรียน ปี 68 ประหยัดงบได้ 200ล้านจริง หรือ ตีกิน?

นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด (โรงพิมพ์รุ่งศิลป์) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล...เพิ่มพูน ชิดชอบรมว.ศึกษาธิการ แสดงความพึงพอใจต่อสถิติการผลิตหนังสือเรียน องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และอ้างว่าประหยัดงบประมาณสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นจำนวนเงินกว่า200 ล้านบาท ว่า สิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการสื่อสารออกมานั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และจงใจใช้ข้อมูลด้านเดียวมาสร้างความชอบธรรมให้กับกระบวนการจัดจ้างพิมพ์ตำราแบบเรียนปี 2568 ที่ขณะนี้ถูกร้อง และถูกฟ้องเป็นคดีอยู่ในศาลและองค์กรตรวจสอบต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณที่ลดลงเป็นประวัติการณ์นั้น ก็เนื่องจากคณะกรรมการ สกสค.ที่ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน กำหนดงบประมาณไว้สูงกว่าความเป็นจริง จึงไม่แปลกที่การจัดจ้างตามสัญญาที่ต่ำลงถึงเกือบ 20%

กระทรวงศึกษาธิการพยายามตีกิน นำเสนอข้อมูลด้านเดียว ทำให้สังคมเข้าใจผิด ทั้งที่ในความเป็นจริง ท่านเพิ่มพูน เป็นผู้อนุมัติงบประมาณที่สูงกว่าความเป็นจริง และควรตรวจสอบดูทั้งการอนุมัติงบประมาณ และการจัดทำราคากลางว่า เหตุใดถึงมีการตีโปร่งขึ้นไปถึง 20%“ นายนัทธพลพงศ์ ระบุ

นายนัทธพลพงศ์ กล่าวต่อว่า แล้วยิ่งหากเปรียบงบประมาณต่อจำนวนหนังสือที่องค์การค้าของ สกสค.จะได้รับ จะยิ่งไม่สามารถแอบอ้างว่าเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าได้เลย เปรียบเทียบระหว่างปี 65 งบประมาณสูงกว่าเพียง 90 ล้านบาทแต่ผลิตหนังสือได้มากกว่า 31 ล้านเล่มแต่ปี 68 ตั้งงบไว้ถึง 1,060 ล้านบาท แต่ผลิตหนังสือเพียง 26.9 ล้านเล่มเท่านั้น ซึ่งต้องไม่ลืมว่าปี 65 มีสงครามรัสเซียยูเครน ทำให้วัตถุดิบมีราคาสูงกว่าปัจจุบันถึง 30% ส่วนปีนี้ราคากระดาษในตลาดโลกลดลงไปอย่างมาก และยังมีการลดคุณภาพวัตถุดิบลง เช่น เปลี่ยนจากกระดาษปอนด์เป็นปรู๊ฟและลดแกรมกระดาษจาก 70 เหลือ 64 แต่งบประมาณต่อเล่มก็ยังสูงขึ้นอีก ซึ่งการลดคุณภาพเหล่านี้ต้นทุนจะหายไปอีกไม่น้อยกว่า 10%

ต้องถามไปถึงบอร์ด สกสค. ที่ท่าน รมว.ศึกษาฯ นั่งเป็นหัวโต๊ะว่า ในเมื่อจำนวนแบบเรียนปี 68 ลดลงหลักล้านเล่ม มีการลดสเปกกระดาษ ราคากระดาษก็ลดต่ำลงมากแล้วทำไมจึงกำหนดงบประมาณสูงกว่าเดิม และสูงมากเมื่อเทียบราคาต่อเล่ม จึงทำให้เรื่องที่ รมว.ศึกษาฯภาคภูมิใจ และออกมาเยินยอ เพราะคิดว่าไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางนายนัทธพลพงศ์ กล่าว.

ศธ.-สอศ.พร้อมหนุนทุกด้าน ช่วย  2 นักศึกษา วท.ร้อยเอ็ด ติดในซากตึก สตง.ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว 

พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ทำให้อาคาร สตง.ถล่ม โดยมีนักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด 2 ราย คือ นายศักดิ์ชัย สุมาลี และนายวรวุฒิ ตรีวุฒิ นักศึกษา ระดับชั้น ปวช.2/4 แผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง สูญหายภายในอาคารพร้อมทีมช่างไฟฟ้าอีก 4 คน ยังมีความหวังในการช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจพบสัญญาณชีพจรจากบริเวณที่คาดว่าผู้สูญหายติดอยู่

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวว่า ทีมกู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้ประสบเหตุอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องทำงานอย่างระมัดระวังเนื่องจากโครงสร้างอาคารยังเสี่ยงต่อการถล่มซ้ำ นักศึกษาทั้งสองกำลังฝึกงานกับห้างหุ้นส่วนจำกัด สมใจ เจ้บุ๋ม การไฟฟ้า มีกำหนดฝึกงาน 1 ภาคเรียน (มีนาคม-กันยายน 2568) โดยดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วน ทั้งใบคำร้อง หนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง และหนังสือตอบรับจากสถานประกอบการ โดยนักศึกษาได้ติดต่อฝึกงานผ่านญาติที่ทำงานในสถานประกอบการดังกล่าว ในการนี้วิทยาลัยได้ทำประกันอุบัติเหตุหมู่ให้กับนักศึกษาทุกคน ครอบคลุมการเสียชีวิตทุกกรณี วงเงิน 100,000 บาท โดย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) พร้อมให้การสนับสนุนทุกด้านเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด

“เสมา 1” นำทีมวิศวกรโยธาลงพื้นที่เร่งสำรวจหลังแผ่นดินไหว ย้ำเข้มงวดความปลอดภัย สำรวจอาคารสถานที่ หากไม่ปลอดภัยให้รายงานด่วน ส่วนบุคลากรให้เวิร์คฟอร์มโฮมจนกว่าสถานการณ์จะปกติ

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)  นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)  นายเกิดศักดิ์ ยะโสธร รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง  นายขจิตพันธ์ สุวรรณสิริภักดิ์ ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา และเจ้าหน้าที่ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารต่าง ๆ หลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดย

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ทั่วประเทศเมื่อวานนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนทุกคนโดยเฉพาะผู้เรียนของเรา จึงได้กำชับมายังกระทรวงศึกษาธิการดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของนักเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดและองค์กรในกำกับ โดยมุ่งหวังที่จะให้น้องนักเรียนและบุคลากรดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโรงเรียนและหน่วยงานได้อย่างปลอดภัย โดยครู นักเรียน และบุคลากรสามารถสังเกตเองได้ หากมีจุดสงสัยไม่แน่ใจชัดเจนสามารถส่งข้อมูลมาสอบถามได้ที่สภาวิศวกร หากพบว่ามีจุดเสียหายรุนแรงโครงสร้างอาคารปูนร้าวจนเห็นเหล็กให้ เราจะประสานไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองและสภาวิศวกรเข้ามาดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกอย่างเป็นระบบในการควบคุมพร้อมติดตามอย่างต่อเนื่อง

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบจัดทำแบบฟอร์มออนไลน์เพื่อเร่งสำรวจข้อมูลว่ามีสถานศึกษา หน่วยงานในสังกัดและองค์กรในกำกับทั่วประเทศได้รับความเสียหายจากผลกระทบแผ่นดินไหวในครั้งนี้ โดยให้สำรวจความเสียหายของอาคารเรียน ให้เสร็จสิ้นภายในวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาความปลอดภัย แบ่งระดับออกเป็น 3 สี ได้แก่ สีเขียว = ปลอดภัย สีเหลือง = เสียหายเล็กน้อย และสีแดง = อันตราย เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประเมินให้เสร็จสิ้นก่อนวันเปิดทำการ หากปลอดภัยก็สามารถเปิดทำการได้ปกติ แต่หากมีแนวโน้มได้รับความเสียหายระดับสีแดงจะยังไม่เปิดให้เข้าพื้นที่และให้ต้นสังกัดให้ความช่วยเหลือทันที ซึ่งจากรายงานของเขตพื้นที่การศึกษา 34 เขต 130 โรงเรียน พบว่า มีโรงเรียนได้รับความเสียหายบ้างแต่เป็นความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังไม่พบความเสียหายหนัก

ส่วนการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายภายในโรงเรียนสตรีวิทยากับผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้แทนสภาวิศวกร  ยังไม่พบความเสียหาย เพราะมีโครงสร้างแข็งแรงมาก ระบบไฟและระบบน้ำใช้งานได้ปกติ และสำหรับวันนี้และวันพรุ่งนี้ที่จะมีการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อของนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 เมื่อดูจากสภาวการณ์แล้วยังเป็นที่น่ากังวลใจ จึงให้เลื่อนการสอบไปทั้งหมด ซึ่ีงต้องขอขอบคุณผู้อำนวยการสถานศึกษา รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการเป็นอย่างดี โดยหลังจากตรวจสอบว่าอาคารมีความปลอดภัยทั้งหมดแล้วต้นสังกัดจะประกาศวันสอบอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้เรียน

สำหรับอาคารต่าง ๆ ภายในกระทรวงศึกษาธิการ ทีมวิศวกรอาสาได้ลงพื้นที่สำรวจแล้วไม่พบความเสียหายของโครงสร้าง พร้อมยืนยันว่าบุคลากรสามารถมาปฏิบัติงานได้ปกติไม่เกิดอันตรายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากหน่วยงานหรือสถานศึกษาใดไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาคารสามารถแจ้งไปได้ที่ศูนย์รับเรื่องราวของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยแจ้งดำเนินการตรวจสอบอาคารเบื้องต้นทั้งโรงเรียนและสถานที่ราชการต่าง ๆ จะมีวิศวกรอาสาเข้ามาดูแลและอำนวยความสะดวก

สุดท้ายนี้ ฝากความห่วงใยไปยังผู้ปกครองขอให้สบายใจในเรื่องการดูแลผู้เรียนของเรา หากสถานที่ไม่ปลอดภัยเราจะไม่ให้เข้ามาในโรงเรียนเด็ดขาด หากตรวจสอบว่าปลอดภัยแล้วผู้อำนวยการสถานศึกษาจะแจ้งไปว่าให้มาเข้าปฏิบัติกิจกรรมตามปกติ ในส่วนของสถานที่ทำงานแต่ละหน่วยงานก็เช่นเดียวกัน หากไม่ปลอดภัยก็จะไม่ให้เข้ามาปฏิบัติงาน ถ้ายังไม่เข้าสู่สถานการณ์ปกติก็ให้เวิร์คฟอร์มโฮมไปก่อน ยกเว้นมีภารกิจเร่งด่วนที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในสถานที่ได้

 

 

“เสมา 2” ลงสำรวจอาคารเรียนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หลังแผ่นดินไหว กำชับโรงเรียนทั่วประเทศเร่งสำรวจความสียหาย ย้ำหากพบรอยแตกร้าวรีบแจ้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าเพื่อช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว สพฐ.ทันที

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของอาคารเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลภายหลังเกิดแผ่นดินไหว ว่า ขอเป็นกำลังให้ครูบุคลากรทางการศึกษา ลูก ๆ นักเรียน และ พ่อแม่ผู้ปกครองทุกครอบครัว เราทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจกันก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์แผ่นดินไหวทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ส่งผลให้โรงเรียนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศได้รับความเสียหายเกิดรอยแตกร้าว ตนจึงได้สั่งการให้โรงเรียนใน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐา่น(สพฐ.) และโรงเรียนสังกัด อื่น ๆ เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นให้รวบรวมข้อมูลความเสียหายทั้งหมด ส่งเข้ามายัง “ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าเพื่อช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว สพฐ.” เพื่อให้ความช่วยเหลือโรงเรียนอย่างทันท่วงทีต่อไป

“จากการสำรวจรอยแตกร้าวอาคารในโรงเรียนนั้น ถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก เพราะความแข็งแรงของอาคารถือเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้เกิดความมั่นใจว่าโรงเรียนของเรามีความแข็งแรง มั่นคงปลอดภัย   นอกจากนี้หากพบ ครู บุคลากรทางการศึกษา หรือ นักเรียน ได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวก็ให้รีบรายงานเข้ามาทันที​ เพื่อที่กระทรวงศึกษาธิการจะได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดต่อไป” รมช.สุรศักดิ์ กล่าว