เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการย้ายข้าราชการครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2568 ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) ว่า ตามปฏิทินการย้ายฯ ได้กำหนดให้ ผอ.สถานศึกษา(ปลายทาง) ต้องนำความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาเข้าสู่ระบบ TRS ให้เสร็จภายใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตและตรวจสอบระบบข้อมูลตลอดทั้งวัน พบว่าสามารถดำเนินการได้เรียบร้อยแล้วถึง 97% ส่วนที่เหลืออีก 3% ทางสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ประสานส่วนราชการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ให้กับข้าราชการครูให้มากที่สุด ทั้งนี้ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการติดตามความคืบหน้าจากสำนักงาน ก.ค.ศ.ตลอดเวลา และเน้นย้ำให้ดำเนินการโดยยึดประโยชน์ของคุณครูเป็นหลัก ส่วนไหนที่ยืดหยุ่นหรือต้องปรับปรุงก็ให้ดำเนินการให้รวดเร็ว บนความถูกต้อง เพื่อให้ครูได้ย้ายอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
รศ.ดร.ประวิต กล่าวต่อไปว่า เรามีการรับฟังปัญหาและแก้ไขข้อบกพร่องของตัวระบบอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และคอยแก้ปัญหาระบบหลังบ้านตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากระบบนี้เป็นระบบใหม่อาจยังไม่สมบูรณ์พร้อม 100% แต่ขอให้มั่นใจว่าการดำเนินการจะเป็นไปด้วยความโปร่งใส และจะนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์ฯ และตัวระบบให้สามารถดำเนินการได้ดียิ่งขึ้นในการย้ายครั้งต่อไป ขอให้คุณครู ผู้อำนวยการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องศึกษาการใช้งานระบบ เพื่อให้สามารถดำเนินการย้ายในครั้งต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ต้องการเน้นย้ำอีกครั้ง คือ ขณะนี้ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดทำผลงานเพื่อประกอบการพิจารณาย้าย ซึ่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายใหม่ (ว 6/2567) ไม่ได้กำหนดให้ต้องจัดทำผลงานของครูเพื่อประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด โดยการย้ายกรณีปกติระบบจะประมวลผลตาม 8 องค์ประกอบ คือ 1. ที่ตั้งของสถานศึกษา 2. กลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาที่สอนในปัจจุบัน 3.เหตุผลในการขอย้าย 4. ระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ 5. อายุราชการ 6. สภาพความยากลำบากของสถานศึกษา 7. ผลการปฏิบัติงานตาม PA และมาตรฐานตำแหน่ง 8. วินัยคุณธรรม โดยระบบจะแสดงผลการประมวลของผู้ที่ได้คะแนนและอันดับที่ดีที่สุดในสาขาวิชาในสถานศึกษานั้น ๆ เพื่อให้เสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ.ที่ ก.ค.ศ.ตั้งขึ้นพิจารณาต่อไป” รศ.ดร.ประวิตกล่าวและว่า ส่วนกรณีการย้ายสับเปลี่ยน เป็นการย้ายผู้ที่ดำรงตำแหน่งครูด้วยกัน และเมื่อได้มีการยืนยันการจับคู่แล้วให้เสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง พิจารณาต่อไป ขณะที่กรณีพิเศษและกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ เป็นการยื่นคำร้องขอย้ายตามความจำเป็น สามารถยื่นได้ตลอดทั้งปี โดยสำนักงานเขตพื้นที่ฯ/ส่วนราชการ นำคำร้องดังกล่าวจากระบบ TRS เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย เพื่อพิจารณากลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง พิจารณา แล้วนำผลการพิจารณาไปบันทึกในระบบ TRS เพื่อแจ้งให้ผู้ขอย้ายทราบ





โดย ดร.รัตติกร ทองเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ-ยโสธร กล่าวว่า ปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนการประกันคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม สถานศึกษาต้องมีการบูรณาการการประกันคุณภาพภายในและภายนอกให้เป็นเสมือนงานเดียวกัน ทั้งนี้ ได้จัดโครงการที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานการประกันคุณภาพของสถานศึกษา เช่น โครงการส่งเสริมพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อให้การประกันคุณภาพภายในเข้มแข็ง รวมถึงสื่อสารแนวทางการขับเคลื่อนให้ไปในทิศทางเดียวกันเพื่อที่จะประสบความสำเร็จและเดินหน้าไปพร้อมกัน ซึ่งปัจจัยความสำเร็จของการประกันคุณภาพของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ศรีสะเกษ – ยโสธร) คือการที่บุคลากรในพื้นที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการกลุ่ม ประธานสหวิทยาเขตทั้ง 12 แห่ง และผู้บริหารทุกสถานศึกษาทั้ง 83 แห่งในพื้นที่ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการประกันคุณภาพให้มีประสิทธิภาพ
ดร.จิตตนาถ สิงห์โต ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย ได้เข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามาตรฐานตัวชี้วัดของ สมศ. ตามกรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2567-2571 มีความสอดคล้องกับมาตรฐานตัวชี้วัดของ สพฐ. อยู่แล้ว เพียงแต่ในการเข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. นั้น สถานศึกษาจะต้องมีการเตรียมการวางแผน โดยเฉพาะในเรื่องของการทบทวนตัวชี้วัดของ สมศ. รวมทั้งแผนงานของโครงการที่เกี่ยวข้องในแต่ละมาตรฐานเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการที่ได้มาซึ่งความสำเร็จทั้งของผู้เรียน หรือของบุคลากร หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ ข้อเสนอแนะจากการประเมินคุณภาพภายนอกในรอบที่ผ่านมา สถานศึกษาได้นำมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาในโครงการใดบ้าง เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาของสถานศึกษาขนาดใหญ่และสถานศึกษาขนาดเล็กนั้นมีความแตกต่างกันตามบริบทของสถานศึกษา สถานศึกษาขนาดเล็กส่วนมากจะมีบุคลากรน้อย ทำให้ข้อมูลมักอยู่ที่บุคคลเพียงคนเดียวซึ่งอาจจะต้องรับผิดชอบค่อนข้างมาก แต่มีข้อดีคือสามารถบูรณาการได้ง่ายและคล่องตัวในการดำเนินงาน ส่วนสถานศึกษาขนาดใหญ่ จะแยกเป็นแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่ดูแลเป็นรายตัวชี้วัด ทำให้เก็บข้อมูลยาก เพราะมีผู้ดูแลจำนวนหลายคน แต่ทุกปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการ โดยเฉพาะตัวผู้บริหารเองที่จะต้องเป็นผู้ประสานงานให้ได้มาซึ่งข้อมูลตามตัวชี้วัด เพื่อจัดทำรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR)

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 6/2568 ว่า การประชุมวันนี้มีการติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้จัดอบรมสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในระดับเขตพื้นที่ จำนวน 245 เขตพื้นที่ 78 ห้องเรียน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 445,624 คน ลงทะเบียนแล้ว 239,098 คน อบรมแล้วเสร็จ 147,794 คน , มีการนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ 3 โดเมน ไปใช้ในห้องเรียน 6 – 8 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 87.89 , มีการวางแผนจัดทำชุดพัฒนาความฉลาดรู้สำหรับนักเรียน ม.4 เพื่อสอนเสริมเพิ่มพูนในรูปแบบ Anywhere Anytime และมีการเตรียมจัด Computer Summer Camp 2025 ส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้รูปแบบ Anywhere Anytime ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2568
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สกศ.ยังได้รายงานการจัดอันดับ English Proficiency Index (EF EPI) ว่า ตามที่ EF ได้จัดอันดับ English Proficiency Index (EF EPI) ซึ่งเป็นการจัดอันดับประเทศและภูมิภาคด้วยทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งดัชนีทักษะภาษาอังกฤษของไทย อยู่ในอันดับ 106 จาก116 ประเทศ นั้น เมื่อดูในรายละเอียดสถิติคะแนนสอบของผู้เข้าสอบเป็นช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้เข้าสอบช่วงอายุ 41-50 ปี ยังได้คะแนนน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ศธ.ได้นำเรื่องนี้มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนระยะยาวและมีมาตรการเร่งส่งเสริมให้มีการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศ โดยมอบหมายให้เลขาธิการคุรุสภา ประสานงานกับทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายใต้กำกับของ ศธ. ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ สกศ. และ กรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)เพื่อกระตุ้นการฝึกทักษะด้านภาษาและเห็นความสำคัญของการเข้าทดสอบต่าง ๆ




เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2568 ที่ จังหวัดสงขลา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา พร้อมมอบนโยบายการจัดการศึกษาในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรนอกสถานที่ จ.สงขลา วันที่ 17-18 ก.พ โดยได้ลงตรวจเยี่ยมที่โรงเรียนสงขลาพัฒนาปัญญา จ.สงขลา
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า รมว.ศึกษาธิการได้รับเรื่องจากโรงเรียนในพื้นที่ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ต่าง ๆ ว่าอยากจะสนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียน แต่มีระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเรื่องเงินอุดหนุนของท้องถิ่นถ้าสนับสนุนไปที่โรงเรียน โรงเรียนจะต้องมีเงินสมทบ 25% ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กจะไม่มีโอกาสได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากโรงเรียนไม่สามารถหาเงิน 25%มาสมทบได้ ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ จะทำเรื่องถึงกระทรวงมหาดไทย ให้ปลดล็อคระเบียบนี้เฉพาะเรื่องการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเฉพาะงบประมาณที่จะลงไปให้โรงเรียนก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามจากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนสงขลาพัฒนาปัญญา ซึ่งเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ออทิสติก ถือว่าจัดการเรียนการสอนได้ดี เป็นศูนย์บ่มเพาะการเรียนรู้เพื่อสร้างรายได้สู่ความยั่งยืน ส่งเสริมทักษะการมีงานทำสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ส่งผลให้ผู้เรียน ครูมีความรู้มีทักษะในด้านของอาชีพ นักเรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพ ทั้งระหว่างเรียนและจบการศึกษาได้
“การพัฒนาการศึกษาเราจะต้องประสานงานและต้องจับมือกัน จับมือในหน่วยงานตัวเองจับมือนอกหน่วยงาน เพื่อให้การศึกษาบรรลุเป้าหมาย“ นายสุรศักดิ์ กล่าว

