เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นประธานการประชุมคณะที่ปรึกษาอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2568 ที่มี ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เป็นประธานคณะที่ปรึกษา เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานของคณะที่ปรึกษาและจุดเน้นการขับเคลื่อนงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ณ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings โดยมีนางยุพิน บัวคอม และนายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมด้วยที่ปรึกษาอธิบดี ผู้ช่วยเลขานุการคณะที่ปรึกษา และผู้อำนวยการกอง/กลุ่มส่วนกลาง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ดร.เกศทิพย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาอธิบดี สกร.ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่า คณะที่ปรึกษาอธิบดี สกร. มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเชิงวิชาการ การวางแผนและกำหนดแนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนภารกิจอื่นตามที่อธิบดีมอบหมาย โดยจัดตั้งคณะที่ปรึกษาจำนวน 7 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการพัฒนาทักษะและสมรรถนะอาชีพ 2. ด้านกฎหมาย 3. ด้านวิชาการ 4. ด้านประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร 5. ด้านมาตรฐานและประกันคุณภาพการเรียนรู้ 6. ด้านโครงสร้างบุคลากรและอัตรากำลัง และ 7. ด้านติดตามและประเมินผล ซึ่งทีมที่ปรึกษามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่จะมาร่วมขับเคลื่อนงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าหากเราแบ่งงานให้ตรงกับความถนัดของแต่ละท่าน งานจะเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
อธิบดี สกร. กล่าวต่อไปว่า การเปลี่ยนผ่านจาก กศน. มาสู่ สกร. ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราต้องร่วมกันเติมเต็มช่องว่างและต่อยอดจุดแข็งเดิม เพื่อให้ สกร.เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง โดยมีเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเศษในการปรับโครงสร้าง อัตรากำลัง และภาระงานให้สมบูรณ์ตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งคณะที่ปรึกษาของ สกร.ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายบริบท ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานในสังกัด ตลอดจนบุคคลจากภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีบทบาทสำคัญในสังคม ซึ่งจะสามารถให้คำแนะนำ เสนอแนวคิดเชิงนโยบาย และเป็นเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมทำงานกับทีมผู้บริหาร สกร. และขอบคุณอธิบดีที่เปิดโอกาสให้คณะทำงานหลากหลายสาขาได้มีส่วนร่วม โดยยืนยันว่าทุกคนจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ มุ่งนำเสนอแนวคิดและข้อเสนอแนะอย่างตรงไปตรงมา เพื่อร่วมขับเคลื่อนกรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้ก้าวหน้าและตอบโจทย์ภารกิจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 อย่างแท้จริง



รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า โรงเรียนศรัทธาสมุทรได้จัดทำคำของบประมาณซ่อมแซมอาคารเรียนและเสนอผ่านสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว แต่ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้เห็นปัญหาที่แท้จริง และได้รายงานต่อรองนายกรัฐมนตรีเพื่อขอรับการสนับสนุนงบกลางในการซ่อมแซมโรงเรียน โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำรวจข้อมูลโรงเรียนทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ เพื่อแยกความเร่งด่วนและจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม โดยให้ประสานกับสำนักงบประมาณอย่างใกล้ชิด
“วันนี้อาจารย์ได้มาดูพื้นที่จริงร่วมกับเลขาธิการ กพฐ.เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนในการรวบรวมเสนอของบประมาณต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุน เพียงแต่ขอให้เตรียมข้อมูลให้พร้อมและครบถ้วนสำหรับปัญหาบ้านพักครูในพื้นที่ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากหลายแห่งมีสภาพทรุดโทรมจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้ครูบางส่วนต้องเช่าที่พักหรือกู้เงินส่วนตัวมาซ่อมแซม ส่งผลให้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ซึ่ง ศธ.โดยการกำกับของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้เร่งดำเนินการโครงการปรับปรุงบ้านพักครูให้เป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดนี้ โดยจะร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อวางแผนดำเนินการเป็นระยะและบรรจุงบประมาณดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.2570 และต่อเนื่องในปีถัดไป โดยใช้แนวทางทยอยชำระคืนแก่การเคหะแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณก้อนใหญ่ในคราวเดียว”ศ.ดร.นฤมลกล่าวและว่าศธ.ให้ความสำคัญทั้งคุณภาพชีวิตของครูและคุณภาพการศึกษาของนักเรียน โดยจะติดตามการซ่อมแซมอาคารเรียนและโครงการบ้านพักครูในทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ครูและนักเรียนได้อยู่และเรียนรู้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)พร้อมด้วย ดร.พิเชฐร์ วันทอง ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการกพฐ.และผู้บริหารระดับสูง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้มีการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 37/2568 โดย ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า วันนี้ ตนมารับฟังผลการดำเนินงานของสำนักต่างๆ ในการทำงานที่ผ่านมาซึ่งก็พบว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำ หลักการทำงาน 9 ข้อ เพื่อการพัฒนาการทำงานของ สพฐ.ให้มีประสิทธิภาพในยุคที่ตนเป็นเลขาธิการ กพฐ. คือ 1.ยึดหลักราชการ 2. บูรณาการความร่วมมือ 3. ถือผู้เรียนเป็นสำคัญ 4. ก้าวทันเทคโนโลยี 5. มีจิตอาสา 6. พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 7. รุ่งเรืองด้วยคุณธรรม 8. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และ 9. แสดงความจงรักภักดี ซึ่งถ้าเรายึดหลักการทั้ง 9 ข้อนี้ เชื่อว่าจะนำพาการศึกษาไทยให้มีคุณภาพ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างสมบูรณ์
นางภัทริยาวรรณ กล่าวว่า ได้ดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ ได้หารือกับกรมธนารักษ์ กับ การเคหะแห่งชาติ แล้ว โดยแนวทางแรก เป็นการจ้างการเคหะแห่งชาติมาซ่อมแซมอาคารเรียนที่มีเด็กลดลง เป็นอาคารว่างที่ไม่มีนักเรียนเรียนให้เป็นบ้านพักให้กับครู ให้เป็นสวัสดิการให้ครูอยู่ฟรี ส่วนโรงเรียนที่เป็นพื้นที่ถูกยุบเลิกแล้วก็จ้างการเคหะแห่งชาติมาสร้างบ้านพักครูให้ครู เป็นสวัสดิการให้ครูอยู่ฟรี ส่วนแนวทางที่สองเป็นแนวทางที่การเคหะแห่งชาติจะไปสร้างบ้านเพื่อขายให้กับครูโดยการเคหะแห่งชาติจะไปทำความร่วมมือ ในเรื่องของสวัสดิการต่างๆกับธนาคาร หรือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพื่อให้ครูได้อยู่บ้านที่มีคุณภาพผ่อนระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ
ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี กล่าวอีกว่า เรื่องการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ นั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้ทำความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ในการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ตรงกับนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว โดยจะทำให้เป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด เพราะถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนที่เราจะต้องนำสู่การปฎิบัติ เพื่อให้ครูมีวิทยะฐานะ ลดภาระครู ส่วนกระแสข่าวเรื่องการปั่นจำนวนนักเรียน และการขายเก้าอี้ครูนั้น เรื่องนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการขั้นเด็ดขาดแล้วว่าอย่าให้รู้ ถ้าตรวจสอบเจอจะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัย และอาญา ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ ดร.พิเชฐร์ วันทอง ไปดำเนินการแล้ว
ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ กล่าวถึง นโยบายไม่ให้จัดลำดับนักเรียน แต่ให้ประเมินศักดิ์ยภาพ ว่า จริงๆแล้วถ้าเราไปดูระเบียบการวัดและประเมินผลนักเรียน จะเน้นการประเมินดูความก้าวหน้าและความสามารถมาเทียบกับหลักเกณฑ์การเรียนรู้ ดังนั้นสิ่งที่โรงเรียนจะต้องดูคือระเบียบและประเมินผลเพื่อตัดสินว่าผ่านไม่ผ่านความก้าวหน้าหรือผลสัมฤทธิ์ ซึ่งการเรียงลำดับไม่ได้อยู่ในระเบียบ แต่อาจเป็นเพราะครูจะมาจัดเรียงลำดับเองตามคะแนน ดังนั้นเราต้องทำการสื่อสารและทำความเข้าใจให้กับผู้ปกครองให้ทราบถึงแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมถึงการสื่อสารสร้างความเข้าใจ ให้กับครูผู้ปกครองด้วย



เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายพิเชฐร์ วันทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตรวจเยี่ยมที่พักอาศัยครู โรงเรียนภัทรบพิตร ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง รวม 7 หลัง ซึ่งได้รับการร้องเรียนว่าสภาพบ้านพักทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน ครูต้องควักกระเป๋าส่วนตัวซ่อมแซมเอง ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพจริง พบว่า บ้านพักครูหลายแห่งทั่วประเทศอยู่ในสภาพชำรุด ทรุดโทรม บางหลังมีปัญหาปลวกกัดกิน โครงสร้างเสียหายจนไม่ปลอดภัยต่อการอยู่อาศัย แต่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เพราะติดระเบียบราชการเก่า ทั้งของกรมธนารักษ์และของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งต้องเร่งแก้ไขให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ยังถือว่า สภาพดีกว่าหลายพื้นที่ที่ตนและอาจารย์แหม่มลงไปดูมา ครูจำนวนมากอยู่ในสภาพบ้านที่ทรุดโทรม แต่ก็ไม่สามารถซ่อมได้เพราะติดกฎระเบียบต่าง ๆ ทั้งที่บ้านพักเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของครู ซึ่งถือเป็นผู้หล่อหลอมเยาวชนของชาติ”
“ในความคิดผม ครูเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูที่ดีคือรากฐานสำคัญของเด็กไทย การสร้างคุณภาพการศึกษาที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี แต่ต้องเริ่มจากการทำให้ครูมีความมั่นคงในชีวิต มีบ้านพักที่ปลอดภัย และมีขวัญกำลังใจที่ดี และในฐานะที่ผมเป็นนักการเมือง ผมเพิ่งรู้ว่า ปัญหาบ้านพักอาศัยของครูอยู่ที่ สส.ผมจะไปพูดคุย ทำความเข้าใจในกรรมาธิการคณะต่าง ๆ เพื่อที่งบประมาณปี 2570 เราจะได้ไม่ไปตัดงบในส่วนนี้ คุณต้องเห็นความเป็นจริงว่าเขาเดือดร้อนกันอย่างไร อยากฝากไว้ด้วย“ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว
ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำรวจสภาพบ้านพักครูทั่วประเทศ เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนและความจำเป็นในการซ่อมแซม โดยจะร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ ในการหาแหล่งงบประมาณมาดำเนินการ และ สพฐ.จะชำระคืนให้กับการเคหะแห่งชาติ ส่วนเรื่องการตั้งงบอย่างที่ท่านรองนายกฯได้กล่าวว่า จะต้องทำความเข้าใจกับ สส.ในสภา ในกรรมาธิการต่าง ๆ ให้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าได้บรรจุเข้าไปใน พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2570 เราก็จะเริ่มซ่อมปรับปรุงบ้านพักครูได้ภายในปีนี้ และจะบรรจุงบชดเชยคืนให้กับการเคหะฯ ในปีถัดไป
“การแก้ปัญหาบ้านพักครูถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครูทั่วประเทศ ให้ครูมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรีสมกับวิชาชีพ เพราะครูคือผู้สร้างอนาคตของชาติ” รมว.ศึกษาธิการกล่าว



