เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( กพฐ.) ได้รับมอบหมายจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ให้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เข้าร่วม ณ สวนวันครู อาคาร สพฐ. 1 กระทรวงศึกษาธิการ
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า วันนี้ สพฐ.และ ภาคเอกชน ได้ร่วมมือร่วมใจกันซื้อเครื่องอุปโภคบริโภครวม 15 คันรถ ส่งไปถึงพี่น้องในจังหวัดภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่สถานศึกษา นักเรียน ครู และประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น ซึ่งปีนี้น้ำท่วมทั้ง 9 จังหวัด แต่ที่หนักสุดอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลาและปัตตานี มีจำนวนโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย 822 แห่ง ใน 10 จังหวัด รวม 28 เขตพื้นที่การศึกษา มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 100,591 คน ประกอบด้วย นักเรียน 92,225 คน ครูและบุคลากรฯ 8,366 คน ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท หลายแห่งอาคารบางส่วน รั้วโรงเรียน เพดาน และระบบไฟฟ้าเสียหายหนัก สพฐ. จะใช้เงินที่มีอยู่และขอ งบกลางเข้าช่วยฟื้นฟูไปก่อน รวมถึงจะประสานวิศวกรเข้าไปตรวจสอบเพื่อเสนอของบฉุกเฉินเพิ่มเติม ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ได้สั่งการให้เร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือ ทั้งด้านสวัสดิการ การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค และการฟื้นฟูสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้น้ำได้ลดลงแล้ว ซึ่งพวกเราก็ได้เห็นว่าเด็กไม่มีเสื้อผ้าใส่ไปโรงเรียนเพราะไปกับน้ำหมด แต่อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ ก็อนุโลมให้เด็กนักเรียนใส่ชุดปกติมาเรียนหนังสือได้ โดยในวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม นี้ โรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ แต่จะจัดการเรียนการสอนได้ 100% หรือไม่ นั้น ก็ต้องดูตามสภาพความพร้อมของแต่ละโรงเรียน แต่อย่างไรก็ตาม สพฐ.ก็มีรูปแบบการเรียนการสอนในหลายรูปแบบตามโจทย์ ตามศักยภาพของแต่ละโรงเรียน แต่เราจะรีบจัดหาข้าวของเครื่องใช้ลงไปให้เร็วที่สุด ซึ่งในสัปดาห์หน้า ผมจะลงไปดูด้วยตัวเองอีกครั้ง หากหน่วยงาน หรือ ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคให้ความช่วยเหลือโรงเรียนก็ไปบริจาคที่หน้างานได้ เพื่อจะได้เห็นสภาพจริงของโรงเรียนด้วยว่าเด็ก ๆ มีความยากลำบากอย่างไร”เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า ต้องขอขอบคุณโรงเรียนในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล และโรงเรียนในสังกัด สพฐ.สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)องค์การค้า สกสค.สำนักพิมพ์เอมพันธ์ คุณเอกปทุมธานี โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ที่ได้ตั้งศูนย์ Fix It Center มาบริการซ่อมแซมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์การเกษตร และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยทีมนักเรียนนักศึกษาและครูอาชีวศึกษา และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ไม่ได้พูดถึง ที่มีจิตศรัทธาทั้งภาครัฐ-เอกชน ที่ร่วมกันบริจาคเงินสมทบ และส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคช่วยผู้ประสบภัย รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ทุ่มเทในการช่วยเหลือ ซึ่งเราจะดูแล และฟื้นฟูสถานศึกษาอย่างเต็มความสามารถ และบทเรียนครั้งนี้ สพฐ.จะต้องไปถอดบทเรียนในเรื่องภัยพิบัติซึ่งเราได้เรียนรู้มาจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีภัยพิบัติตลอดปี ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วมภูเขาไฟระเบิด ซึ่งจะต้องเรียนรู้เรื่องนี้ให้เข้มข้นมากขึ้น




เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ที่ผ่านมา มีหลาย ๆ หน่วยงานเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือโรงเรียน รวมทั้งตัวอาจารย์ก็ได้ร่วมลงพื้นที่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาด้วย ซึ่งต่อจากนี้ขอให้ทุกส่วนราชการระดมกำลังลงไปให้ช่วยเหลือในพื้นที่ของตนเอง นอกจากช่วยฟื้นฟูโรงเรียนแล้ว หากมีความพร้อมและกำลังความสามารถขอให้ช่วยไปดูแลฟื้นฟูบ้านพักของครูและบุคลากรทางการของเราในทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย
ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบรายงานผลการตรวจราชการและติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ รอบที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งเห็นชอบแผนการตรวจราชการและติดตามประเมินผลการจัดการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1. ด้านความปลอดภัยและคุ้มครองผู้เรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาและสถานศึกษา 2. ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 3. ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา และ 4. ด้านการส่งเสริมวิชาชีพและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้แนวทางการตรวจราชการใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. การตรวจราชการของผู้ตรวจราชการ ศธ. (Inspection) ตามนโยบาย 2. การกำกับ ติดตาม (Monitoring) จากรายงานส่วนราชการ สำนักงานศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และจากระบบ e-Inspection และ 3. การประเมินผล (Evaluation) ติดตามความก้าวหน้าและแนวโน้มความสำเร็จของนโยบาย เปรียบเทียบกับเป้าหมายและตัวชี้วัด ทั้งนี้ มีปฏิทินการตรวจราชการฯ ปี 2569 จำนวน 2 รอบ คือ รอบที่ 1 เดือนกันยายน 2568 – มีนาคม 2569 และรอบที่ 2 เดือนเมษายน – กันยายน 2569



วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย นายตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. ร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นำทีมผู้บริหารการศึกษา ผอ.สพม.สงขลา สตูล และคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านบึงพิชัย โรงเรียนบ้านวังหรัง และโรงเรียนหาดใหญ่เจริญราษฎร์พิทยา เพื่อตรวจสภาพความเสียหายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย และมอบแนวทางช่วยเหลือฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้น ศ.ดร.นฤมล ได้มอบหมายให้ ปลัด ศธ. หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อพิจารณาใช้กองทุนช่วยเหลือครู บุคลากร และสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งมอบหมาย สพฐ. กำชับให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มีสถานศึกษาได้รับผลกระทบ เร่งสำรวจความเสียหาย และรวบรวมส่งข้อมูลไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม. อนุมัติงบประมาณฟื้นฟูโดยเร็ว ส่วนสถานการณ์ของโรงเรียนหลังน้ำลด ทางโรงเรียน คุณครู ผู้ปกครองและชุมชน ได้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ตำรวจ ทหาร ร่วมมือกันทำความสะอาด ขนย้ายโคลนและสิ่งสกปรกออกจากอาคารเรียน และทำความสะอาดจนพื้นที่เริ่มกลับมาใช้งานได้บางส่วน ต่อไปก็จะเร่งฟื้นฟูอาคาร อุปกรณ์การเรียน และระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดเรียนได้โดยเร็วที่สุด
ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2568 พบว่า มีสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 813 โรงเรียน ใน 10 จังหวัด จำนวน 28 เขตพื้นที่ (สพป. 21 เขต และ สพม. 7 เขต) มีนักเรียนได้รับผลกระทบ จำนวน 90,453 คน และครู 8,206 คน โดยเบื้องต้นได้มีการเยียวยาช่วยเหลือ มอบเงินและสิ่งของจำเป็น-เครื่องอุปโภคบริโภค 2 ครั้ง รวม 3.1 ล้านบาท ขณะที่โรงเรียนในสังกัดได้จัดเป็นศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีจำนวน 142 แห่ง ใน 5 จังหวัด รวม 10 เขตพื้นที่ และมีจำนวนผู้เข้าพักพิง รวม 12,433 คน โดยขณะนี้ สพฐ. กำลังเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือและสิ่งของอุปโภคบริโภค และจะรวบรวมเป็นคาราวานส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ในวันที่ 4-5 ธันวาคมนี้ต่อไป
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้บูรณาการทุกภาคส่วนด้านการศึกษาเข้าร่วมภารกิจฟื้นฟูอย่างเต็มกำลัง โดยวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ส่งทีมนักศึกษาอาชีวะภายใต้โครงการ Fix It Center จำนวน 8 ชุด ชุดละ 5 คน พร้อมเครื่องมือซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าในบ้านเรือน ลงพื้นที่เขต 8 เพื่อให้บริการตรวจเช็กและซ่อมระบบไฟฟ้าให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
จากนั้น ศ.ดร.นฤมล ได้ลงสำรวจความเสียหายของโรงเรียนบ้านบึงพิชัย โรงเรียนบ้านวังหรัง และโรงเรียนหาดใหญ่เจริญราษฎร์พิทยา โดยยืนยันว่า กระทรวงศึกษาฯ จะเดินหน้าสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการซ่อมแซมสถานศึกษา การช่วยเหลือนักเรียน–ครอบครัว และการสนับสนุนกำลังคนจากภาคการศึกษา เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้โดยเร็วที่สุด


เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจสภาพความเสียหายบริเวณวงเวียนสายสงขลา–หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย โดยเปิดเผยภายหลังการตรวจพื้นที่ว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เร่งติดตามข้อมูลความเสียหายของสถานศึกษาในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อพิจารณาใช้กองทุนช่วยเหลือครู บุคลากร และสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบ
“ตอนนี้โรงเรียนทุกแห่งเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยครู ผู้ปกครอง และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมมือกันทำความสะอาด ขนย้ายโคลนและสิ่งสกปรกออกจากอาคารเรียน เช่น โรงเรียนบ้านคลองหวะ ได้ทีมตำรวจกว่าร้อยนาย พร้อมอุปกรณ์มาช่วยล้างโคลนจนพื้นที่เริ่มกลับมาใช้งานได้บางส่วน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเก็บกู้รอบที่สอง เร่งฟื้นฟูอาคาร อุปกรณ์การเรียน และระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดเรียนได้โดยเร็วที่สุด โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวง เร่งสำรวจความเสียหาย และส่งข้อมูลไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.อนุมัติงบประมาณฟื้นฟูโดยด่วน“ศ.ดร.นฤมล กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ส่วนการจัดการเรียนการสอนในช่วงที่โรงเรียนยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีระบบรองรับ เช่น การสอนออนไลน์หรือรูปแบบผสมผสาน แต่ยอมรับว่า มีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์และความพร้อมของนักเรียนในหลายพื้นที่ จึงเน้นให้พื้นที่ประเมินสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ขณะที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวจากเดิมที่มีผู้อยู่อาศัยกว่า 7,000 คน ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 200 คนแล้ว นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการจะเร่งสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูโรงเรียน และประสานทุกหน่วยงานเพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถกลับเข้าสู่การเรียนรู้ได้เร็วที่สุด พร้อมให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือครู บุคลากร และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง โดยนักเรียนที่จะเดินทางมาเรียน ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักเรียน เพราะบางคนชุดนักเรียนเสียหายทั้งหมด ดังนั้น จึงได้เน้นย้ำแล้วว่า จะใส่ชุดอะไรมาเรียนก็ได้ เอาตามที่ผู้ปกครองสะดวก


“ ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เคยมาเยี่ยมชมโรงเรียนนี้แล้วแล้วก็ได้สื่อสารไปยังกลุ่ม ผู้บริหาร สพฐ ซึ่งสมาคมฯก็มีหน้าที่ที่จะต้องแบ่งเบาภาระของ สพฐ.ก็ได้จัดกิจกรรมนี้โดยนำคุณครูและผู้บริหารที่ต้องการเรียนรู้การจัดกิจกรรมเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5Steps จึงได้เลือกมาที่โรงเรียนดรุณาราชราชบุรี” ดร.ปรพล กล่าว
นายเอกวัฒน์ ล้อสุนิรันดร์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)กรุงเทพมหานคร ที่ปรึกษาสมาคม ฯ กล่าวว่า นโยบายของ สพป.กรุงเทพมหานคร คือ การจัดการศึกษาโดย Active Learning ที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะเป็นการศึกษาที่เน้นให้เด็กได้เรียนรู้จริง ทำจริง ปฏิบัติจริง และจะเกิดความรู้ที่คงทน เข้มแข็ง ที่จะต่อยอดให้นักเรียนเป็นผู้เรียนที่มีความเข้มแข็งทางด้านวิชาการ มีความรู้ที่เข้มแข็งสามารถเป็นเยาวชนที่ดี และสามารถแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้ ในส่วนของ สพป.กรุงเทพมหานคร พยายามขับเคลื่อน Active Learning โดยใช้กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อให้ครูได้รับรู้สัดส่วนองค์ประกอบของการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเปลี่ยนจาก Passive Learning เป็น Active Learning ที่เปลี่ยนจากการเรียนรู้โดยการท่องจำมาเป็นการเป็นปฏิบัติจริง ดังนั้นหากทุกโรงเรียนสามารถเรียนรู้แบบ Active Learning ได้นักเรียนจะมีความรู้ที่เข้มแข็งและสอดคล้องกับตัวชี้วัดต่าง ๆ ที่สำคัญจะมีองค์ความรู้ที่ต่อยอดส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโอเน็ต เอ็นที รวมถึงพิซา ดีขึ้น เด็กจะคิดวิเคราะห์เป็น และมีมาตรฐานที่สูงเทียบเคียงกับนานาอารยประเทศได้
บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์ กฤษเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณาราชบุรี กล่าวว่า ผลที่เกิดจากการนำ Active Learning มาใช้ 3 ปีมาแล้วนักเรียนมีความสุข เวลาเรียนไม่นั่งหลับ แต่ก่อนอื่นต้องเปลี่ยน Mindset ของครูให้ได้ก่อน ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้เปลี่ยนครูได้ทั้ง 100% แต่ส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนความคิดในการจัดการเรียนการสอนไปแล้ว และผลที่ได้ก็ไปตกที่เด็ก ทำให้เด็กมีความสุขในการเรียน อยากมาเรียน และที่เห็นได้ชัดคือเด็กจะมีการตกตะกอนความรู้ทั้งหมดที่เป็น Active Learning เพื่อสอบจบ ม.6 ในรูปของโปรเจ็ก เราสร้างเด็กเป็นนวัตกร ซึ่งเมื่อเราสามารถสร้างเด็ก ม.6 เป็นครีเอเตอร์ได้แล้ว
“การมาเยี่ยมเยือนและศึกษาดูงานการจัดการศึกษาแบบ Active Learning ของสมาคมผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษากว่า 100 คน จากทั่วประเทศ สนใจและให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยปัจจุบัน และจะได้เห็นการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาที่เห็นผลเชิงประจักษ์กับครูและนักเรียนโรงเรียนดรุณาราชบุรี เพื่อไปขยายผลในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐต่อไป”บาทหลวง ผศ.ดร.อภิสิทธิ์กล่าว
ด้าน ดร.ศักดิ์สิน โรจนสราญรมย์ อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาวิชาการ(พว.) กล่าวว่า Active Learning เป็นหลักการเรียนรู้ของมนุษย์ ส่วน GPAS 5 Steps เป็นเหมือนเกลียวเชือกสามเส้นที่จะต้องไปด้วยกันทั้งหมด ซึ่งก็คือ ความเก่ง ความดี และทักษะการปฎิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาเรายังทำไม่ได้ เพราะเราทำทีละเรื่อง แต่หากเราใช้เกลียวเชือกของ GPAS 5 Steps จะเป็นการบูรณาการไปในทีเดียวพร้อมกัน พว.ยืนยันว่าจะขับเคลื่อน Active Learning ไปให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าเราช่วยโรงเรียนก็เหมือนช่วยเด็ก ให้เด็กได้ประโยชน์ เมื่อเด็กเกิดปัญญาก็จะไม่มีวันยากจนอีกต่อไป อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ถือว่าการขับเคลื่อน Active Learning GPAS 5 Steps ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องพยายามขยายต่อไป เพื่อให้เด็กมีคุณภาพ เพราะเด็กที่ผ่านกระบวนการนี้แล้ว ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในโลกก็จะมีความสามารถเหมือนกัน

