เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2568 ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากรายงานใหม่ของธนาคารโลก Future Jobs: Robots, AI and Digital Platforms in East Asia and Pacific (2025) ชี้ให้เห็นว่า ตลาดแรงงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเปลี่ยนโฉมเร็วกว่าที่หลายประเทศคาด จากการเข้ามาของหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้ทั้งรูปแบบงาน ทักษะงาน และโครงสร้างตลาดแรงงานเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด
ดร.อรรถพล กล่าวต่อไปว่า โดยรายงานของธนาคารโลกระบุว่า ในช่วงปี 2018–2022 หุ่นยนต์ได้แทนที่แรงงานทักษะต่ำในภูมิภาคกว่า 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่ในขณะเดียวกันกลับสร้างงานทักษะสูงใหม่กว่า 2 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตขั้นสูง นอกจากนี้ งานที่เกี่ยวข้องกับ AI ในภูมิภาคยังมีประมาณ 10% แม้จะต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่เฉลี่ยราว 30% แต่ตัวเลขดังกล่าวกำลังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนประเทศไทย มีความเสี่ยงอาจสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เนื่องจากแรงงานไทยกว่า 52% เป็นแรงงานนอกระบบ (informal) ซึ่งมีโอกาสเข้าถึงการฝึกอบรมและสวัสดิการน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน สัดส่วนใหญ่ของแรงงานไทยยังอยู่ในงานรูทีนซ้ำ ๆ ที่ AI สามารถเข้ามาช่วยหรือแทนได้บางส่วน เช่น งานธุรการ งานบริการ งานด้านเอกสาร และงานวิเคราะห์ข้อมูลขั้นต้น และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นสัญญาณเตือนด้านทักษะของประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาแรงงานใน 3 มิติ ได้แก่ 1.ทักษะดิจิทัลพื้นฐาน 2.ทักษะการใช้ข้อมูล (data skills) และ 3.ความเข้าใจการทำงานของ AI ในงานอาชีพต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันไทยมีแรงงานแพลตฟอร์มมากกว่า 2–2.5 ล้านคน ซึ่งกลายเป็นกำลังแรงงานใหม่ที่ต้องได้รับการคุ้มครองและสนับสนุนด้านทักษะเช่นเดียวกัน หากรัฐไม่เร่งพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการอัปสกิลอย่างครอบคลุม ไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากไทยเตรียมตัวได้ทันและเน้นการลงทุนด้านทักษะอย่างจริงจัง เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะ “ไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นโอกาสครั้งใหญ่” ในการยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพแรงงานไทยในระยะยาว



เมื่อ
ด้าน 
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มีความห่วงใยถึงสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากว่า จึงได้สั่งการด่วนให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือและพักพิงผู้ประสบอุทกภัย ภายในโรงเรียน หาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางรองรับผู้ประสบภัยจากพื้นที่รอบข้าง
เลขาธิการ กอศ. กล่าว่า ขณะนี้สอศ.ได้ลงพื้นที่และเร่งจัดทีมสนับสนุนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ อ.หาดใหญ่ อย่างเร่งด่วน รวมถึงจัดส่งเรือ อาหารแห้ง อาหารพร้อมรับประทาน และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ โดยมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาหลายแห่งระดมกำลังเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี ได้เร่งลำเรียงเรือพร้อมอาหารกล่องสมทบไปยังศูนย์พักพิงแล้ว
“อาชีวะได้เร่งเครื่องเต็มกำลัง ส่งทีมบุคลากร-นักศึกษา และทรัพยากรลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนศูนย์ช่วยเหลือที่โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และพร้อมขยายการช่วยเหลือไปยังพื้นที่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด และวางแผนระดมทีมทำความสะอาด–ทีมช่างอาชีวะอาสา เข้าเคลียร์พื้นที่ที่สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนฟื้นฟูสถานศึกษา บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลังสถานการณ์คลี่คลายทันที”เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ สอศ. ได้ดำเนินการในจุดของสถานศึกษาอาชีวศึกษากว่า 10 แห่งในภาคใต้ ทั้งตั้งโรงครัวอาชีวะ จัดถุงยังชีพ ให้ความดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นที่สามารถดำเนินการ ซึ่งวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ได้จัดตั้งเป็นโรงครัวอาชีวะขนาดใหญ่ในการส่งต่ออาหารและน้ำดื่ม และบริการส่งในจุดทั้งโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และที่ๆ สามารถเข้าถึงได้โดยดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานหลักในพื้นที่

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยนางสาวพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ รักษาการในตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน นายสราวุธ เดชมณีรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายตฤณ ก้านดอกไม้ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม ณ โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ประสบภัย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้พบปะผู้บริหาร ครู และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ เพื่อประเมินความพร้อมด้านสถานที่ การแบ่งพื้นที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม การแพทย์เบื้องต้น รวมถึงมาตรการดูแลนักเรียนและประชาชนที่อพยพมาอยู่ภายในศูนย์ โดยเน้นย้ำว่าโรงเรียนทุกแห่งภายใต้ สพฐ. ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์พักพิงต้องรักษาความสะอาดและความปลอดภัยตามมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างดีที่สุดในภาวะวิกฤต
นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร สพฐ.ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมตั้ง “ศูนย์วอร์รูม สพฐ.” ณ โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยแบบเรียลไทม์ รวบรวมข้อมูลจากโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงทั่วภาคใต้ พร้อมประสานการช่วยเหลือและสั่งการเร่งด่วนอย่างเป็นระบบ โดย เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า สพฐ. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้บริหาร ครู อปท. หน่วยกู้ภัย ไปจนถึงจิตอาสา ที่ร่วมกันรับมือสถานการณ์ครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 จากการประชุมปฏิบัติการจัดทำแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ของศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน
อธิบดี สกร. ได้กล่าวชื่นชมผลงานของคณะครูและผู้บริหารทุกคน โดยเฉพาะการร่วมรับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการประชุมวิชาการ กพด. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของครู ศศช.ที่แม้จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่จำกัด ทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ สัญญาณสื่อสาร และสภาพพื้นที่ แต่ทุกคนก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเข้มแข็งและงดงาม โดยตัวอย่างที่โดดเด่นและ เป็นภาพสะท้อนพลังการศึกษาในพื้นที่สูง ที่แม้จะมีข้อจำกัด แต่ก็เต็มไปด้วย “ศักยภาพที่งดงาม” และเป็นตัวอย่างของการจัดการเรียนรู้ที่ยึดบริบทจริงเป็นฐาน ซึ่ง สกร. จะสนับสนุนให้เกิดขึ้นในทุกศูนย์การเรียนทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านโอโลคีบน จังหวัดเชียงใหม่ ที่นำผลผลิตท้องถิ่นอย่าง “ใบพลู” มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ถ่ายทอดทักษะชีวิตและทักษะอาชีพจากบริบทจริงของชุมชน เกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เด็กลงมือทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวคิดด้านเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอีกหนึ่งโครงงานที่โดดเด่น คือ โครงงาน “ปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร” ของนักเรียนระดับประถม ศศช.บ้านพะอัน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การจัดการขยะอินทรีย์จากเศษอาหารที่มีอยู่จริงในชุมชน นำมาทำปุ๋ยหมักเพื่อลดปัญหาขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์ในการปลูกผักและพืชสวนของศูนย์การเรียน เป็นการเรียนรู้ที่แสดงให้เห็นว่า แม้เป็นชุมชนเล็ก ๆ และอยู่ห่างไกล แต่เด็ก ๆ สามารถสร้างคุณค่าจากสิ่งรอบตัวได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วัยเยาว์
นอกจากนี้ยังมีโครงงานปุ๋ยหมัก ซึ่งเป็นผลงานที่มีคุณค่าทางวิชาการและการประยุกต์ใช้ คือ โครงงานการผลิต “เชื้อราไตรโคเดอร์มา” ของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ศศช.บ้านเดลอปอบอ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ที่นักเรียนได้ทดลองเพาะเลี้ยงเชื้อราไตรโคเดอร์มา ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้ควบคุมโรคพืชตามธรรมชาติ นำไปใช้ป้องกันเชื้อราในพืชผักท้องถิ่น ช่วยลดการใช้สารเคมี และสร้างองค์ความรู้ด้านเกษตรปลอดภัยให้เกิดขึ้นจริงในชุมชน ผลงานนี้ไม่เพียงเปิดโลกด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กในพื้นที่สูง แต่ยังเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ที่ประยุกต์สู่การดำรงชีวิตใกล้ตัวอย่างแท้จริง ครูและนักเรียนร่วมกันค้นคว้า ทดลอง และนำผลลัพธ์ไปใช้จริงในพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวคิดของ สกร.
โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เร่งให้วิทยาลัยที่มีความพร้อมในพื้นที่ระดมทรัพยากร – กำลังอาชีวะจิตอาสาลงช่วยเหลือประชาชนแบบไม่รอช้า ขณะนี้ สอศ. เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวในสถานศึกษาเพื่อรองรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างเร่งด่วน โดยเปิดใช้งานทันที 2 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร จังหวัดสงขลา เพื่อให้ประชาชนมีสถานที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤต โดยทั้งสองแห่งจัดเตรียมพื้นที่ ห้องน้ำสะอาด เครื่องนอน แสงสว่าง น้ำดื่ม และจุดบริการอาหาร พร้อมทีมครู–บุคลากร–นักศึกษา อาชีวะจิตอาสาผลัดเปลี่ยนเวรดูแลและอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้ประสบภัยรู้สึกอุ่นใจ ซึ่งศูนย์พักพิงชั่วคราวทุกแห่งดำเนินการควบคู่กับการเปิดครัวอาชีวะและผลิตอาหารปรุงสุก
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สถานศึกษาที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยรอบ พร้อมเปิดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวเพิ่มเติม ทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เพื่อให้สามารถรองรับประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยจะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ส่วนศูนย์ช่วยเหลือเบื้องต้นที่ วิทยาลัยเทคนิคจะนะ จังหวัดสงขลา
“ย้ำว่า สอศ.ทำงานบนหลักความปลอดภัยต้องมาก่อน โดยไม่อาจปล่อยให้ประชาชนเผชิญวิกฤตเพียงลำพัง อาชีวะพร้อมเปิดสถานศึกษาเป็นบ้านหลังที่สองให้กับทุกคน โดยการดำเนินงานดังกล่าวมีนักศึกษา–ครู–บุคลากร ผู้บริหาร ร่วมทำงานอย่างไม่รู้เหนื่อย นี่คือ DNA อาชีวะ ที่ชัดที่สุด—ลงมือจริง ทำงานด้วยจิตอาสาอย่างเต็มที่ และยืนเคียงข้างประชาชน”นายยศพล กล่าว ทั้งนี้ ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ได้รับรายงานว่า สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับมูลนิธิพุทธไทยสวรรค์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งทีมเรือ จำนวน 3 ลำ พร้อมอาหารแห้ง เข้าช่วยเหลือ นักเรียนนักศึกษาและประชาชน โดยจะออกเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในค่ำนี้ เพื่อเข้าพื้นที่จังหวัดสงขลาเพิ่มเติมด้วย
สำหรับจุดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถนำ สิ่งของ อาหารแห้ง วัตถุดิบประกอบอาหาร และของใช้จำเป็น ได้ที่ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ เลขาที่ 7 ถ.กาญจนวนิช ซอย 7 ต. คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110 , วิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา เลขที่ 74 ถ.รามวิถี ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา 90000 , วิทยาลัยการอาชีพสิงหนคร (รัตน์ ประธานราษฎร์นิกร) อาคารอำนวยการ 88 ปี เลขที่ 105/4 หมู่ 7 ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา 90330 และวิทยาลัยการอาชีพบางแก้ว เลขที่ 210 หมู่ 6 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 93140 สิ่งของทุกชิ้นจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์พักพิง–ศูนย์ปรุงอาหาร–ศูนย์ถุงยังชีพ และครัวอาชีวะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง และในวันนี้ สอศ.ได้ขอรับบริจาคสิ่งของที่สำนักงาน สอศ.เพื่อเอาไปส่งให้พี่น้องที่หาดใหญ่ในเย็นวันนี้


ดร.พีรพงศ์ งามนิคม อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) และผู้ก่อตั้ง Protinos Foods Company Limited พร้อมด้วย ดร.ศิริลักษณ์ สุรินทร์ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประสบความสำเร็จในการพัฒนา ‘เส้นโปรตีนสูง’ (Protinos Noodle) นวัตกรรมอาหารสำหรับผู้สูงวัย เพื่อต่อสู้กับปัญหาภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว (Sarcopenia) ที่คุกคามคนไทยกว่า 9 ล้านคน เส้นโปรตีนสูงนี้อัดแน่นด้วยโปรตีนสูงถึง 20 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญ BCAAs ที่มีส่วนช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ 4 กรัม อีกทั้งไขมันต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล พร้อมจุดเด่นด้านเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเด้ง ทำให้ผู้สูงอายุสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยและได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน โดยได้รับทุนวิจัยสนับสนุนจากงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) งบประมาณปี 2567
ที่มาและแรงบันดาลใจจากงานวิจัย เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะภาวะ Sarcopenia หรือกล้ามเนื้อสลายตัว ซึ่งคุกคามผู้สูงอายุในไทยกว่า 9 ล้านคน แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการวิจัยและพัฒนาของ ดร.พีรพงศ์ งามนิคม อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Food Process and Engineering เผยว่า ปัญหาหลักของผู้สูงอายุคือการเบื่ออาหารและการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสี่ยงต่อการล้ม และต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล การนำองค์ความรู้ทางวิศวกรรมอาหารมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสรรค์ Protinos Noodle จึงเป็นคำตอบที่ผสมผสานทั้งสารอาหารที่ครบถ้วน และเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของผู้สูงวัย
ดร.ศิริลักษณ์ สุรินทร์ ได้อธิบายเสริมเกี่ยวกับความเป็นนวัตกรรมและจุดเด่นคือ หัวใจของ Protinos Noodle คือการใช้เทคโนโลยีการหมักด้วยเอนไซม์ ทำให้ได้เส้นโปรตีนที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเหนือกว่าบะหมี่ทั่วไปอย่างชัดเจน โดยออกแบบเนื้อสัมผัสที่มีความเหนียวนุ่มและเด้ง โดยความนุ่มอยู่ในระดับ IDDSI 4 ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยและง่ายต่อการเคี้ยวสำหรับผู้สูงอายุ ความสำเร็จนี้ได้รับการปกป้องด้วยนวัตกรรมภายใต้ Petty Patent ในด้าน Enzyme-assisted protein structuring ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้เกิดโครงสร้างเส้นที่นุ่มและเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ และยังรวมถึงสูตรการผสมผสาน BCAAs ในสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
ดร.พีรพงศ์ กล่าวอีกว่า Protinos Foods Co.,Ltd. วางกลยุทธ์การตลาดแบบสองทิศทาง ทั้งตลาด B2B ได้แก่ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และตลาด B2C ผ่านช่องทางออนไลน์และ Modern Trade และชูจุดแข็งของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ คุณค่าทางโภชนาการที่เหนือกว่าบะหมี่เพื่อสุขภาพทั่วไป ทำให้สามารถสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศไว้ที่ 3.6 ล้านบาทในระยะเริ่มต้น สำหรับแผนระยะยาวใน Phase 2 บริษัทเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมอาหารที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย
Protinos Noodle เป็นบทพิสูจน์สำคัญจาก มทร.ธัญบุรี ที่เปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมสูงวัย ผู้ที่สนใจนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพนี้ หรือองค์กรที่ต้องการเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมสนับสนุนโภชนาการที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Protinos Foods Company Limited เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและการป้องกันภาวะกล้ามเนื้อสลายตัวในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.68 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงวิกฤตสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักในหลายจังหวัดภาคใต้ว่า กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้อาจารย์ได้สั่งระดมกำลังวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยขณะนี้ได้สั่งการให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดสงขลา 5 แห่ง เปิดโรงครัวประกอบอาหารแห่งละ 500 กล่อง รวมกว่า 2,500 กล่องต่อวัน ส่งกระจายให้ประชาชนตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในอำเภอหาดใหญ่ อำเภอรัตภูมิ อำเภอนาทวี และอำเภอพะโค๊ะ เพื่อให้ชาวบ้านที่ติดอยู่ในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ได้รับอาหารและน้ำดื่มอย่างทั่วถึง พร้อมกันนี้ ได้ประสานวิทยาลัยจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก 3 วิทยาลัย เข้าตั้งโรงครัวเสริมในพื้นที่ศูนย์พักพิงที่จังหวัดจัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่อพยพออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมลึก
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนวิทยาลัยเทคโนโลยีพานิชนาวี จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดส่งเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ มาช่วยภารกิจเคลื่อนย้ายและลำเลียงสิ่งของในจังหวัดสงขลา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงผู้ประสบภัยในจุดที่รถไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และหากในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ระดับน้ำในอำเภอรัตภูมิ สงขลา กลับสู่ภาวะปกติ กระทรวงศึกษาฯ จะเร่งตั้ง ศูนย์ “Fix It Center” โดยเป็นความร่วมมือของวิทยาลัยในจังหวัดสงขลาและสุราษฎร์ธานี เพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตร รถจักรยานยนต์ และสิ่งของต่าง ๆ ของประชาชน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหลังน้ำลด ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการ จะเดินหน้าสนับสนุนทุกภารกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกหน่วยที่กำลังทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด

