“อรรถพล”ชี้ไทยต้องเร่งอัปสกิลรับ AI–หุ่นยนต์ หลังงานถูกแทนที่แล้วกว่า 1.4 ล้านตำแหน่งในภูมิภาค รองรับงานอนาคต

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2568 ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากรายงานใหม่ของธนาคารโลก Future Jobs: Robots, AI and Digital Platforms in East Asia and Pacific (2025) ชี้ให้เห็นว่า ตลาดแรงงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเปลี่ยนโฉมเร็วกว่าที่หลายประเทศคาด จากการเข้ามาของหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งผลให้ทั้งรูปแบบงาน ทักษะงาน และโครงสร้างตลาดแรงงานเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด

ดร.อรรถพล กล่าวต่อไปว่า โดยรายงานของธนาคารโลกระบุว่า ในช่วงปี 2018–2022 หุ่นยนต์ได้แทนที่แรงงานทักษะต่ำในภูมิภาคกว่า 1.4 ล้านตำแหน่ง แต่ในขณะเดียวกันกลับสร้างงานทักษะสูงใหม่กว่า 2 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตขั้นสูง นอกจากนี้ งานที่เกี่ยวข้องกับ AI ในภูมิภาคยังมีประมาณ 10% แม้จะต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่เฉลี่ยราว 30% แต่ตัวเลขดังกล่าวกำลังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนประเทศไทย มีความเสี่ยงอาจสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เนื่องจากแรงงานไทยกว่า 52% เป็นแรงงานนอกระบบ (informal) ซึ่งมีโอกาสเข้าถึงการฝึกอบรมและสวัสดิการน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน สัดส่วนใหญ่ของแรงงานไทยยังอยู่ในงานรูทีนซ้ำ ๆ ที่ AI สามารถเข้ามาช่วยหรือแทนได้บางส่วน เช่น งานธุรการ งานบริการ งานด้านเอกสาร และงานวิเคราะห์ข้อมูลขั้นต้น และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นสัญญาณเตือนด้านทักษะของประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาแรงงานใน 3 มิติ ได้แก่ 1.ทักษะดิจิทัลพื้นฐาน 2.ทักษะการใช้ข้อมูล (data skills) และ 3.ความเข้าใจการทำงานของ AI ในงานอาชีพต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันไทยมีแรงงานแพลตฟอร์มมากกว่า 2–2.5 ล้านคน ซึ่งกลายเป็นกำลังแรงงานใหม่ที่ต้องได้รับการคุ้มครองและสนับสนุนด้านทักษะเช่นเดียวกัน หากรัฐไม่เร่งพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการอัปสกิลอย่างครอบคลุม ไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากไทยเตรียมตัวได้ทันและเน้นการลงทุนด้านทักษะอย่างจริงจัง เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะ “ไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นโอกาสครั้งใหญ่” ในการยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพแรงงานไทยในระยะยาว

บอร์ด ก.ค.ศ. ให้ใช้เกณฑ์ ว 18/2566 ย้ายครู ครั้งที่ 1/2569 ชั่วคราว ระหว่างรอพัฒนาระบบ TRS ระยะที่ 3 ย้ำเวลาแค่เดือนกว่าทำไม่ทัน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 โดยเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคของพี่น้องข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ผ่านมา การเก็บข้อมูลเชิงวิจัย รวมทั้งการหารือร่วมกับคณะกรรมการในที่ประชุม ได้นำไปสู่การพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับการประชุมในครั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการย้ายข้าราชการครูซึ่งครูหลายท่านให้ความสนใจ และถือเป็นนโยบายสำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการให้ครูได้ย้ายกลับภูมิลำเนาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยคณะกรรมการวิเคราะห์ในหลายมิติแล้วเห็นว่าการย้ายข้าราชการครูในครั้งที่ 1 ปี 2569 ที่จะถึงนี้ ให้ระงับการย้ายข้าราชการครูผ่านระบบ TRS ตามหลักเกณฑ์ฯ ว 6/2567 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ เดิม หรือ 18/2566 มาใช้สำหรับการพิจารณาการย้ายข้าราชการครูไปพลางก่อน เนื่องจากสำนักงาน ก.ค.ศ. และทีมพัฒนาระบบได้ทบทวนและวางแผนดูแล้วว่า ระยะเวลาที่จะใช้ในการพัฒนาระบบ TRS ตอนนี้ไปจนถึงรอบการย้ายครั้งที่ 1/2569 มีระยะเวลาเพียงเดือนเศษ อาจทำให้การพัฒนาระบบ TRS เสร็จไม่สมบูรณ์และใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้ระบบสมบูรณ์ สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การย้ายที่พัฒนาให้มีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องของตำแหน่งว่าง จากเดิมที่ให้ระบุได้เพียง 1 วิชาเอกต่อ 1 อัตราว่าง ปรับเป็นสามารถระบุวิชาเอกได้สูงสุด 3 วิชาเอกต่อ 1 อัตราว่าง เพื่อความยืดหยุ่นในการพิจารณาย้าย รวมถึงการขยายพื้นที่ในการเลือกยื่นคำร้องขอย้าย โดยให้สามารถเลือกในสถานศึกษาใด ๆ ก็ได้ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอื่นในจังหวัดเดียวกัน และถึงแม้ว่าจะใช้หลักเกณฑ์เดิมชั่วคราว แต่ยังคงกำชับให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความโปร่งใส เป็นธรรมในการดำเนินการทุกขั้นตอน และการอำนวยความสะดวกให้กับครูที่ต้องการขอย้ายให้มากที่สุด

การลงพื้นที่เพื่อรับฟังเสียงของพี่น้องครูในแต่ละภูมิภาคที่ผ่านมา ทำให้เราได้เข้าใจถึงบริบทการจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการ และความต้องการที่แท้จริงของครู ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันทั้งด้านทรัพยากร บริบทแวดล้อม และความท้าทายในการจัดการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายที่ตอบโจทย์การปฏิบัติงานจริง โดยยืนยันที่จะพัฒนาระบบบริหารบุคลากรของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ทันสมัย มีความยืดหยุ่น ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อร่วมกันยกระดับการศึกษาของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว

ด้าน ดร.ธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า หลังจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. จะประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ แนวปฏิบัติ ข้อกำหนดและเงื่อนไข รายละเอียด องค์ประกอบ ตัวชี้วัด รวมทั้งปฏิทินการย้ายข้าราชการครูฯ เพื่อเป็นฐานรองรับในการพัฒนาระบบ TRS ต่อไป การนำ ว 18/2566 มาใช้ในการย้ายรอบที่ 1 ของปี 2569 นี้ ก็เพื่อให้การดำเนินการย้ายไม่ติดขัดในระหว่างกระบวนการพัฒนาระบบ TRS ระยะที่ 3 และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับข้าราชการครูให้สามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ก.ค.ศ. ยังได้เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพื่อใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งฯ ครูผู้ช่วยที่มีศักยภาพ มีพื้นฐานความรู้ เข้าใจและเห็นความสำคัญของการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

สอศ.ระดมอาชีวะเต็มกำลัง สนับสนุน ศูนย์พักพิงหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มีความห่วงใยถึงสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากว่า จึงได้สั่งการด่วนให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือและพักพิงผู้ประสบอุทกภัย ภายในโรงเรียน หาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางรองรับผู้ประสบภัยจากพื้นที่รอบข้าง
ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 4,000 คน เข้าพักอาศัย

เลขาธิการ กอศ. กล่าว่า ขณะนี้สอศ.ได้ลงพื้นที่และเร่งจัดทีมสนับสนุนโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ อ.หาดใหญ่ อย่างเร่งด่วน รวมถึงจัดส่งเรือ อาหารแห้ง อาหารพร้อมรับประทาน และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ โดยมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาหลายแห่งระดมกำลังเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี ได้เร่งลำเรียงเรือพร้อมอาหารกล่องสมทบไปยังศูนย์พักพิงแล้ว

“อาชีวะได้เร่งเครื่องเต็มกำลัง ส่งทีมบุคลากร-นักศึกษา และทรัพยากรลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนศูนย์ช่วยเหลือที่โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และพร้อมขยายการช่วยเหลือไปยังพื้นที่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด และวางแผนระดมทีมทำความสะอาด–ทีมช่างอาชีวะอาสา เข้าเคลียร์พื้นที่ที่สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนฟื้นฟูสถานศึกษา บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลังสถานการณ์คลี่คลายทันที”เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ สอศ. ได้ดำเนินการในจุดของสถานศึกษาอาชีวศึกษากว่า 10 แห่งในภาคใต้ ทั้งตั้งโรงครัวอาชีวะ จัดถุงยังชีพ ให้ความดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นที่สามารถดำเนินการ ซึ่งวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ได้จัดตั้งเป็นโรงครัวอาชีวะขนาดใหญ่ในการส่งต่ออาหารและน้ำดื่ม และบริการส่งในจุดทั้งโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ และที่ๆ สามารถเข้าถึงได้โดยดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานหลักในพื้นที่

 

เอาเรื่องจริงมาหยอก

หยอก หยอก วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ***ภัยพิบัติหมายถึง ภัยที่รุนแรง หรือเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อบุคคลเดียว หรือต่อผู้คนเป็นจำนวนมากไม่ว่าที่ใดที่เกิดภัยพิบัติย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน สิ่งของและ ผู้คนอย่างแสนสาหัส สร้างความลำบากในการดำเนินชีวิต สำหรับมหาภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นกับหาดใหญ่  ณ เวลานี้ หยอก หยอก ขอส่งกำลังใจให้ทุกคนปลอดภัย *** หาดใหญ่เจอ “ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี” ไม่ได้แปลว่า 300 ปีก่อนเคยตกแบบนี้ แต่เป็น คำทางสถิติอุทกวิทยา หมายถึงฝนที่มี โอกาสเกิดน้อยมาก เฉลี่ย 1 ครั้งใน 300 ปี หรือความน่าจะเป็นเพียง 0.33% ต่อปี จึงใช้เรียกเหตุการณ์ฝนที่ หนักผิดปกติ รุนแรงกว่าค่าเฉลี่ยหลายเท่า เพื่อบอกว่าครั้งนี้คือเหตุการณ์ที่หายากและรุนแรงเป็นพิเศษ…หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ หยอก หยอก คิดว่าถึงเวลาแล้วหรือ? ที่จะต้องล้างคนที่ทำไม่ดีออกไป…เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พระ ตำรวจ ก็ค่อย ๆ มีเรื่องที่ไม่ดีออกมาให้เห็น…ต่อไปก็เป็นคิว ข้าราชการ และนักการเมือง…เทา เทา…แล้วสินะ *** วันนี้มีประชุมคณะอนุกรรมการบริหารทรัพยากรบุคคล(อ.ก.บ.)ซึ่งมี ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)เป็นประธาน เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการ อ.ก.บ.เพื่อมาสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สกสค. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร จำนวน 77 จังหวัด โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน แทน ดร.ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการ สกสค.ซึ่งขั้นตอนต่อไป ก็จะเลือกกรรมการแต่ละชุดมาสัมภาษณ์ ซึ่งเดิมมี 4 ชุด เพื่อมาสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สกสค. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร ขอให้จับตาดูไทม์ไลน์ที่ระบุไว้ว่าจะให้จบในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ผู้อาสามาทำงานนี้บางคนสั่งให้ระบุวันที่ไว้…จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ หรือจะเสร็จก่อนปีใหม่เพียง 2-3 วัน…ก็จับตาดูกัน…หยอก หยอก ไม่อยากพูดเยอะ เพราะเมื่อเราเอาเรื่องจริงมาเปิดเผย ก็มีบางคนหาช่องทางจะฟ้องสื่อ…นี่คือประเทศไทย คนที่เอาความจริงมาเปิดเผยจะถูกแบน…555 *** ขอแสดงความยินดีกับศูนย์การศึกษาพิเศษ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษทุกแห่ง ที่วันนี้ได้รับการอนุมัติให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 318 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไปรายการเงินอุดหนุนสื่อและสิ่งอำนวยความสะดวก ให้กับผู้พิการ ที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา อดีต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)สั่งชะลองบฯไว้ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2568 นี่ก็เข้ามา 5 เดือนแล้ว คนพิการจะได้ใช้สื่อการเรียนรู้ซะที…***แต่ที่หยอก หยอก ติดใจ คือ ได้ข่าวว่ามีสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซูเอี๋ย สมรู้ร่วมคิด หาช่องทางพิเศษขายหนังสือ กับ ผู้มีอำนาจรับผิดชอบในการจัดซื้อหนังสือ จะจัดการอย่างไร เพราะตอนนี้ก็ระบาดไปถึงจังหวัดทางภาคตะวันตกให้ซื้อหนังสือแบบเรียนของสำนักพิมพ์นี้ 100% ได้แต่ขอให้ “ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี”เลขาธิการ กพฐ.คนปัจจุบัน ช่วยสแกนด้วย***ตอนนี้ น่าจะเป็นเรื่องปกติแล้วสำหรับบัตรสนเท่ห์ต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ตอนนี้ หยอก หยอก ก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ อ่านแล้วน่าจะเป็นเรื่องเขียนเอามันมากกว่า…แต่ถ้าเขียนแล้วมีหลักฐานก็ส่งมาได้…เด้อ ไม่ใช่เขียน หรือด่าคนเพื่อความสะใจ..นะคะ นะคะ***ตบท้ายด้วย..ข่าวว่าบางคนถูกนักการเมืองหลอก ตอนนี้จะขอข้อมูลจากใครก็ไม่ได้…นี่แหละที่เขาเรียกว่า***”ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” สุภาษิตไทย ที่สอนว่า หากเราก่อความทุกข์หรือทำเรื่องไม่ดีกับผู้อื่น ผลของการกระทำนั้นจะย้อนกลับมาหาตัวเองในที่สุด***…เอวัง

“พิเชฐ” นำทีมผู้บริหาร สพฐ. ลงพื้นที่หาดใหญ่ ตรวจศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ตั้ง“วอร์รูม” รับมือสถานการณ์ใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยนางสาวพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ รักษาการในตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน นายสราวุธ เดชมณีรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายตฤณ ก้านดอกไม้ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม ณ โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ประสบภัย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้พบปะผู้บริหาร ครู และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ เพื่อประเมินความพร้อมด้านสถานที่ การแบ่งพื้นที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม การแพทย์เบื้องต้น รวมถึงมาตรการดูแลนักเรียนและประชาชนที่อพยพมาอยู่ภายในศูนย์ โดยเน้นย้ำว่าโรงเรียนทุกแห่งภายใต้ สพฐ. ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์พักพิงต้องรักษาความสะอาดและความปลอดภัยตามมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างดีที่สุดในภาวะวิกฤต

นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร สพฐ.ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมตั้ง “ศูนย์วอร์รูม สพฐ.” ณ โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยแบบเรียลไทม์ รวบรวมข้อมูลจากโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงทั่วภาคใต้ พร้อมประสานการช่วยเหลือและสั่งการเร่งด่วนอย่างเป็นระบบ โดย เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า สพฐ. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้บริหาร ครู อปท. หน่วยกู้ภัย ไปจนถึงจิตอาสา ที่ร่วมกันรับมือสถานการณ์ครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง

“เกศทิพย์” ปลุกพลัง ชาว สกร. ครู ศศช.โชว์ฝีมือฝากผลงานในทุกที่ที่ปฏิบัติงาน ให้เป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ  

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 จากการประชุมปฏิบัติการจัดทำแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ของศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน
ชาวไทยมอแกน ในพื้นที่โครงการ กพด. และ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง”ในพื้นที่สูง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” ณ ระหว่างวันที่ 25 – 28 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหาร และครู จาก 14 จังหวัดทั้งภาคเหนือและภาคตะวันตก ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน พังงา เชียงราย พะเยา แพร่ ลำพูน ลำปาง กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์  ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ กล่าวว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ การเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้ของเด็กทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กในพื้นที่ห่างไกล และการทำงานของ สกร. คือหัวใจสำคัญในการทำให้เด็กเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

อธิบดี สกร. ได้กล่าวชื่นชมผลงานของคณะครูและผู้บริหารทุกคน โดยเฉพาะการร่วมรับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการประชุมวิชาการ กพด. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของครู ศศช.ที่แม้จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่จำกัด ทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ สัญญาณสื่อสาร และสภาพพื้นที่ แต่ทุกคนก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเข้มแข็งและงดงาม โดยตัวอย่างที่โดดเด่นและ เป็นภาพสะท้อนพลังการศึกษาในพื้นที่สูง ที่แม้จะมีข้อจำกัด แต่ก็เต็มไปด้วย “ศักยภาพที่งดงาม” และเป็นตัวอย่างของการจัดการเรียนรู้ที่ยึดบริบทจริงเป็นฐาน ซึ่ง สกร. จะสนับสนุนให้เกิดขึ้นในทุกศูนย์การเรียนทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านโอโลคีบน จังหวัดเชียงใหม่ ที่นำผลผลิตท้องถิ่นอย่าง “ใบพลู” มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ถ่ายทอดทักษะชีวิตและทักษะอาชีพจากบริบทจริงของชุมชน เกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เด็กลงมือทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวคิดด้านเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอีกหนึ่งโครงงานที่โดดเด่น คือ โครงงาน “ปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร” ของนักเรียนระดับประถม ศศช.บ้านพะอัน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การจัดการขยะอินทรีย์จากเศษอาหารที่มีอยู่จริงในชุมชน นำมาทำปุ๋ยหมักเพื่อลดปัญหาขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์ในการปลูกผักและพืชสวนของศูนย์การเรียน เป็นการเรียนรู้ที่แสดงให้เห็นว่า แม้เป็นชุมชนเล็ก ๆ และอยู่ห่างไกล แต่เด็ก ๆ สามารถสร้างคุณค่าจากสิ่งรอบตัวได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วัยเยาว์

นอกจากนี้ยังมีโครงงานปุ๋ยหมัก ซึ่งเป็นผลงานที่มีคุณค่าทางวิชาการและการประยุกต์ใช้ คือ โครงงานการผลิต “เชื้อราไตรโคเดอร์มา” ของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ศศช.บ้านเดลอปอบอ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ที่นักเรียนได้ทดลองเพาะเลี้ยงเชื้อราไตรโคเดอร์มา ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ใช้ควบคุมโรคพืชตามธรรมชาติ นำไปใช้ป้องกันเชื้อราในพืชผักท้องถิ่น ช่วยลดการใช้สารเคมี และสร้างองค์ความรู้ด้านเกษตรปลอดภัยให้เกิดขึ้นจริงในชุมชน ผลงานนี้ไม่เพียงเปิดโลกด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กในพื้นที่สูง แต่ยังเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ที่ประยุกต์สู่การดำรงชีวิตใกล้ตัวอย่างแท้จริง ครูและนักเรียนร่วมกันค้นคว้า ทดลอง และนำผลลัพธ์ไปใช้จริงในพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวคิดของ สกร.

ดร.เกศทิพย์ ได้ฝากข้อคิดในการทำแผนปฏิบัติงาน ว่า แผนปฏิบัติงานที่ดีไม่ใช่เพียงการเขียนแผนให้สมบูรณ์เท่านั้น แต่ต้องนำไปขับเคลื่อนในระดับสถานศึกษาให้เห็นผลต่อผู้เรียนอย่างแท้จริง  และในการปฏิบัติงานในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดก็ตาม สกร.จะทำให้ที่นั่นกลายเป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยฝีมือของครู ศศช. และทีมงาน สกร. ทุกระดับ อธิบดีจะอยู่เคียงข้างและสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกโอกาส

ด้านนางยุพิน บัวคอม รองอธิบดี สกร. กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ทุกหน่วยงานควรทบทวนทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2560–2569) ซึ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวมทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา ศักยภาพวิชาการและจริยธรรม อาชีพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การสืบทอดวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น การเชื่อมโรงเรียนสู่ชุมชน และการยกระดับสถานศึกษาเป็นศูนย์บริการความรู้ เพื่อให้ศูนย์การเรียนชุมชนทุกแห่งสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในปีงบประมาณต่อไป

 

 

“อาชีวะไม่ทิ้งพี่น้องหาดใหญ่”ลุยช่วยไม่หยุด ขอรับบริจาคสิ่งของฯ พร้อม เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว – ส่งเรือ พร้อมระดมทรัพยากร – พละกำลังอาชีวะจิตอาสา ช่วยประชาชนเต็มกำลัง

จากสถานการณ์ภัยพิบัติตามน้ำท่วมหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในรอบ 15 ปี  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวใต้ จึงได้สั่งการเร่งด่วน สั่งการให้สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมลงพื้นที่ช่วยประชาชนอย่างเต็มกำลัง

โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เร่งให้วิทยาลัยที่มีความพร้อมในพื้นที่ระดมทรัพยากร – กำลังอาชีวะจิตอาสาลงช่วยเหลือประชาชนแบบไม่รอช้า ขณะนี้ สอศ. เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวในสถานศึกษาเพื่อรองรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างเร่งด่วน โดยเปิดใช้งานทันที 2 แห่ง คือ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร จังหวัดสงขลา เพื่อให้ประชาชนมีสถานที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤต โดยทั้งสองแห่งจัดเตรียมพื้นที่ ห้องน้ำสะอาด เครื่องนอน แสงสว่าง น้ำดื่ม และจุดบริการอาหาร พร้อมทีมครู–บุคลากร–นักศึกษา อาชีวะจิตอาสาผลัดเปลี่ยนเวรดูแลและอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้ประสบภัยรู้สึกอุ่นใจ ซึ่งศูนย์พักพิงชั่วคราวทุกแห่งดำเนินการควบคู่กับการเปิดครัวอาชีวะและผลิตอาหารปรุงสุก

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า  นอกจากนี้ สถานศึกษาที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยรอบ พร้อมเปิดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวเพิ่มเติม ทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เพื่อให้สามารถรองรับประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยจะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ส่วนศูนย์ช่วยเหลือเบื้องต้นที่ วิทยาลัยเทคนิคจะนะ จังหวัดสงขลา

“ย้ำว่า สอศ.ทำงานบนหลักความปลอดภัยต้องมาก่อน โดยไม่อาจปล่อยให้ประชาชนเผชิญวิกฤตเพียงลำพัง อาชีวะพร้อมเปิดสถานศึกษาเป็นบ้านหลังที่สองให้กับทุกคน โดยการดำเนินงานดังกล่าวมีนักศึกษา–ครู–บุคลากร ผู้บริหาร ร่วมทำงานอย่างไม่รู้เหนื่อย นี่คือ DNA อาชีวะ ที่ชัดที่สุด—ลงมือจริง ทำงานด้วยจิตอาสาอย่างเต็มที่ และยืนเคียงข้างประชาชน”นายยศพล กล่าว ทั้งนี้ ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ได้รับรายงานว่า สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับมูลนิธิพุทธไทยสวรรค์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งทีมเรือ จำนวน 3 ลำ พร้อมอาหารแห้ง เข้าช่วยเหลือ นักเรียนนักศึกษาและประชาชน โดยจะออกเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในค่ำนี้ เพื่อเข้าพื้นที่จังหวัดสงขลาเพิ่มเติมด้วย

สำหรับจุดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถนำ สิ่งของ อาหารแห้ง วัตถุดิบประกอบอาหาร และของใช้จำเป็น ได้ที่ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ เลขาที่ 7 ถ.กาญจนวนิช ซอย 7 ต. คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110 , วิทยาลัยอาชีวศึกษาสงขลา เลขที่ 74 ถ.รามวิถี ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา 90000 , วิทยาลัยการอาชีพสิงหนคร (รัตน์ ประธานราษฎร์นิกร) อาคารอำนวยการ 88 ปี เลขที่ 105/4 หมู่ 7 ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา 90330 และวิทยาลัยการอาชีพบางแก้ว เลขที่ 210 หมู่ 6 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 93140 สิ่งของทุกชิ้นจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์พักพิง–ศูนย์ปรุงอาหาร–ศูนย์ถุงยังชีพ และครัวอาชีวะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง และในวันนี้ สอศ.ได้ขอรับบริจาคสิ่งของที่สำนักงาน สอศ.เพื่อเอาไปส่งให้พี่น้องที่หาดใหญ่ในเย็นวันนี้

สพฐ.ตั้งศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วมในโรงเรียน 102 แห่ง


เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ครั้งที่ 44/2568 โดยมี นายพิเชฐร์ วันทอง รองเลขาธิการ กพฐ. นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ รองเลขาธิการ กพฐ. และนางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการ สพฐ. ร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีการเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
นายพิเชฐ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา ซึ่งปีนี้รุนแรง ส่งผลกระทบ 9 จังหวัด 25 เขตพื้นที่ นักเรียนกว่า 76,000 คน ครูกว่า 6,700 คน และโรงเรียนเสียหาย 732 แห่ง สพฐ. สั่งเขตพื้นที่ลงช่วยเหลือเร่งด่วนตามข้อสั่งการรองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.ศธ. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดย สพฐ. ได้เปิดศูนย์พักพิงในโรงเรียน 102 แห่ง พร้อมรายงานจำนวนผู้พักพิงเพื่อจัดสรรงบฉุกเฉินด้านอาหารและของจำเป็น รวมถึงจัดการเรียนแบบ On-hand และเตรียมสอนชดเชยหลังน้ำลด พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อของบซ่อมแซมอาคารเรียนและบ้านพักครู รวมถึงสั่งตรวจสอบระบบไฟฟ้าทุกโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมเพื่อความปลอดภัยก่อนเปิดเรียน ในด้านงบประมาณปี 2570 สพฐ. ขอให้เขตพื้นที่ส่งข้อมูลตามกำหนด ยกเว้น 25 เขตภาคใต้ที่สามารถเลื่อนเวลาได้ และเตรียมเสนอ ครม. ของบซ่อมแซมหรือสร้างบ้านพักครูใหม่กว่า 10,000 หลังทั่วประเทศ

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 สพฐ. จะจัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วประเทศ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้ร่วมงานกว่า 2,000 คน และเชื่อมต่อออนไลน์กว่า 400,000 คน มีรองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส เป็นประธาน และ รมว.ศธ. มอบนโยบายด้านประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง พร้อมแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนงานศึกษากับเขตพื้นที่ 245 เขตทั่วประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างโอกาสให้นักเรียนทั่วประเทศ

มทร.ธัญบุรี ปั้นนวัตกรรม ‘เส้นโปรตีน 20 กรัม’ ช่วยผู้สูงวัยสู้กล้ามเนื้อสลาย ด้วยเทคโนโลยีเอนไซม์สุดล้ำ

ดร.พีรพงศ์ งามนิคม อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) และผู้ก่อตั้ง Protinos Foods Company Limited พร้อมด้วย ดร.ศิริลักษณ์ สุรินทร์ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประสบความสำเร็จในการพัฒนา ‘เส้นโปรตีนสูง’ (Protinos Noodle) นวัตกรรมอาหารสำหรับผู้สูงวัย เพื่อต่อสู้กับปัญหาภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว (Sarcopenia) ที่คุกคามคนไทยกว่า 9 ล้านคน เส้นโปรตีนสูงนี้อัดแน่นด้วยโปรตีนสูงถึง 20 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญ BCAAs ที่มีส่วนช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ 4 กรัม อีกทั้งไขมันต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล พร้อมจุดเด่นด้านเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเด้ง ทำให้ผู้สูงอายุสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยและได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน โดยได้รับทุนวิจัยสนับสนุนจากงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) งบประมาณปี 2567

ที่มาและแรงบันดาลใจจากงานวิจัย เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะภาวะ Sarcopenia หรือกล้ามเนื้อสลายตัว ซึ่งคุกคามผู้สูงอายุในไทยกว่า 9 ล้านคน แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการวิจัยและพัฒนาของ ดร.พีรพงศ์ งามนิคม อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Food Process and Engineering เผยว่า ปัญหาหลักของผู้สูงอายุคือการเบื่ออาหารและการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสี่ยงต่อการล้ม และต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล การนำองค์ความรู้ทางวิศวกรรมอาหารมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสรรค์ Protinos Noodle จึงเป็นคำตอบที่ผสมผสานทั้งสารอาหารที่ครบถ้วน และเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของผู้สูงวัย
ดร.ศิริลักษณ์ สุรินทร์ ได้อธิบายเสริมเกี่ยวกับความเป็นนวัตกรรมและจุดเด่นคือ หัวใจของ Protinos Noodle คือการใช้เทคโนโลยีการหมักด้วยเอนไซม์ ทำให้ได้เส้นโปรตีนที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเหนือกว่าบะหมี่ทั่วไปอย่างชัดเจน โดยออกแบบเนื้อสัมผัสที่มีความเหนียวนุ่มและเด้ง โดยความนุ่มอยู่ในระดับ IDDSI 4 ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยและง่ายต่อการเคี้ยวสำหรับผู้สูงอายุ ความสำเร็จนี้ได้รับการปกป้องด้วยนวัตกรรมภายใต้ Petty Patent ในด้าน Enzyme-assisted protein structuring ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้เกิดโครงสร้างเส้นที่นุ่มและเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ และยังรวมถึงสูตรการผสมผสาน BCAAs ในสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
สำหรับการนำไปประกอบอาหารและเวทีนวัตกรรม เพื่อตอกย้ำว่า Food Innovation คือ เนื้อสัมผัสที่โดดเด่น Protinos Noodle ได้รับเลือกให้เข้าร่วมนำเสนอในงาน FOREFOOD COHORT #5 DEMO DAY ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Forefood Accelerator จัดโดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (FoodInnopolis) สวทช. ร่วมกับ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในงานนี้ ทีมงานได้สร้างสรรค์เมนูพิเศษนั่นคือ ‘เส้นโปรตีน ผัดพริกแห้ง กระเทียม กุ้ง’ โดยใช้เส้นโปรตีนสูงเป็นวัตถุดิบหลัก เมนูนี้แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่แค่เมนูสำหรับผู้ป่วย แต่ยังสามารถสร้างสรรค์เป็นเมนูฟิวชั่นรสเลิศที่คนทุกวัยสามารถบริโภคได้ เป็นการเปิดประสบการณ์อาหารอนาคต ที่มีโภชนาการสูงและรสชาติที่ดีไปพร้อมกัน
ดร.พีรพงศ์ กล่าวอีกว่า Protinos Foods Co.,Ltd. วางกลยุทธ์การตลาดแบบสองทิศทาง ทั้งตลาด B2B ได้แก่ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และตลาด B2C ผ่านช่องทางออนไลน์และ Modern Trade และชูจุดแข็งของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ คุณค่าทางโภชนาการที่เหนือกว่าบะหมี่เพื่อสุขภาพทั่วไป ทำให้สามารถสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศไว้ที่ 3.6 ล้านบาทในระยะเริ่มต้น สำหรับแผนระยะยาวใน Phase 2 บริษัทเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมอาหารที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย

Protinos Noodle เป็นบทพิสูจน์สำคัญจาก มทร.ธัญบุรี ที่เปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมสูงวัย ผู้ที่สนใจนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพนี้ หรือองค์กรที่ต้องการเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมสนับสนุนโภชนาการที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Protinos Foods Company Limited เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและการป้องกันภาวะกล้ามเนื้อสลายตัวในประเทศไทย

 

สั่งอาชีวะลุยช่วยน้ำท่วมภาคใต้ เปิดโรงครัว 8 แห่งทำอาหาร 2,500 กล่องต่อวัน ส่งถึงมือชาวหาดใหญ่–รัตภูมิ–นาทวี–พะโค๊ะ พร้อม เตรียมตั้งศูนย์ Fix It ฟื้นฟูหลังน้ำลด

เมื่อวันที่ 24 พ.ย.68 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงวิกฤตสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักในหลายจังหวัดภาคใต้ว่า กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้อาจารย์ได้สั่งระดมกำลังวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ โดยขณะนี้ได้สั่งการให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดสงขลา 5 แห่ง เปิดโรงครัวประกอบอาหารแห่งละ 500 กล่อง รวมกว่า 2,500 กล่องต่อวัน ส่งกระจายให้ประชาชนตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในอำเภอหาดใหญ่ อำเภอรัตภูมิ อำเภอนาทวี และอำเภอพะโค๊ะ เพื่อให้ชาวบ้านที่ติดอยู่ในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ได้รับอาหารและน้ำดื่มอย่างทั่วถึง พร้อมกันนี้ ได้ประสานวิทยาลัยจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีก 3 วิทยาลัย เข้าตั้งโรงครัวเสริมในพื้นที่ศูนย์พักพิงที่จังหวัดจัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่อพยพออกมาจากพื้นที่น้ำท่วมลึก

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนวิทยาลัยเทคโนโลยีพานิชนาวี จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดส่งเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ มาช่วยภารกิจเคลื่อนย้ายและลำเลียงสิ่งของในจังหวัดสงขลา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงผู้ประสบภัยในจุดที่รถไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และหากในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ระดับน้ำในอำเภอรัตภูมิ สงขลา กลับสู่ภาวะปกติ กระทรวงศึกษาฯ จะเร่งตั้ง ศูนย์ “Fix It Center” โดยเป็นความร่วมมือของวิทยาลัยในจังหวัดสงขลาและสุราษฎร์ธานี เพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตร รถจักรยานยนต์ และสิ่งของต่าง ๆ ของประชาชน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหลังน้ำลด ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการ จะเดินหน้าสนับสนุนทุกภารกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกหน่วยที่กำลังทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด