“ตรีนุช” นำทีมองค์กรหลักศธ.ลงพื้นที่สระแก้ว ดูการศึกษาตลอดชีวิต พร้อมมั่นใจ ร่างพ.ร.บ.ด้านการศึกษา 2 ฉบับผ่านโหวตสภาฯสมัยหน้าแน่นอน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.สุภัทรจำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อตรวจเยี่ยมโรงเรียน และติดตามการฉีดวัคซีนของนักเรียนอายุ 12-18ปี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)พร้อมทั้งเปิดงานมหกรรมวิชาการการจัดการศึกษา กศน. ตามวาระเร่งด่วน (Quick win) ของกระทรวงศึกษาธิการรวมถึงเปิดเวทีศักยภาพครูและผู้เรียน การแลกเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้แบบ Active  learning ที่สอดคล้องกับหลักสูตรฐานสมรรถนะ

โดย ..ตรีนุช กล่าวระหว่างเป็นประธาน เปิดงานโครงการงานมหกรรมวิชาการการจัดการศึกษา กศน. ตามวาระเร่งด่วน (Quick win) ของกระทรวงศึกษาธิการที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสระแก้ว ว่าจากการรับฟังรายงาน ตนได้เห็นถึงความพยายามและความสำเร็จในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ของ กศน.สระแก้ว ตามวาระเร่งด่วน (Quick win) ของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งในส่วนของวาระที่ 1 ความปลอดภัยของผู้เรียน วาระที่ 5 พัฒนาทักษะอาชีพ และ วาระที่ 6 การศึกษาตลอดชีวิต ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมของ กศน. ให้แพร่หลายในวงกว้างสู่สาธารณชน ผ่านรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ที่ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ตามความต้องการ และความพร้อมของตนเอง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษา ให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ประชาชนผู้ขาดโอกาส และประชาชนผู้พลาดโอกาส ตลอดจนประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยชรา ก่อให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาในทุกพื้นที่ทุกมิติ ลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กับสำนักงาน กศน. สถานศึกษาในสังกัด กศน. และที่สำคัญ คือ การบูรณาการกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายระดับต่างๆ เพื่อร่วมจัดกิจกรรม ที่สำคัญการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชุมชน เจ้าของแหล่งเรียนรู้ต่าง ตลอดจนการทำกิจกรรมที่มีความหลากหลาย ในฐานะที่ดิฉันเองก็เป็นคนของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสระแก้วและคนไทยทั้งประเทศ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ และขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ร่วมให้การสนับสนุนในการจัดการศึกษาได้เป็นอย่างดี ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ช่วยกันพัฒนาการศึกษา พัฒนาประชาชน ให้ชุมชนของเรามีความเข้มแข็ง สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเป็นพลังในการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาให้สำเร็จในก้าวต่อไป

 จากนั้น ..ตรีนุช ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ลงมาตรวจเยี่ยมดูการฉีดวัคซีน ว่าไปถึงไหนแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดภาคเรียน และยืนยันว่าวัคซีนไฟเซอร์ จะเพียงพอกับจำนวนนักเรียนกว่า 5 ล้านคนแน่นอน และจากการได้รับรายงานทราบว่ามีผู้ปกครองยินยอมให้ลูกหลานฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การลดช่องว่างสำหรับเด็กที่อาจจะตกหล่นในการศึกษา กศน. ก็จะเข้าไปเติมเต็มรองรับเด็กกลุ่มนี้ได้นอกจากนี้เราก็จะมาดูเรื่องโคกหนองนาซึ่งเป็นเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ได้รับการชื่นชม ซึ่งตนจะลงไปให้กำลังใจผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อื่นๆด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า เรื่องของ กระบวนการเรียนรู้แบบActive  learning ก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ที่จะส่งเสริมสมรรถนะซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนของกระทรวงศึกษาธิการ ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ให้เข้าใจ ซึ่งตนจะมารับฟังดูว่าอบรมไปแล้ว มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ หรือไม่ เพื่อนำไปแก้ไขให้เหมาะสมอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่าง ...ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต .. …ที่ตกไปพร้อมกับ...การศึกษาแห่งชาติ .ในการประชุมรัฐสภาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะมีการนำเข้าพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ ..ตรีนุช กล่าวว่า ทั้ง2ฉบับ จะนำเข้าพิจารณาในการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญประจำปีในเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

สอศ.เร่งทำเรื่องเยียวยา 2,000 บาท นักศึกษา ป.ตรีสถาบันอาชีวะกว่าหมื่นคน

ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำหนังสือหารือไปยัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ กรณีนักศึกษาระดับปริญญาตรี สถาบันการอาชีวศึกษา ใน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากโครงการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครองนักเรียนและนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ซึ่งเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนของนักเรียน นักศึกษา คนละ 2,000 บาท นั้น

เมื่อวันนี่ 7 ตุลาคม 2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวว่า การเยียวยานักศึกษาระดับปริญญาตรี ทาง สภาพัฒน์ได้ตอบกลับมาแล้ว ว่าให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) คือ รัฐบาลสนับสนุนให้ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสนับสนุนโดยสถาบันเอง

“เรื่องนี้ ผมได้หารือกับผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาแล้ว เขาสามารถบริหารจัดการได้ แต่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ต้องทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขออนุมติใหม่ เนื่องจากที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้สอบถามไปสภาพัฒน์ให้ใช้หลักเกณฑ์ของ อว. ดังนั้น ครั้งแรกครม.ได้อนุมัติจึงไม่มีระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษา เพราะที่ครม.อนุมัติเป็นการดำเนินการตามกรอบการเยียวยาของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะฉะนั้นเราต้องทำเรื่องเสนอไปใหม่ พร้อมกับข้อมูลระดับปริญญาตรี ซึ่งมีประมาณ 10,500 คน ถ้าได้รับอนุมัติมาก็สามารถดำเนินการได้ทันที”เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ สอศ.จะเร่งดำเนินการทำเรื่องเสนอ ครม.โดยเร็ว เพื่อให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษาได้รับการเยียวยาเช่นเดียวกับนักศึกษาในสังกัดอื่นๆ

สพฐ.รอแนวปฏิบัติสอบครูผู้ช่วย ณ ที่ตั้ง เสร็จเตรียมคัดเลือกบุคลากร 38 ค (2) ต่อส่วนครูผู้ช่วย ว16 กับ รอบทั่วไปรอหน่อย

  • เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ดร.อัมพร  พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (...) เห็นชอบปรับวิธีการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยทั่วไปสพฐ.ประจำปี 2564 จากเดิมต้องสอบในจังหวัดที่สมัครเท่านั้น มาเป็นสมารถสอบในจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนา หรือจังหวัดที่อาศัยในปัจจุบันได้ เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายหรือการเดินทางข้ามจังหวัด ส่วนรายละเอียด และปฏิทินการจัดสอบนั้น ขณะนี้สำนักงานก... อยู่ระหว่างยกร่างหลักเกณฑ์แนวทางวิธีการจัดสอบ หลังจากนั้นจึงจะสามารถกำหนดปฏิทินดำเนินการได้

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของสพฐ. มีการสอบที่ค้างอยู่คือสอบครูผู้ช่วยทั่วไป เปิดรับ 1 หมื่นอัตรา  การรับสมัครบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ 16 กว่า 4 พันอัตรา การคัดเลือกบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 .(2) โดยน่าจะดำเนินการคัดเลือกบุคลากร 38.(2) ได้ก่อน เพราะแต่ละจังหวัดมีคนสอบน้อย และเป็นการดำเนินการโดยคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ตามมาด้วย สอบครูผู้ช่วย 16 และสอบครูผู้ช่วยรอบทั่วไป เป็นลำดับสุดท้าย เพราะมีผู้เข้าสอบจำนวนหลายแสนคน

คาดว่าจะสามารถจัดสอบคัดเลือกบุคลากรทั้ง 3 ตำแหน่งได้ในเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคม ซึ่งหากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคคิดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นเช่นปัจจุบัน ก็ไม่น่าจะมีปัจจัยเสี่ยง อีกทั้งจะมีวัคซีนทยอยเข้ามา ความเสี่ยงก็น่าจะน้อยลง ส่วนปัญหาหาขาดแคลนครูนั้น ยังไม่ถือว่า วิกฤต เพราะขาดตามอัตราว่างที่เปิดสอบ โดยเฉลี่ยของประเทศ ไม่ได้ขาดเป็นรายโรง อีกทั้งยังมีการบรรจุครูพัฒนาท้องถิ่นเข้าไปทดแทนในหลายพื้นที่  นอกจากนี้ยังเตรียมอบรมพัฒนาก่อนบรรจุแต่งตั้ง ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ สพท. และรองผู้อำนวยการโรงเรียนที่สอบขึ้นบัญชีไว้ ให้แล้วเสร็จเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปดร.อัมพร กล่าว

สอศ. รับปรับหลักสูตรอาชีวะให้ทันโลกอาชีพ โดยการปรับลดวิชาสามัญ เพิ่มวิชาชีพที่สร้างสมรรถนะให้แก่ผู้เรียน

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า จากนโยบาย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทบทวนปรับปรุงหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัย รับการเปลี่ยนแปลงกับโลกอาชีพ ซึ่งตั้งเป้าเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2565 นั้น ขณะนี้ สอศ. ได้วางแนวทางการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้อาชีวศึกษาแนวใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและสามารถดำเนินการได้ในช่วงระยะเวลาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ยังมีการแพร่ระบาด   โดยแนวทางการปรับและพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้อาชีวศึกษาแนวใหม่ ซึ่งจะนำไปใช้ทั้งในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และใช้ในการจัดการศึกษา ทั้งในระบบ นอกระบบ และระบบทวิภาคี  สอศ.จะดำเนินการในส่วนของการปรับหลักสูตร ให้มีความยืดหยุ่น และเชื่อมโยงกับการสำเร็จการศึกษา และการมีงานทำ โดยการปรับลดรายวิชาสามัญ เพิ่มรายวิชาชีพที่สร้างสมรรถนะให้แก่ผู้เรียน  และบูรณาการวิชาสามัญและวิชาชีพในชุดวิชาเดียวกัน       ที่เรียกว่าการจัดหลักสูตรแบบโมดูล (Modular System) เพื่อส่งเสริมผู้เรียนในด้านสมรรถนะของงานอาชีพ และจัดการเรียนรู้ แบบสะสมหน่วยการเรียนรู้ หรือเรียกว่าธนาคารหน่วยกิต หรือเครดิตแบงก์ (Credit Bank) ที่จะเป็นการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ โดยกำหนดรูปแบบการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เรียน สามารถสะสมผลการเรียนรู้ในแต่ละวิชา แต่ละทักษะ องค์ความรู้ที่ต้องการ และนำมาสะสมไว้เพื่อการศึกษาต่อในระดับต่าง ๆ

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ก็จะมีการส่งเสริมจัดการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง Block course และพัฒนาหลักสูตรเพื่อรองรับให้กับกลุ่มผู้ที่สำเร็จการศึกษาและยังไม่มีงานทำ กลุ่มผู้เรียนที่ตกหล่นจากระบบการศึกษา และคนวัยทำงาน หรือผู้ที่ต้องการ Up-Skill, Re-Skill รวมถึงการเรียนรู้ในห้องเรียน และการเรียนรู้แบบออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานะการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีความซับซ้อน โดยการเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น และการทบทวนทักษะความชำนาญ ให้มีมิติในห่วงโซ่คุณค่าของสาขาอาชีพ ทั้งด้านตำแหน่งงาน งานวิกฤติ สมรรถนะกำลังคนและความสามารถทางด้านเทคโนโลยี ฯลฯ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

“สอศ. ได้เร่งดำเนินการจัดทำร่างและแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรเพื่อนำเสนอให้กับคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผ่านคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 4 คณะได้แก่คณะอนุกรรมการฯ ด้านหลักสูตรอาชีวศึกษาและมาตรฐานคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา ด้านการกำหนดนโยบายเป้าหมายการผลิต และพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา และกฎหมาย ด้านความร่วมมือในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา และด้านการติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษาและการมีงานทำ รวมถึงคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ อศ.) พร้อมทั้งการดำเนินการ ในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 รวมทั้งกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศหลักเกณฑ์ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอาชีวศึกษา เพื่อให้สามารถดำเนินการประกาศใช้หลักสูตร และรูปแบบการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาแนวใหม่ในปีการศึกษา 2565 ต่อไป”ดร.สุเทพ กล่าว

 

“อนุทิน-ตรีนุช”ตรวจเยี่ยมฉีดไฟเซอร์เด็กที่สุรศักดิ์มนตรี “หมอหนู”ย้ำไฟเซอร์ปลอดภัยสุดสำหรับเด็ก ณ เวลานี้

 

เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 6 ตุลาคม 2564 ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข  และน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กนอกโรงพยาบาล โดยนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข ในการนำวัคซีนไฟเซอร์มาฉีดให้เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี  โดยจะเร่งระดมฉีดให้นักเรียนทั่วประเทศให้ทันเปิดภาคเรียนในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยยังมีเวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการเร่งฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็ก อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณผู้ปกครองที่อนุญาตให้ลูกหลานมารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันว่าวัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพสูง สามารถป้องกันการแพร่เชื้อโควิด 19   ได้ และที่สำคัญจะทำให้ผู้ได้รับเชื้อที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่มีอาการป่วยหนักและโอกาสเสียชีวิตน้อยมาก เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการได้รับวัคซีนมีมากกว่าไม่ได้รับหลายเท่าตัว

นายอนุทิน กล่าวว่า เด็กอายุ 12-18 ปี ทั่วประเทศมีประมาณ 5 ล้านคน ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับการยืนยันจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คือ มาลงทะเบียนแล้ว 3.8 ล้านคน  ซึ่งอีกประมาณ 1 ล้านคน เราก็ต้องทำความเข้าใจกับพ่อแม่ เพื่อให้มีความมั่นใจ ให้ผู้ปกครองอนุญาตให้เด็กมาฉีด สำหรับการบูสเข็ม 3 แก่เด็กนักเรียนนั้น ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์ 2เข็ม ถือว่าภูมิคุ้มกันมีมากพอที่จะทำให้เด็กปลอดภัยได้ ยังไม่ต้องกังวล แต่ถ้ามีการศึกษายืนยันว่าสมควรได้รับเข็ม 3 เราก็พร้อมจะหาให้นักเรียน

ด้าน น.ส.ตรีนุช กล่าวถึงการเปิดภาคเรียนในเดือนพฤศจิกายนว่า เบื้องต้นการฉีดวัคซีนเป็นการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดความรุนแรงจากการรับเชื้อ แต่มาตรฐานที่สำคัญที่สุดคือมาตรการรักษาระยะห่าง การสวมแมส ส่วนการเปิดเรียนจะต้องมีการประเมินจากในพื้นที่อีกครั้งว่าโรงเรียนสามารถอยู่ในมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และการให้เด็กมาโรงเรียนก็ต้องอยู่ภายใต้วิถีใหม่ อีกทั้งโรงเรียนก็มีหลายขนาด ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งมีเด็กต่ำกว่า 120 คน สามารถใช้มาตรการรักษาระยะห่างได้  แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดูบริบทของโรงเรียนด้วย อย่างโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีมีนักเรียน 2พันกว่าคน ก็อาจให้สลับวันกันมา ขณะเดียวกันก็ต้องดูเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อโควิด19 ด้วย  แต่เบื้องต้นการมีวัคซีนทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น

6 ต.ค.”ตรีนุช”ควง อนุทิน ลงดูเด็กฉีดไฟเซอร์ ที่ ร.ร.สุรศักดิ์มนตรี เผยคิกออฟวันแรกเด็กมีอาการ3คน

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2564 ดร.สุภัทร  จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า วันที่ 6 ตุลาคม น.ส.ตรีนุช  เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะลงพื้นที่ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีน นักเรียน ซึ่งนักเรียนที่นี่ลงชื่อฉีดวัคซีนกว่า 2,000 คน  สำหรับยอดคิกออฟฉีดวัคซีนวันแรก 4 ตุลาคมใน 13 เขตสุขภาพ 15 จังหวัด 15 โรงเรียน  อยู่ที่ประมาณกว่า 10,000 ราย สาเหตุที่ตัวเลขมีไม่มากเพราะเป็นวันเริ่มต้นฉีด  แต่จะปูพรมเร่งฉีดทั่วประเทศในวันที่ 5-7 ตุลาคม  ยกเว้นจังหวัดนนทบุรี ที่จะฉีดในวันที่ 15-17 ตุลาคม ซึ่งจะฉีดที่ เมืองทองธานี และตัวเลขผู้ปกครองยินยอมให้ลูกฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นตอนนี้  3,757,218 ล้านคน จากตัวเลขนักเรียน นักศึกษาทั้งหมด 5,023,686 คน ซึ่งคาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคิกออฟฉีดวัคซีนวันแรก ตนได้รับรายงานว่าส มีนักเรียนชายเกิดอาการแน่นหน้าอกหลังการฉีดวัคซีน 3 ราย ที่จังหวัดชัยนาถ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นไว้ติ่งอักเสบ1 ราย ส่วนที่เหลือ ไม่พบอาการผิดปกติและได้กลับไปที่พัก ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ยังไม่ได้รับรายงาน สำหรับข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขออกมาให้ข้อมูลว่าให้เด็กผู้ชายฉีดเข็มเดียวก่อน ก็ต้องรออาการหลังฉีด แต่อย่างไรก็ตามศธ.ก็ได้ขอวัดซีนเตรียมไว้อยู่แล้ว

ด้าน ดร.อัมพร  พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เท่าที่ดูภาพรวมการฉีดวัคซีน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีรายงานเด็กได้รับผลกระทบ ทั้งนี้จะเร่งดำเนินการฉีดทั้งครูและนักเรียนเพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2564 วันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ต้องดูปัจจัยความเสี่ยงด้านการแพร่ระบาดประกอบด้วย หากพพื้นที่ใด มีความพร้อมตามหลักเกณฑ์ของสธ.ก็สามารถจะเปิดเรียนได้

“ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า ทุกโรงเรียนจะต้องเปิดเทอมพร้อมกันวันที่ 1 พฤศจิกายน และหากโรงเรียนประกาศเปิดเทอม ก็ไม่จำเป็นว่า ต้องมาเรียนพร้อมกันทั้งหมด อาจใช้วิธีสลับวันมาเรียน เพื่อลดความเครียดจากการเรียนออนไลน์ ทั้งหมดอยู่ที่ความพร้อม ผลลการประเมินความเสี่ยง และการพิจารณาของ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จังหวัด  ส่วนการจัดการเรียนการสอน ระหว่างเด็กที่ได้รับวัคซีนแล้ว กับเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนนั้น ขึ้นอยู่กับโรงเรียนบริหารจัดการ เช่น แยกห้องเรียน แต่ทั้งหมดต้องยึดมาตรการของสธ. เป็นหลักเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปด้วยความปลอดภัยสูงสุด”เลขาธิการกพฐ. กล่าว

มจพ. คว้า 3 รางวัลออกแบบอาคารอนุรักษ์พลังงาน ฉลากระดับดีมากและดี พร้อม4โล่ประกาศเกียรติคุณ  

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ ห้องประชุม 215 รศ.ดร. สันชัย อินทพิชัย ที่ปรึกษาอธิการบดี ฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัยและระบบงานพัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.กฤษชัย ศรีบุญมา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืน ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ มกระธัช ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาสิ่งแวดล้อมและกายภาพ ดร.สราวุฒิ สืบแย้ม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการคลังและกิจการทั่วไป อาจารย์ภูริน หล้าเตจา คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ และนางเสาวรส แสนสุข ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่และยานพาหนะ ร่วมกันรับมอบรางวัลฉลากแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานประจำปี 2563 ตามโครงการกำกับดูแลและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์มาตรฐานอาคารพลังงาน (BEC) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดย ดร.สาร์รัฐ ประกอบชาติ ผู้อำนวยการกองกำกับและอนุรักษ์พลังงาน ให้เป็นเกียรติเป็นประธานมอบรางวัล  และมีผู้บริหาร บุคลากรทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน

รางวัลประกอบด้วย

รางวัลฉลากระดับดีมาก 2 รางวัล ได้แก่ อาคารอุทยานเทคโนโลยี มจพ. กรุงเทพฯ และอาคารศูนย์วิจัยและฝึกอบรมอุตสาหกรรมเหล็ก มจพ.วิทยาเขตระยอง ศูนย์มาบตาพุด

รางวัลฉลากระดับดี 1 รางวัล ได้แก่ อาคารวิทยาศาสตร์การกีฬา มจพ. วิทยาเขตระยอง

รางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ 4 รางวัล ได้แก่ อาคารวิทยาศาสตร์การกีฬา อาคารอุทยานเทคโนโลยี อาคารศูนย์วิจัยและฝึกอบรมอุตสาหกรรมเหล็ก และอาคารปฎิบัติการเทคโนโลยีขั้นสูง
โดยผลงานแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานทั้ง 4 อาคารดังกล่าวพิจารณาตามกรอบการออกแบบ 4 ด้าน คือการออกแบบระบบเปลือกผนังอาคาร ระบบหลังคา ระบบการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ และระบบแสงสว่างภายในอาคาร ในภาพรวมสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าร้อยละ 50 ของสัดส่วนการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารเป็นไปตามกรอบนโยบายของ มจพ. ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) โดยการส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการพลังงานภายในมหาวิทยาลัยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกทั้งเป็นการส่งเสริมมหาวิทยาลัยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นไปตามกรอบการพัฒนาระดับสากล Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ

รางวัลออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานนี้ เป็นการยืนยันความสำเร็จในการพัฒนา มจพ. วิทยาเขตระยอง ให้เป็นต้นแบบแห่งมหาวิทยาลัยสีเขียว เพื่อการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างเป็นรูปธรรม  มจพ. พร้อมเดินหน้าผลักดันและส่งเสริมการออกแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานต่อยอดร่วมกับนวัตกรรม งานวิจัยและประดิษฐกรรมภายใน มจพ. เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมนี้ตลอดไป

อว.จ้างงาน U2Tระยะที่ 2 อีก1.5 แสนคน ครอบคลุม 7,435 ตำบลทั่วประเทศ ฟื้นฟูหลังโควิด-19คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2564 ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยภายหลังประชุมโครงการ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล ในระยะที่ 2 ร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า อว.อยากจะทำอะไรที่มีผลดีต่อประเทศ อย่างปีที่ผ่านมาเราเอา U2Tไปช่วยเรื่องโควิดก็ได้ผลเป็นอย่างมาก ในขณะนี้เราก็จะนำ U2Tไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่ง U2T นั้นเปรียบเสมือนกำลังสำรองของรัฐบาล ส่วนปีหน้า อว.จะทำเรื่องเศรษฐกิจภูมิภาค และ BCG ซึ่งจะเป็นวาระแห่งชาติ เราต้องการให้เด็กเข้าใจวาระแห่งชาติ รู้จักยุทธศาสตร์ของชาติ ไม่ใช่ทำไปเรื่อย เราจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง มีประโยชน์ มีรูปธรรม และสามารถช่วยพัฒนาประเทศชาติได้

ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. กล่าวว่า โครงการ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล มีการกระจายการจ้างงานอยู่ในพื้นที่ 3,000 ตำบลทั่วประเทศ ครบทุกจังหวัด มีองค์ประกอบของการจ้างงานบัณฑิต ประชาชน นักศึกษา อยู่ที่ 60,000 คน ขณะนี้จ้างงานได้สูงสุด 97.5% และยังมีกิจกรรมในแง่ของการยกระดับเศรษฐกิจ มีเงินหมุนเวียนจากการจ้างงานมากกว่า 700 ล้านบาท ในการเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ ก.พ. -ปัจจุบัน งบประมาณโครงการโดยรวมอยู่ที่ 10,629 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 7,283 ล้านบาท

“ส่วน โครงการ U2T ระยะที่ 2 จะเป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นและต่อยอดจากระยะที่ 1 ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ 1.การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 2.การดูแลเศรษฐกิจชุมชน แก้ไขปัญหาต่างๆ ตามบริบทของชุมชน และ 3.การจ้างงานบุคลากรที่มีความรู้ มุ่งเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เป็นประเด็นสำคัญ จะมีการปฏิบัติงาน 7,435 ตำบลทั่วประเทศ จ้างงาน 150,000 คน และจะมีเพิ่มในเรื่องของการยกระดับเศรษฐกิจรายตำบลและการจัดทำข้อมูล Community Big Data เป้าหมายของโครงการจะเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน การบูรณาการใช้ข้อมูลที่มีอยู่รองรับการฟื้นฟูของประเทศหลังจากผ่านจากวิกฤตโควิด-19 สำหรับ 3,000 ตำบลที่มีการจ้างงานอยู่แล้วก็จะเป็นการต่อยอดจากระยะที่ 1 เมื่อจบโครงการในระยะที่ 2 แล้วทุกๆตำบลของประเทศไทย ก็จะได้รับการจ้างงานอยู่ในระดับเดียวกัน ในระยะที่ 2 โดยประมาณการงบประมาณที่ประเมินไว้อยู่ที่ 4,727 ล้านบาท”ปลัด อว.กล่าว

ปลัดศธ.เผย ผู้ปกครองทยอยแจ้งชื่อลูกฉีดไฟเซอร์เพิ่ม

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2564 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยถึงความคืบหน้า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนตั้งแต่อายุ 12-18 ปี ว่า ตอนนี้ มีผู้ปกครองยินยอมให้ลูกหลานฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นกว่าแสนคนแล้ว เป็น 3.7 กว่าล้านคน จากเดิม 3.61 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องสื่อสารกันใหม่ ว่า ผู้ปกครองท่านใดที่ยังลังเลว่าจะให้ลูกฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้แจ้งรายชื่อให้ทางโรงเรียนขอให้รีบแจ้ง เพราะเข็มแรกลอตแรกน่าจะฉีดครบประมาณวันที่ 20 ต.ค.นี้ และสัปดาห์หน้าวัคซีนลอตที่2ก็จะเข้ามาอีก ซึ่งคาดว่าจะถึงเขตสุขภาพประจำอำเภอในวันที่ 13 ต.ค.2564

“นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าวัคซีนลอตที่สองจะมาอีก 1.5 ล้านโดส และจะทยอยมาเรื่อย ๆ จนครบ 8 ล้านโดส ในเดือนตุลาคม ดังนั้นเด็กจะได้รับวัคซีนครบ2เข็มปลายเดือนพฤศจิกายนแน่นอน จึงขอฝากให้ผู้ปกคอรงที่ยังลังเลว่าจะให้ลูกฉีดวัคซีน รีบแจ้งรายชื่อให้โรงเรียนเพื่อจะได้จัดสรรวัคซีนให้”ดร.สุภัทร กล่าว