ด่วน!ศธ.แจ้งดาวน์โหลดแบบฟอร์มฉีดวัคซีนนักเรียนได้แล้วที่ https://www.moe.go.th/

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2564 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว “เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า” โดยจะเริ่มฉีดวัคซีน Pfizer ให้นักเรียนนักศึกษาที่มีอายุ 12-18 ปี ตั้งแต่มัธยมต้น มัธยมปลาย และครอบคลุมไปถึงระดับ ปวช./ปวส. ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในเดือนตุลาคมนี้ นั้น ขณะนี้ศธ. ได้จัดทำเอกสารแบบฟอร์มสำรวจ,สรุป,แสดงความประสงค์,และแบบคัดกรองการฉีดวัคซีนนักเรียน ให้หน่วยงานและสถานศึกษาทุกสังกัด สามารถดาวน์โหลดได้แล้ว

ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้แบบฟอร์มดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. แบบสำรวจการฉีดวัคซีน Pfizer ในนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า แต่ละห้องเรียน 2. แบบสรุปจำนวนนักเรียน/นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ที่มีความประสงค์รับวัคซีน Pfizer แยกแต่ละสถานศึกษา 3. แบบสรุปจำนวนนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ที่มีความประสงค์รับวัคซีน Pfizer รายจังหวัด 4. เอกสารแสดงความประสงค์ของผู้ปกครองเพื่อให้นักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 5. แบบคัดกรองก่อนรับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักเรียน/นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า 6. ตัวอย่าง หนังสือแจ้งการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า และ 7. แบบสรุปผลการให้บริการวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า โดย ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร สื่อวีดิทัศน์ InfoGraphic เพื่อใช้ประโยชน์ในการสื่อสาร สร้างการรับรู้ ได้ที่ https://www.moe.go.th/

“ตรีนุช”ย้ำงานตรวจติดตาม ลงพื้นที่อย่างกัลยาณมิตร ไม่ใช่จับผิด อย่าสร้างภาระให้สถานศึกษา

เมื่อวันที่ 16 .. ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมทางไกลมอบนโยบายการตรวจติดตามเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า เราอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้ว และต้องอยู่ในสถานการณ์นี้ไปอีกระยะหนึ่ง การใช้ชีวิตวิถีใหม่แบบNew Normal และการเรียนรู้ต่างๆยังต้องดำเนินต่อไป ซึ่งการศึกษาเป็นความคาดหวังของสังคม และเป็นหน้าที่ของศธ. ที่ต้องทำให้ลูก หลานของเราเข้าถึงการเรียนรู้ได้ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ซึ่งการตรวจติดตามเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษานี้มีผู้รับผิดชอบหลัก 3 กลุ่มประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการ ศธ., ประธานกรรมการกลุ่มพื้นที่การศึกษาประจำเขตตรวจราชการ (Cluster) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) และที่ปรึกษาอาชีวศึกษา รวม 30 กว่าคน โดยผู้รับผิดชอบหลักนี้ถือเป็นข้อต่อสำคัญในการเชื่อมนโยบาย ศธ.กับเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา โดยจะนำผลการตรวจติดตามสื่อสารกลับมาที่ส่วนกลาง เพื่อนำข้อมูลสู่การแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

การลงพื้นที่ตรวจติดตามฯ ไม่ใช่การตรวจสอบ ต้องเป็นแบบกัลยาณมิตร ไม่สร้างภาระงานให้โรงเรียน เป็นการสนับสนุน หรือ SUPPORTER เน้นข้อเท็จจริงเชิงคุณภาพครอบคลุมทุกมิติ ลดภาระงานที่ไม่จำเป็น ต้องเรียบง่ายกระชับตรงประเด็น ซึ่งผู้รับผิดชอบหลัก 3 กลุ่มจะดูการจัดการศึกษาของทุกสังกัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ทั้งการศึกษาสายสามัญศึกษา และอาชีวศึกษา ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน โดยค้นหาปัจจัยที่สำคัญในระดับพื้นที่ สถานศึกษา ที่สะท้อนสภาพปัจจุบันและปัญหา เพื่อนำสู่การสนับสนุนส่งเสริม รู้ปัญหาได้เร็วขึ้นและแก้ปัญหาได้ทันที อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาศธ.ได้ดำเนินการตามนโยบายต่างๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสอน 5 รูปแบบ การลดภาระนักเรียน ลดภาระครู ลดภาระผู้ปกครอง แต่ก็ยอมรับว่าผู้ปฏิบัติยังมีความกังวลสงสัยในนโยบายบางอย่าง ส่งผลให้การปฏิบัติตามนโยบายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้น ขอให้คณะผู้ตรวจติดตามฯได้ดูว่าการปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ มีปัญหา หรือ มีอุปสรรคอะไรบ้าง เพราะแต่ละโรงเรียน แต่ละพื้นที่ก็มีบริบทที่แตกต่างกัน ขณะที่นโยบายออกแบบกลางๆ และกำหนดแนวปฏิบัติไว้กว้างๆ เมื่อลงสู่การปฏิบัติอาจแตกต่างได้ จึงขอให้ทุกท่านช่วยสื่อสารสร้างความเข้าใจในนโยบายและหากพบปัญหาอุปสรรคอะไร ก็สื่อสารกลับมาที่ส่วนกลาง เพื่อปรับนโยบายและทิศทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขให้เหมาะสมสามารถปฏิบัติในพื้นที่ได้จริงรมว.ศธ. กล่าวและว่า หลังจากนี้ตนจะลงพื้นที่ตรวจติดตามด้วยตนเองในบางพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ขอกำชับให้ผู้รับผิดชอบคำนึงถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

..ตรีนุช กล่าวด้วยว่า เราต้องแบ่งเบาภาระสถานศึกษา ให้ทำงานด้วยความอุ่นใจเช่น เรื่องการฉีดวัคซีนให้นักเรียน นักศึกษา อายุ12-18 ปี ที่ต้องดำเนินการตามปฏิทินการฉีดวัคซีนและช่วยสนับสนุนแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ รวมถึงโครงการ Sandbox safety zone in school (sss) เปิดเรียนมั่นใจ ปลอดภัยไร้โควิด-19 ด้วยการจำกัด บุคคลเข้าออกโรงเรียนอย่างชัดเจน และจะมีการคัดกรอง โดยใช้วิธีRapid Antigen Test เน้นการ ทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal และการเปิดเรียนที่สถานศึกษา หรือการดูแลนักเรียนที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งต่างๆเหลานี้ ต้องประสานงานกับสถานศึกษาและสาธารณสุขจังหวัดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน.

โปรดเกล้าฯแล้ว นายกสภาฯ-กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มทร.ล้านนา

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ วันที่ 15 กันยายน 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จำนวน14 ราย ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2558 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 29 เมษายน 2558 และต่อมาได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2560 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2560 นั้น เนื่องจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งที่ 39/2558 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2561 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 เรื่อง การกำหนดรายชื่อสถาบันอุดมศึกษาอื่น ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2559 เรื่องการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่  12 กรกฎาคม 2559 และกระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่ง ที่ สกอ. 380/2561 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 และ ที่ สกอ. 1319/2561 ลงวันที่ 28 กันยายน 2561 ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล .. 2558 ที่ประชุมคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ครั้งที่ 34(10/2563)เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม2563 จึงได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งผู้สมควรดำรงตำแหน่งใหม่รวม 15 ราย ดังนี้

         1. นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ เป็น นายกสภามหาวิทยาลัย

         2. นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

         3. พลเอก ธีระเดช ฉัตรเสถียรพงศ์ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

         4. นางบุปผา ชวะพงษ์ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

        5. นายปิยะวัติ บุญหลง เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

        6. นายไพโรจน์ วิริยจารี เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

        7. นายวิจิตร รักราษฎร์ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

        8. นายศเนติ จิรภาสอังกูร เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

       9. นายสำเรียง เมฆเกรียงไกร เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒ

       10. นายสุรชัย ขวัญเมือง เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

       11. นายสุรชาติ หนองคาย เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

       12. นางอัจฉรา ชีวะตระกูลกิจ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

       13. นางอารี วิบูลย์พงศ์ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

       14. นางอาวรณ์ โอภาสพัฒนกิจ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

      15. นางอุษณีย์ คำประกอบ เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ

        และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว

        บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตามที่เสนอทุกราย

        ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

 

ประกาศ วันที่ 14 กันยายน 2564

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ดอน ปรมัตถ์วินัย

รองนายกรัฐมนตรี

เกิดอะไรกับวงการศึกษาไทย

คำถามที่ต้องการคำตอบ “ทำไมการศึกษาไทยถึงถอยหลัง” เจอคำถามนี้เข้าไป ก็คงต้องย้อนไปที่โคลงสี่สุภาพที่ประพันธ์โดย มล.ปิ่น มาลากุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปูชนียบุคคลของวงการศึกษาไทย ที่ว่า

กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด

การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น

แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น

การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม

ในอดีต เรายังมีโอกาสเห็นกล้วยไม้ที่ออกดอกงดงาม ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็ได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ…

จริงอยู่การศึกษาอาจไม่สำเร็จได้ในเร็ววัน มองเห็นผลได้ในทันที เหมือนการทำถนน และด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้การศึกษาเรียนรู้ มีช่องทางที่หลากหลาย ไม่จำกัดแต่เพียงในโรงเรียน แต่มีแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนมากมายที่เปิดให้ทุกคนสามารถท่องโลก แสวงหาความรู้ได้ตลอดเวลา อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นหนทางพัฒนาให้การศึกษาก้าวไปข้างหน้า แต่น่าแปลกใจว่า ทำไมจึงยังเกิดข้อสงสัยว่า การศึกษาไทยถ้าไม่ถอยหลังก็หยุดอยู่กับที่ ยังไม่ก้าวไปข้างหน้า

เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น คนที่รัฐบาลเลือกให้มาคุมบังเหียนกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงเกรดเอ ได้รับงบประมาณมากที่สุดในระดับต้น ๆ ดูแลเด็กทั้งในและนอกระบบนับสิบล้านคน และยังมีครูอีกเป็นล้านคน  ดูแลการศึกษาของคนส่วนใหญ่ตั้งแต่เกิดจนตาย ต้องถือว่ากระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงสร้างคน แต่ระยะเวลา 7-8 ปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็น “เสนาบดี”ยังไม่มีคนพอจะสายตรงทางการศึกษาเลย นับตั้งแต่ ทหารเรือ ทหารบก คุณหมอ แล้วก็มาถึงนักการเมือง จนดูเหมือนว่าการศึกษานับแต่จะถอยหลัง ทำท่าจะดีขึ้นหน่อยสุดท้ายก็เละไม่เป็นท่า

ความเป็นกระทรวงคุณครู ภาพจำของคนคือ เป็นกระทรวงคุณภาพ สร้างคนดี คนเก่ง โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม แต่ในภาพความเป็นจริงกลับตรงข้ามมีแต่เรื่องฉาว เรื่องราวการทุจริต ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

เชื่อเถอะไม่ว่าใครมาเป็นเสนาบดีแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดไหน ก็ไม่ได้ทำงานแบบใส ๆ มือไม้สะอาด เพราะแต่ละคนจะมีบรรดาคณะทำงานลิ่วล้อตามมาเป็นขบวน“สั่งการ”แทนนาย แทนที่จะมุ่งทำงานพัฒนาการศึกษาเพื่อเด็กเยาวชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ  แต่กลับทำการคอรัปชั่นเชิงนโยบายอย่างถูกกฎหมายที่เราไม่รู้เท่าทัน ใช้เงื่อนไขทางการเมืองในการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง  ยิ่งไปกว่านั้นบางกลุ่มยังเข้ามาล้วงลึกถึงไส้  แม้กระทั่งงบประมาณที่เก็บไว้ในยามวิกฤต ก็ยังถูกล้วงขึ้นมาใช้ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวบ่อนทำลายกำลังใจคนทำงาน ถึงว่าการศึกษาไทยถึงไม่ไปไหนซักที

Focusnews.in.th ถ้าพูดกันตรง ๆ เราก็คือหมาเฝ้าบ้าน ถึงแม้จะทำหน้าที่ไม่ 100% แต่ก็ยังดีกว่าเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะปล่อยผ่านไป ไม่ทำอะไรเลย  เราอาจจะเป็นสื่อตัวเล็ก ๆ แต่อย่างน้อยก็ขอสะกิด เตือน ๆ  และตีแผ่ความไม่ชอบธรรม ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับวงการศึกษาไทย

 

ทีมข่าว Focusnews.in.th

ศธ.แจงขั้นตอนฉีดวัคซีนนักเรียนอายุ12-18 ปี

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2564 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)กล่าวในรายการพุธเช้า ข่าวสพฐ.เพื่อชี้แจงขั้นตอนแนวปฏิบัติการฉีดวัคซีนนักเรียนอายุ 12-18 ปี ให้กับครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)แจ้งว่าในเดือนกันยายน ตุลาคม วัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาถึงประเทศไทยประมาณ 10 ล้านโด๊ส ซึ่งเพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่12-18 ปี 4.35 ล้านคน ซึ่งเข็มที่1 และเข็มที่2 จะฉีดทิ้งห่างกัน 3 สัปดาห์ โดยการฉีดวัคซีน ศธ.ขอให้ฉีดในสถานศึกษาที่กำหนดไว้แต่ละแห่ง ดังนั้นภายในเดือนตุลาคมนักเรียนจะได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยเน้นในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดก่อน

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่วันนี้  เป็นต้นไป ผู้บริหารสถานศึกษา ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา จะต้องซักซ้อมความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนและให้ข้อมูลกับผู้ปกครองเข้าใจด้วย ทั้งนี้ ศธ.ได้ทำคลิปวีดีโอให้ความรู้เรื่องการฉีดวัคซีน ว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร โดยมี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ. อุดม คชินทร  ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ มาให้ความรู้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา ก็ต้องเร่งรัดจัดทำรายชื่อนักเรียนที่สมัครใจฉีดวัคซีนทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อส่งให้สาธารณสุขจังหวัด/กรุงเทพมหานคร จัดสรรวัคซีน เพื่อให้โรงเรียนระดับชั้นมัธยมต้น มัธยมปลายและอาชีวศึกษา สามารถเปิดภาคเรียนได้ในเดือนพฤศจิกายน นี้

ข่าวฉาววังจันทรเกษม

หยอก หยอก

***หยอก หยอก วันที่ 14 กันยายน 2564 ***วันนี้เราจะพูดถึงข่าวสารบ้านเมืองที่เป็นประเด็นร้อนของรัฐบาล หลังจากปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ออกจากตำแหน่ง และการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่แว่วดังมากว่ารอบนี้มีชื่อ “ตรีนุช เทียนทอง”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ “ครูเหน่ง” ติดโผมีโอกาสถูกปรับไปด้วย เพราะอะไร มาฟังอีกมุมหนึ่งที่สื่อนอกกระทรวงเสมายังรู้ดีกว่า *** เมื่อเขาลือกันว่า“วังจันทรเกษม” ที่ทำการกระทรวงศึกษาธิการ ยุคที่มี “ตรีนุช เทียนทอง” เป็นเจ้ากระทรวง เป็นยุค “เสมาฉาว”

เสมาฉาว!? | Manager Online | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/1vvBqm?utm_source=lineshare

กับ เมื่อรมว.ศึกษาฯ “สอบตก” “ตรีนุช”ติดบ่วงปรับ ครม.
https://www.bangkokbiznews.com/politics/959702?anf= ซึ่งสื่อนี้ได้พูดถึงการตั้งโต๊ะรับเงินซื้อตำแหน่ง ที่ หยอก หยอก ก็เคยเปรยไว้แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีสื่อนอกรั้วจันทรเกษมจะออกมาแฉ..ได้มันขนาดนี้ ซึ่งก็ต้องชื่นชม คารวะสักพันครั้ง ที่กล้าออกมาปูดพฤติกรรม “สารวัตร ม.”กับ“คุณพ่อบ้าน” ที่ทำตัวเป็น “รัฐมนตรีเงา”***สำหรับเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการนั้น เรื่องนี้เขาปิดกันให้แซดว่าอะไรเป็นอะไร ข้าราชการจะตายกันหมดแล้ว แต่ใครน้อ..เป็นคนชี้เป้างบประมาณทั้งหมดของกระทรวงฯให้กับนักการเมืองพวกนี้ให้รู้ยันตับไตไส้พุง***ปรับโหมดมาถึงเรื่องการสร้างภาพรัฐมนตรีศึกษา ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่ม แต่หลัก ๆ ต้องยกให้คนใกล้ชิดสนิทสนมคนนี้ (ขอตั้งเป็นนามสมมุติว่าคุณ”อ”ละกันนะ) เพราะรู้สึกว่านางจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลมาก สามารถขึ้นเสียงสั่งการข้าราชการใด้ทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่ระดับ11 หยอก หยอก ก็เจอมากับตัวเอง นางชักสีหน้าใส่ เวลาซักถามรัฐมนตรีในฐานะนักข่าว ..เสียดาย ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้..ฮา… และก็ไม่รู้ว่าคลิปที่ให้เด็กนักเรียนอวย”ตรีนุช”จ่ายเงินเยียวยา2,000 บาท เป็นฝีมือใคร ***ตบท้ายด้วยมีข่าวแว่วมาว่า ศ.กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ สั่ง ตรีนุช สอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งมีเอี่ยวเรื่องหลักสูตรฐานสมรรถนะ จริงหรือไม่***กลิ่นฉาวขนาดนี้ไม่รู้ไปถึงหู “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือเปล่า แต่ก็เป็นไปได้ว่า น่าจะได้คำตอบว่า..ไม่รู้ ***

“ประเสริฐ”แจ้งสุขภาพแย่ ลาออกจากตำแหน่ง รองเลขาฯสกสค.แล้ว

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2564  นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคบากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้นายประเสริฐ บุญเรือง รองเลขาธิการสกสค. ได้มาแจ้งขอลาออกจากตำแหน่ง โดยได้ทำหนังสือยื่นใบลาออกแล้วเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้นายประเสริฐ ได้ให้เหตุผล ว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งก็สามารถเข้าใจได้ เพราะนายประเสริฐ เองก็ทำงานหนักมาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ซึ่งตนก็ยอมรับและเคารพการตัดสินใจของนายประเสริฐ

นายธนพร กล่าวต่อไปว่า การลาออกของนายประเสริฐ จะกระทบกับงานที่นายประเสริฐดูแลอยู่หรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่กระทบ อย่างงานนิติกร ด้านกฎหมายผมก็ลงไปช่วยดูแลด้วยตัวเองอยู่แล้ว และ จะมีผลกระทบต่อการประเมินผลงานเลขาธิการสกสค. หรือไม่นั้น คิดว่าไม่กระทบ เพราะเป็นการประเมินงานเลขาธิการสกสค. และส่วนตัวก็คิดว่าที่ผ่านมาทำงานเต็มที่ไม่มีปัญหาแน่นอน

“ตรีนุช” หนุนเต็มที่ ใช้ Big Data กับงานการศึกษา

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564  ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา และ นายคมกฤช จันทร์ขจร ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ประชุมหารือถึงข้อเสนอในการพัฒนา Big Data ด้านการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ คณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยการพลิกโฉมด้วยระบบดิจิทัล โดยเป็นการประชุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโปรแกรม Cisco WebEx

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.นพ.ชัยเลิศ พิชิตรพรชัย ประธานคณะทำงานขับเคลื่อน Big Data ด้านการศึกษา รายงานผลการดำเนินงานต้นแบบ (Prototype) ข้อมูลนักเรียนปีการศึกษา 2562 โดยแสดงตัวเลขให้เห็นถึงความสำคัญของ Big Data ว่าสามารถเข้ามาช่วยวิเคราะห์การสนับสนุนผู้เรียนที่อยู่กระจายตัวได้อย่างไร สามารถเลือกข้อมูลแยกตามภูมิภาค รายจังหวัด ข้อมูลอัตราการเข้าเรียน และข้อมูลการออกกลางคัน โดยยกตัวอย่างหากใช้ข้อมูลเลข 13 หลัก จะทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายหัวได้

สำหรับด้านครู ข้อมูลตัวเลขสามารถวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มจำนวนครูเกษียณอายุราชการใน 5-10 ปีข้างหน้า และวางแผนการจัดสรรให้เหมาะสมกับความต้องการในอนาคต อย่างไรก็ตามปัจจุบันข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เบื้องต้นเป็นการกรอกข้อมูลรายบุคคลจากโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งยังขาดความเชื่อมโยงร่วมกับกระทรวงอื่น ที่จะช่วยให้เกิดความแม่นยำของข้อมูล จึงเสนอการผลักดันให้เกิด (ร่าง) พระราชบัญญัติ.การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา เพื่อเป็นกฎหมายพื้นฐานในการบูรณาการข้อมูลของกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกัน

ส่วน นายอรรถการ ตฤษณารังสี ประธานอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยการพลิกโฉมด้วยระบบดิจิทัล สรุปผลโครงการ ‘ED’s Possible’ แมวมอง ตามหาไอเดีย พลิกโฉมการเรียนรู้ของเด็กไทย ร่วมกับบริษัท อินสครู จำกัด เปิดพื้นที่ให้คนไทยได้ร่วมแบ่งปันการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ 3ด้าน ได้แก่ ผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และพลเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งได้คัดเลือก 75 ไอเดียต้นแบบ เป็นผู้ได้รับรางวัลInspiring Learning Designer โดยมีไอเดียการจัดการเรียนการสอนที่น่าสนใจ เช่น ไอเดีย Space Biologist คาบเรียนที่ให้เด็กได้เป็นผู้เรียนรู้ ค้นคว้าคำตอบผ่านการเป็นนักชีววิทยาอากาศ, ไอเดียบุกคลสำคัญ คาบเรียนที่เด็กเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมในการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้บุคลากรในโรงเรียน ทำให้ผู้เรียนเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, ไอเดียภาพตัวแทนของคนอาเซียน คาบเรียนที่ให้เด็กเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ผ่านมุมมองการสำรวจความคิดของตนเองกับคนในอาเซียน ทำให้ผู้เรียนเคารพความหลากหลายในเชื้อชาติ นอกจากนี้ ยังขยายผลไอเดียที่เกิดขึ้นสู่ห้องเรียนทั่วประเทศผ่านหนังสือนักออกแบบการเรียนรู้ และเผยแพร่ผ่าน Facebook Fan Page Inskru-พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอน ซึ่งมีผู้เข้าถึงกว่า 636,775 คน

ทั้งนี้ ..ตรีนุช  กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีความยินดีที่จะผลักดันการใช้ข้อมูลBig Data ร่วมกับการวิเคราะห์ วางแผนนโยบายในการบริหารงาน พร้อมผลักดันข้อกฎหมาย 2 ฉบับ คือ (ร่าง) พระราชบัญญัติการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา และ (ร่าง) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา และร่วมตั้งข้อสังเกตถึงการสังเคราะห์ตัวชี้วัดการนำข้อมูลมาใช้งานในเชิงบริหารงานของข้อมูล Big Data ที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่การใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งนี้ขอขอบคุณครูไทยที่ร่วมเสนอไอเดียการจัดการเรียนการสอนยุคใหม่ ในโครงการ‘ED’s Possible’ และเชื่อว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนวิธีคิดและปรับแผนการสอนที่พลิกโฉมการศึกษาไทยต่อไป 

ผู้ปกครองจี้”สช.”เปิดสนามสอบ SATห่วง นร.อินเตอร์ กว่า1พันคน ไม่มีมหาลัยเรียนต่อ

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564  นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ได้นำกลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียน ที่จะได้รับผลกระทบจากการการยกเลิกการสอบวัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ( SAT) เข้าพบดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) เพื่อสอบถามความชัดเจน เรื่องศูนย์สอบวัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ (กรณีการใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนในระบบประเภทนานาชาติ)ว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2564  ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ปกครองได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (ศบค.) เพื่อสอบถามความชัดเจนตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 6 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งหนังสือแจ้งเลื่อนการใช้สถานที่จัดสอบ SAT ในวันที่ 28 สิงหาคม 2564 จาก สช. สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  แต่ยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ

นางสาวนภาพร กล่าวต่อไปว่า ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนฯที่มาในวันนี้ได้รับผลกระทบจากประกาศและคำสั่งของศบค. เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุม สูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูงฯ  ที่ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลเพื่อลดความเสี่ยงในการติดต่อสัมผัสกันที่สามารถแพร่โรคได้ ส่งผลให้ สช. สั่งระงับศูนย์สอบเลื่อนการจัดสอบ SAT ใน วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ออกไปก่อน ทําให้ศูนย์สอบหลายโรงเรียน เลื่อนการจัดสอบไปเป็นวันที่ 25 กันยายน 2564 และมีบางโรงเรียน ยกเลิกการจัดสอบไป ทําให้กลุ่มนักเรียนในหลักสูตรนานาชาติไม่มีโอกาสในการสอบ เพื่อใช้ยื่นสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในหลักสูตรนานาชาติในรอบ portfolio ซึ่งเหลือเพียงการสอบในรอบวันที่ 25 กันยายน  และ 2 ตุลาคม 2564นี้ เท่านั้น  โดยการจัดสอบดังกล่าวมีความจําเป็นอย่างยิ่งต่อการยื่นสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษา ต่อในระดับอุดมศึกษาในหลักสูตรนานาชาติในรอบ portfolio ซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประกาศ กําหนดการเริ่มรับสมัครรอบ Portfolio วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ถ้าเด็กได้มีโอกาสสอบก็จะทําให้การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสในการสอบครั้งสุดท้ายของนักเรียนที่จะ สามารถยื่นสมัครรอบ Portfolio อย่างไรก็ตาม การยกเลิกการสอบเนื่องจากสถาณการณ์ โควิด-19 หลายครั้ง ทําให้นักเรียนจํานวนมากยังไม่มีหรือมีคะแนนสอบไม่เพียงพอในการสมัครสอบศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

ด้าน ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) กล่าวว่า สช.รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวอยู่  โดย สช.ได้ทำหนังสือถึง ศบค.ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อให้พิจารณาให้สามารถใช้อาคารของโรงเรียนในการจัดสอบได้  ซึ่ง ศบค.ก็อนุญาตให้ใช้แล้ว แต่มีเงื่อนไขต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในแต่ละพื้นที่พิจารณา อย่างไรก็ตาม สช.ได้ทำเรื่องถึงปลัดกระทรวงศึกษาธิการลงนามไปถึง ศบค. เพื่อให้ ศบค.อนุญาตเชิงหลักการอีกครั้ง จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังผู้เกี่ยวข้องให้จัดสอบให้ทันต่อไป

เปิดแผนความพร้อมรับเปิดเทอม ระดมฉีดไฟเซอร์ครบ 2 เข็มก่อนเรียนออนไซต์       

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 13 กันยายน 2564 ที่กระทรวงศึกษาธิการ มีการแถลงข่าว “เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า” โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  เป็นประธาน มี ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย และ รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว

น.ส.ตรีนุช  กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างใกล้ชิด โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นห่วงเรื่องการเรียนการสอนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่งที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (ศบค.) ชุดใหญ่ ที่ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.เป็น ประธาน ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาทุกสังกัด ที่มีอายุ 12 ปี จนถึง 18 ปี จำนวนกว่า 4.5 ล้านคน ซึ่งรวมถึงเด็กสังกัด ศธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันระหว่าง ศธ. กับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เพราะเชื่อว่าการเรียนที่ดีที่สุดคือเรียนที่โรงเรียน โดยการฉีดวัคซีน Pfizer ให้แก่นักเรียน นักศึกษา จะเริ่มให้เร็วที่สุดในราวต้นเดือนตุลาคม โดยทางกรมควบคุมโรคจะไปวางแผนตารางการกระจายวัคซีนอีกครั้ง ขณะเดียวกันจะมีการวางมาตรการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับผู้ปกครองถึงความจำเป็นและความสำคัญรวมถึงผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน เพื่อสำรวจความต้องการและความยินยอมของผู้ปกครองด้วย โดยคาดว่าปลายเดือนกันยายนนี้จะได้ข้อมูลสรุปจำนวนนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้การฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มอายุ 12-18ปี จะอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดก่อน

“สำหรับภาคเรียนที่ 2 ซึ่งเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะมีรูปแบบการเรียนการสอนอย่างไร ต้องดูว่า วัคซีนมาตามแผนหรือไม่ ต้องประเมินสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร โดยศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สาธารณสุขจังหวัด ต้องร่วมกันประเมินว่าจะสามารถเปิดเรียนในโรงเรียนได้หรือไม่ โดยเน้นความปลอดภัยของเด็กเป็นที่ตั้ง ส่วนข้อกังวลว่าถ้าเด็กได้รับวัคซีนแล้ว เปิดเรียนในโรงเรียนแล้ว แต่มีการติดเชื้ออีก ก็มีแผนเผชิญเหตุรองรับอยู่ถ้าต้องปิดโรงเรียนอีกก็ต้องทำ” น.ส.ตรีนุชกล่าวและว่า ศธ.ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักเรียน นักศึกษา เป็นอันดับแรก โดยได้ปรึกษาและประสานงานกับ สธ.อย่างใกล้ชิด และการฉีดวัคซีนให้เด็กจะเป็นไปตามความสมัครใจ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน สำหรับการฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ขณะนี้มีครูได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 70% โดยแผนการจัดสรรวัคซีนในเดือนตุลาคมนี้จะให้สถานศึกษาส่งรายชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยัง ไม่ได้รับวัคซีนมาด้วย เพื่อเร่งจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มครู

น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School (SSS) ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนที่มีความพร้อม โดย ศธ.จะประสานกับ สธ. ในการลงพื้นที่ตรวจโรงเรียน ที่จะประสงค์เข้าโครงการว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่ ทั้งนี้ การเป็น โรงเรียน SSS มีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. เป็นโรงเรียนประจำ 2. เป็นไปตามความสมัครใจและ 3. ผ่านการประเมินความพร้อม โดยต้องแจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัด มีการหารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดให้มีสถานแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน มีการติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของศธ. และสธ.รวมถึงมีการรายงานผล ผ่าน MOE COVID และ Thai Stop Covid Plus

ดร.อัมพร เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ที่กังวลกันว่า เด็กต่ำกว่า 12 ปี ซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน แต่อยากมาโรงเรียน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาเรียนในโรงเรียนไม่ได้ เพราะจะมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลายเปลี่ยนตามบริบท เพื่อให้เด็กสามารถเข้ามาเรียนที่โรงเรียนได้ เช่น ครูได้รับวัคซีนครบถ้วนและถ้าในชุมชนไม่มีการระบาด อาจให้เด็กสลับวันมาเรียนได้ เป็นต้น สรุปคือการที่เด็กจะได้เรียนมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยให้แต่ละพื้นที่เป็นผู้ประเมินและพิจารณา กรณีที่ผู้ปกครองไม่ยอมให้เด็กฉีดวัคซีน เด็กสามารถมาเรียนในโรงเรียนได้ แต่ต้องผ่านการคัดกรองที่เข้มงวด และต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ สธ.กำหนด  หรือนักเรียนสามารถเรียนในรูปแบบอื่น เช่น ออนไลน์ ออนแฮนด์ เป็นต้น

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพวศ์ อธิบดีควบคุมโรค กล่าวว่า ตามแผนที่วางไว้วัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในช่วงปลายเดือนกันยายน ประมาณ 2 ล้านโดส และในเดือนตุลาคมจะทยอยเข้ามาประมาณสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะสามารถฉีดเข็มที่ 1 ให้เด็กเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม และจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป โดยการฉีดวัคซีนต้องคำนึง 2 อย่าง คือ ประสิทธิภาพของวัคซีน และความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่ฉีดในประเทศไทย ต้องผ่านการรับรองประสิทธิภาพและได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ให้นำมาใช้กับประชาชนได้  ส่วนวัคซีนที่มาฉีดให้กับเด็กต้องคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ อย.อนุมัติวัคซีนที่สามารถฉีดในเด็กได้คือ ไฟเซอร์และโมเดอนา  ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย สธ.จะดูแลเรื่องนี้อย่างดีร่วมกับ ศธ. โดยการฉีดวัคซีนให้เด็กครั้งนี้ เป็นการฉีดวัคซีนตามความประสงค์ของผู้ปกครอง โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ น.ส.ตรีนุช ขอความร่วมมือให้ สธ.เร่งฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด ซึ่ง สธ.จะเร่งผลักดันเรื่องนี้และจะขยายขอบข่ายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับผู้ปกครองด้วย