สอศ.วางจุดเน้นจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ระดมแนวคิดอาชีวศึกษาภาค/จังหวัดสู่สถานศึกษา 

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กล่าวในการมอบนโยบายการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาในเชิงพื้นที่ โดยมีประธานกรรมการอาชีวศึกษาภาค 5 แห่ง และ ประธานกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัด 76 แห่ง เข้าร่วมประชุม ณ วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี ว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มุ่งเน้นการยกระดับพัฒนาคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาในระดับพื้นที่สถานศึกษา ขับเคลื่อนการดำเนินงาน “ศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่” และพัฒนาทักษะสมรรถนะวิชาชีพกำลังคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ เน้น ปลอดภัย ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ  โดยขณะนี้ครู อาชีวศึกษาได้รับฉีดวัคซีนเกิน 90 %  โดยขอความร่วมมือในการเข้ารับการกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ให้ได้มากที่สุด และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ในส่วนของนักเรียน นักศึกษา ขอให้อาชีวศึกษาจังหวัดทุกจังหวัดไปประชาสัมพันธ์และประสานการฉีดวัคซีนให้ผู้เรียนอย่างทั่วถึง เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนแบบ On Site ตามเงื่อนไขและมาตรการการป้องกันการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยใช้นโยบายการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ประสานการเปิดสถานศึกษา  เช่น ในบางพื้นที่ระดับอำเภอที่ไม่มีการแพร่ระบาดหรือมีการแพร่ระบาดน้อย หรืออยู่ในพื้นที่สีส้ม หรือ สีเขียว ที่เสี่ยงน้อย ทั้งนี้เพราะอาชีวศึกษามีความจำเป็นต้องเปิดการเรียนการสอนแบบในรูปแบบ On Site ให้ได้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสมรรถนะให้ผู้เรียนตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี ที่ต้องได้รับความยินยอมจาก 3 ฝ่าย คือ สถานประกอบการ ผู้ปกครอง และผู้เรียนสมัครใจ ซึ่งสถานศึกษาจะต้องตรวจเช็คกับสถานประกอบการว่ามีการแพร่ระบาดในสถานประกอบหรือไม่  ต้องมีการป้องกันอย่างสูงสุด และมีแผนดูแลให้ความปลอดภัยกับนักเรียน นักศีกษา ที่จะเข้าไปเรียนรู้ฝึกประสบการณ์อาชีพ ตามหลักสูตรในสถานประกอบการ

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ขอฝากให้ อาชีวศึกษาจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ และปรับเปลี่ยนกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้สอดคล้อง กับสถานศึกษาและพื้นที่ โดยมีความยืดหยุ่นซึ่ง สอศ.ได้นำเสนอและได้รับความเห็นชอบ ในเรื่องของการวัดผลประเมินผล จากเดิมที่ต้องวัดกระบวนการเรียนการสอนต่อภาคเรียน เป็นหนึ่งปีการศึกษา ปรับกระบวนการเรียนรู้ตามลำดับเน้นที่สมรรถนะหลัก คือเรื่องที่ต้องรู้  เพิ่มสิ่งที่ควรรู้ และ เสริมเรื่องน่ารู้ จัดการเรียนแบบ Block Course  และกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงกรณี ที่ผู้เรียนเกิดติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) แล้วจำเป็นต้องกักตัว สถานศึกษาจะต้องปรับแผนรองรับเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนจบได้ตามหลักสูตรพร้อมกันนี้ในส่วนของอาชีวศึกษาเอกชน หน่วยศึกษานิเทศ(ศน.) จะต้องเข้าไปร่วมพัฒนาแนะนำการเรียนจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ เพื่อได้เป้าหมายผู้เรียนอาชีวศึกษารัฐและเอกชนมีสมรรถนะตรงตามมาตรฐานสาขาวิชาชีพและความต้องการของสถานประกอบการ

“ตรีนุช”ร่วมประชุมสมัยสามัญยูเนสโก ที่กรุงปารีส ประกาศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีศึกษาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 65

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  ในฐานะประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ครั้งที่ 41 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-24 พฤศจิกายน 2564 ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับ Madam Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกอีกวาระหนึ่ง และขอชื่นชมยูเนสโกที่ปรับวิธีการทำงานได้ดีในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานของยูเนสโกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

รมว.ศึกษาธิกาา กล่าวต่อไปว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในห้วงเวลาครบรอบทศวรรษ เพื่อทบทวนการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของแห่งสหประชาชาติ (SDGs) ซึ่งยูเนสโกได้นำมาเป็นเป็นพื้นฐานสำหรับจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนงานและงบประมาณฉบับใหม่ของยูเนสโก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 – 2566 ประเทศไทยเชื่อมั่นว่า แผนงานที่ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดทำขึ้นมาในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันความร่วมมือภายในองค์กร ตลอดจนพันธมิตรอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหาระดับโลก

“ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยได้พยายามเปิดเรียนตามปกติ โดยสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักเรียนและครูเป็นหลัก ดังนั้น การฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนและครูจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ขณะเดียวกัน ได้คำนึงถึงการให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่ครอบคลุมเพื่อลดจำนวนเด็กตกหล่น โดยบุคลากรทางการศึกษาได้ทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเข้าถึงการศึกษาตามสิทธิพื้นฐาน อย่างเท่าเทียม และทั่วถึงของทุกคน “ รมว.ศธ. กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามแม้จะมีการนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้มากมาย แต่ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาก็เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน ประเทศไทยจึงสนับสนุนยุทธศาสตร์ของยูเนสโกว่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ปีพ.ศ.2565 -2568 เพื่อสร้างสังคมที่ยุติธรรม เสมอภาค สงบสุข และยั่งยืน นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุน Recommendation on Open Science ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเอาชนะความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยีในการเข้าถึงข้อมูลความรู้ระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและยังไม่พัฒนา

น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า ในปี 2565 ประเทศไทยโดยความร่วมมือกับสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีศึกษาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Education Ministers Conference) ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเป็นโอกาสดีในการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDG4 และประเทศไทยก็มีความเข้มแข็งที่จะส่งเสริมการศึกษาที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ ซึ่งเป็นการสานต่อที่ประเทศไทยได้ริเริ่มปฏิญญาจอมเทียน ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้สนับสนุนโครงการริเริ่มต่าง ๆ ของยูเนสโก ที่ส่งเสริมแนวคิดในการเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายของโลกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการมองอนาคตไปข้างหน้า และข้อเสนอแนะด้านจริยธรรมของ AI (Recommendation on the Ethics of Artificial Intelligence) เป็นต้น และขอขอบคุณสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือเต็มกำลังเพื่อส่งเสริมให้ยูเนสโกบรรลุความสำเร็จตามพันธกิจ.

“สกสค.กำแพงเพชร”ชวนครูทำเกษตร หารายได้เสริม พัฒนาคุณภาพชีวิต

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2564 นายหาญ หงษ์ยนต์  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย  สำนักงาน สกสค.จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการดูแลสวัสดิการ สวัสดิภาพ เพื่อให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบกับทราบว่า ในแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร มีการบรรจุโครงการการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเป็นโครงการที่ดีที่สอดคล้องกับภารกิจของสำนักงาน สกสค.จังหวัดกำแพงเพชร ในการส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข มีสวัสดิการและสวัสดิภาพในชีวิตที่ดีขึ้น

ผอ.สกสค.จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว สำนักงานสกสค.จังหวัดกำแพงเพชร จึงได้จัดทำแปลงสาธิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการอบรมฝึกทักษะด้านการเกษตร และเป็นการสร้างอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยจะมีการจัดอบรมให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดกำแพงเพชรที่สนใจในทุกอำเภอทั้ง 11 อำเภอ จำนวน 15 รุ่น รวม 750 คน นอกจากนี้ สำนักงาน สกสค.จังหวัดกำแพงเพชร ยังได้ประสานกับเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อขอพื้นที่ตั้งร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการอบรม จำนวน 1 ร้าน บริเวณตลาดเกษตรกรในทุกเช้าวันอาทิตย์ โดยจัดให้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาหมุนเวียนกันไปจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตได้ต่อไป

“เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ผมได้ทำโครงการสมัยที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนคลองขลุงราษฏร์รังสรรค์ ซึ่งทำให้เด็กรู้จักเรียนรู้ในเรื่องของการทำเกษตร เช่น การทำปุ๋ย ปลูกผัก เป็นต้น และยังสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับครอบครัวด้วย ดังนั้น เมื่อมาดำรงตำแหน่งผอ.สกสค.จังหวัดกำแพงเพชร จึงอยากถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้กับครู อย่างน้อยก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของครูดีขึ้นบ้าง”นายหาญ กล่าว

คุณครูฝากคำถามคาใจประเมินแบบใหม่ด้วย ว.PA

ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เห็นชอบการกำหนดมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทุกสายงาน ทุกตำแหน่ง และทุกวิทยฐานะ ใหม่ หรือ ว.PA โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น  เว็บไซต์ focusnews.in.th ได้รับเสียงสะท้อนจากครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่รู้สึกกังวลกับการใช้เกณฑ์ PA โดยได้รับการเปิดเผยจาก ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อ.กศจ.) จังหวัดหนึ่งว่า ว.PA มีข้อจำกัด คือ

  1. ข้อดี 10 อย่างของ ว.PA ที่ เลขาธิการ ก.ค.ศ. บอกว่า ดีนั้น ผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง หรือกำหนดขึ้นมาเอง หรือกล่าวอ้างกันเอง
  2. การคงวิทยฐานะ มีวิธีการให้ครูเข้ามามีส่วนร่วมอย่างไร ให้ครูมีส่วนร่วมในการคิดกลั่นกรองออกมาหรือไม่อย่าง หรือกำหนดเอาเองจากหอคอยงาช้าง
  3. การประเมิน เหตุใดจึงเอาบุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมาก เช่น การให้อาจารย์มหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน PA เคยมีซักครั้งไหมที่ครู มีโอกาสเข้าไปประเมินเงินเดือน หรือผลงานของอาจารย์มหาวิทยาลัย
  4. การทำข้อตกลง ถ้าครูผู้สอนต้องทำการสอนหลายวิชา จะต้องทำข้อตกลงในประเด็นท้าทายอย่างไร

นอกจากนี้ยังมีการถาม-ตอบ 10 ข้อดีของระบบวิทยฐานะแบบใหม่ ด้วยว่า 

1) “ลด” ความซ้ำซ้อนของการประเมิน

ตอบ ลดได้จริงหรือไม่ เพราะการประเมินตาม ว.17 เดิมนั้น ประเมินเพียงแค่ครั้งเดียวคือตอนที่ขอรับการประเมินเท่านั้น แต่ตามหลักเกณฑ์ ว.PA ต้องทำการประเมินทุกปี สร้างความกดดันให้กับครูผู้สอนทุก ๆ ปี เจอผู้บริหารที่มีคุณธรรมก็ดีไป แต่หากผู้บริหารที่ใช้ PA เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ต่าง ๆ จากครู ก็จะทำให้เกิดปัญหาในโรงเรียนนั้น ๆ

2) “ละ” ความสนใจจากมหกรรมประกวดแข่งขัน และหันมาใส่ใจเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม

ตอบ หันมาใส่ใจเด็ก หรือหันมาใส่ใจผู้บริหารในระดับต่าง ๆ กันแน่ เพราะตามหลักเกณฑ์ ว. PA นั้น ผู้บริหารสถานศึกษา นับว่ามีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตามหลักเกณฑ์นี้

3) “เลิก” สะสมแฟ้ม โล่ รางวัล ฯลฯ

ตอบ ในประเด็นท้าทาย ของ ว.PA นั้น เมื่อดำเนินการไปแล้ว ถ้าไม่มีรางวัลมาเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จในการดำเนินงาน แล้วจะใช้อะไรเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จในประเด็นท้ายทายนั้น เพราะถ้าให้ผู้บริหาร หรือ คณะกรรมการของแต่ละโรงเรียนเป็นผู้รับรองความสำเร็จตามประเด็นท้าทาย ก็จะทำให้ขาดมาตรฐานในการดำเนินการในแต่ละโรงเรียน

4) “หลีก” การล่าใบประกาศฯ การนับ ชม. อบรม หรือ ชม.PLC ที่จริง ๆ ทำไม่ได้

ตอบ ไม่หลีกจริง เพราะยังต้องมีการกำหนดชั่วโมงการพัฒนาไว้ 20 ชั่วโมงต่อปีอยู่ดี หรือ ชั่วโมง PLC ก็ยังต้องมี ซึ่งก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแต่ละโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร

5) “เลี่ยง” การวัดคุณภาพจากคะแนน O-Net เพราะบริบทของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน

ตอบ ยิ่งไม่มี โอเน็ต ยิ่งจะทำให้ไม่มีมาตรฐานกลางในการประเมิน การทดสอบ โอเน็ตยังคงจำเป็นในการวัดมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน เพียงแต่ไม่ควรนำมาใช้ประเมินแบบ 100 %

6) “รวดเร็ว” ใช้ระบบออนไลน์ ไม่ต้องรอผลเป็นปี ส่งใหม่ได้ทุกภาคเรียน

ตอบ ในการประเมินวิทยฐานะตาม ว.PA ใช้กรรมการประเมิน 3 คน ต่อครู 1 คน ครูในประเทศไทยมีจำนวน 400,000 คน ถ้าประเมินพร้อมกัน อาจต้องใช้กรรมการประเมินไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคน

7) “โปร่งใส” ผู้ประเมินทุกคนต้องผ่านการพัฒนา ใช้ระบบการสุ่ม

ตอบ จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามาตรฐานการประเมินวิทยฐานะโดยผู้ทรงคุณวุฒิจะเท่ากัน หรือ ใกล้เคียงกัน

8) “ไม่ต้องเสียเงิน” ในการทำวิจัย เพราะประเมินจากคุณภาพการสอนไม่ใช่ประเมินคุณภาพคลิปที่ส่งมา

ตอบ “ไม่ต้องเสียเงิน” ในการทำวิจัย แต่ต้องเสียเงินในการซื้อกล้องบันทึกวิดีโอ และไมโครโฟนคุณภาพดี ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งห้องเรียนให้ดูดี (เพราะกลัวประเมินไม่ผ่าน) ทั้ง ๆ ที่ ตามโรงเรียนชายขอบนั้น สภาพอาคารเรียนไม่มีความพร้อม ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงอยู่แล้ว ของบประมาณสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ก็ยากเย็นแสนเข็ญ

9) “ยุติธรรม” แยกตัวชี้วัดการประเมินตามลักษณะห้องเรียน (สามัญ ปฐมวัย การศึกษาพิเศษ กศน. อาชีวะ) มีการประเมินเพื่อคงวิทยฐานะตามระเบียบฯ

ตอบ ไม่มีความยุติธรรมสำหรับครูที่ทำการสอนในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีความขาดแคลนทุกด้าน

10) “ผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียน” อย่างแท้จริง

ตอบ ยังไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าจะเกิดผลดีกับนักเรียนอย่างแท้จริง เพราะครูผู้สอนต้องมาพะวงกับการทำข้อตกลง และพะวงกับการอัดคลิปสอน ซึ่งต้องมีการตระเตรียมอย่างหนัก เพื่อให้ได้คลิปที่ดูดี ดูน่าถูกใจกรรมการประเมิน

แต่เหนือสิ่งใดบรรดาครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีข้อสังเกตว่าการกำหนดเป็น ว.PA ที่นำความคิดของอาจารย์มหาวิทยาลัยมาเป็นตัวตั้ง เป็นการนำเกณฑ์มาครอบครูหรือไม่

ปลัดศธ.เผย เด็ก12-18 ปี ฉีดไฟเซอร์เข็ม2แล้ว 4แสนกว่าคน

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าภาพรวมการฉีดวัคซีนสำหรับนักเรียน นักศึกษา อายุ 12 ถึง 18 ปีในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าข้อมูล วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 มีนักเรียน นักศึกษา ที่ประสงค์รับวัคซีน 3,866,840 คน  ฉีดเข็ม 1แล้ว 3,346,723 คน คิดเป็น 86.55% ฉีดเข็ม2 แล้ว 419,079 คน คิดเป็น10.84 %

ปลัด ศธ.กล่าวว่า เมื่อจำแนกตามภาค พบว่า ภาคกลางมีนักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน1,204,090 คน ฉีดเข็ม 1แล้ว1,040,909 คน (86.45%)ฉีดเข็ม 2แล้ว 129,209 คน(10.73%) ภาคอีสาน นักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 1,175,571คน ฉีดเข็ม1แล้ว1,041,577คน (88.60%)ฉีดเข็ม 2แล้ว 160,703คน (13.67%)  ภาคใต้นักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 611,923คน ฉีดเข็ม 1แล้ว 470,797คน (77.02%)ฉีดเข็ม 2แล้ว 36,490 คน (10.51%)  ภาคตะวันออกนักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 340,798คน ฉีดเข็ม 1แล้ว314,327คน (92.23%)ฉีดเข็ม 2แล้ว 35,691คน (10.47%)  ภาคเหนือนักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 332,002คน ฉีดเข็ม 1แล้ว 295,027คน (88.86%)ฉีดเข็ม 2แล้ว 24,885คน(7.50%) และภาคตะวันตก นักเรียนประสงค์ฉีดวัคซีน 203,084คน ฉีดเข็ม 1แล้ว184,106คน (90.66%) ฉีดเข็ม 2แล้ว 32,101คน (15.81%)

สอศ. เปิดสมัครสอบครูผู้ช่วยอาชีวะ 483 อัตรา 76 กลุ่มวิชาเอก

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ได้มีประกาศ รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สอศ.จำนวน 483 อัตรา  76 กลุ่มวิชา หรือสาขาวิชาเอก โดยรับสมัครผ่านทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ผู้ประสงค์จะสมัครสอบสามารถสมัครสอบได้ทางเว็บไซต์ http://vec.jobthaigov.com ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.30 น. ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 เวลา 24.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ ดาวน์โหลดรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vec.go.th/ หรือ https://bpa.vec.go.th/

 

ว.เกษตรพังงา จับมือบริษัท ด้านบริการภาคพื้นและขนส่งส่งผลผลิตการเกษตรโกอินเตอร์

นายสุพชัย  อัมภา ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพังงา  เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการส่งเสริมให้วิถีเกษตรก้าวไกล บูรณาการร่วมกับพื้นที่ และผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคน ผลิตนวัตกรรมด้านการเกษตรใหม่ ๆ หรือ Smart Farm มาใช้ในสถานศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพังงา ได้ร่วมมือกับบริษัทแบ็กส์ บริการภาคพื้น จำกัด และบริษัท วิชั่น  ทรานสปอร์ต จำกัด  ชุมชน และกลุ่มวิชาชีพเกษตรในพื้นที่ เตรียมจัดส่งผลผลิตการเกษตร “ตะไคร้” ล็อตแรก คำสั่งซื้อจากแปลงเกษตรกร 250 กิโลกรัม รวมแพ็คๆละ 1 กิโลกรัม ดำเนินการคัดแยก บรรจุ ในเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ณ. วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพังงา และส่งตรงถึงถึงสนามบินภูเก็ต เพื่อรวมกับผลผลิตสินค้าที่ Cargo มาจากภาคกลภาคและภาคเหนือ ประมาณ 6,000 กิโลกรัม เพื่อขึ้นเครื่องAeroflot ด้วยกัน และส่งต่อไปยังต่างประเทศต่อไป พร้อมกันนี้ วิทยาลัย ฯ จะผลิตผลผลิตในแปลงสาธิตซึ่งเป็นรูปแบบของเกษตรอินทรีย์ และ อบรมการผลิตผลผลิตการเกษตรอื่น ๆ แก่เกษตรกร เช่น ข้าวโพดอ่อน พริกแดงจินดา เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมสร้างรายได้ระหว่างเรียน ให้กับผู้เรียน และต่อยอดอาชีพให้กับชุมชน ให้มีอาชีพ มีรายได้

“ความร่วมมือดังกล่าวเป็นความร่วมมือเพื่อการส่งเสริมกิจกรรมฝึกอบรมความรู้ทางการเกษตร ซึ่งวิทยาลัยฯ เป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้และสร้างระบบควบคุมมาตรฐานในการผลิตผลผลิตทางการเกษตรและการแปรรูปให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ส่งเสริมให้มีการจัดทำแปลงสาธิตอินทรีย์ ในการผลิตพืชผักผลไม้รวม ถึงการปศุสัตว์และการประมง ตลอดจนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป ร่วมถึงทำการจัดหาตลาด การกำหนดประเภทผลิตผล ปริมาณตลอดจนช่วงเวลาของการผลิตของผลผลิตแต่ละประเภท เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาของวิทยาลัยได้เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติจริงในการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายจริง ตลอดจนขยายขอบเขตการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกรที่สนใจทั่วไปเพื่อสร้างเครือข่ายการผลิต ซึ่ง บ.แบ๊กส์บริการภาคพื้น จำกัด จะประสานวางแผนช่องทางการลาด หรือmarket Place ในการจัดจำหน่าย ร่วมกับบริษัทวิชั่นทรานสปอร์ตจำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมวางแผนโครงการในการวางแผนระบบโลจิสติกส์”ผอ.วิทยาลัยเกษตรฯพังงากล่าวและว่า ความร่วมมือนี้จะส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาผลิตและจัดจำหน่ายได้ตรงความต้องการของตลาด และสามารถเรียนรู้ระบบต่างๆ เพื่อไปประกอบอาชีพได้จริง และวิทยาลัยฯ ก็จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เกษตรกร ชุมชนและบุคคลภายนอกเพื่อส่งเสริมในการสร้างเครือข่ายผลิตสินค้าเกษตรให้ได้ตามมาตรฐานสากลด้วย

ด้าน นายบุญโสม พวงแก้ว จาก บริษัท แบ๊กส์ บริการภาคพื้น จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะเป็นการสร้างโอกาสสร้างรายได้และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้กับพื้นที่และชุมชน ซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้บริการด้านอากาศยานภาคพื้น และคลังสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ โดยมีความร่วมมือและติดต่อประสานจากคู่ค้าต่างประเทศในการจัดหาผลผลิตทางการเกษตร ปศุสัตว์ประมง เพื่อส่งออกจากภาคใต้ผ่านสนามบินภูเก็ตหรือกระบี่ ซึ่งมีเที่ยวบินตรงไปต่างประเทศที่สามารถขนสินค้าไปด้วยได้

นายนิวัฒน์ งานสถิล บริษัทวิชั่นทรานสปอร์ต จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้ บริการรถบัสรถโดยสารทัวร์ และนำเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ  และเป็นผู้ดำเนินการด้านโลจิสติกส์ และมีการประสานจากคู่ค้าต่างประเทศด้วยเช่นกันในการจัดหาผลผลิตทางการเกษตรเพื่อการส่งออก จึงมีความประสงค์ที่จะร่วมพัฒนาส่งเสริมวิทยาลัยเกษตรฯ เพื่อให้ผู้เรียน เกษตรกร และชุมชน ในพื้นที่ ได้มีอาชีพและรายได้ เพิ่มขึ้น

กลุ่มประชาสัมพันธ์ สอศ.
6 พ.ย. 64

สอศ.ไม่ได้ทอดทิ้งเงินเยียวยาเด็ก ป.ตรี อาชีวะ สอบถามสภาพัฒน์ฯเมื่อไหร่จะนำเรื่องเสนอครม.พิจารณา

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2564 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยกรณีเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท.) ออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาหลังนักศึกษา ปริญญาตรี ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวนกว่า 13,000 คน ตกหล่นไม่ได้รับเงินเยียวยา จากโครงการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครองนักเรียนและนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 2,000 บาท ว่า ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำหนังสือหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯ เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้ได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาท แต่ทางสภาพัฒน์ฯ ตอบกลับมาว่า การช่วยเหลือเยียวยานักศึกษาระดับปริญาตรีในสังกัด สอศ. ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยเกณฑ์ที่อว.กำหนด คือ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาทั้งภาคปกติ ภาคพิเศษ และภาคสมทบ โดยลดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา ที่ต้องจ่ายในส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาทช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 50 ส่วนตั้งแต่ 50,001–100,000 บาท ช่วยเหลืออัตราร้อยละ 30 และตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไป ช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 10 โดยรัฐบาลและสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐจะร่วมกันช่วยเหลือเยียวยาในสัดส่วน 6:4

“ขณะนี้ สอศ.ได้ทำเรื่องถึงสภาพัฒน์ฯ ดำเนินการเยียวยาตามหลักเกณฑ์ของ อว. ไปแล้ว เพียงแต่ต้องรอทางสภาพัฒน์ฯ ว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเมื่อไหร่ ซึ่งที่ผ่านมา สอศ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามเรื่องกับทางสภาพัฒน์ฯ อยู่ตลอดเวลา ว่าเรื่องถึงไหนอย่างไร จะนำเสนอให้ครม. พิจารณาช่วงไหน ทั้งนี้ขอให้นักศึกษาอดทนรอก่อน เพราะเรื่องดังกล่าวเกินการควบคุมของ สอศ.แล้ว และได้พยายามแก้ไขปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น”เลขาธิการ กอศ.กล่าว

บทเรียนตรวจ ATK ไม่ชัวร์100%ครู นร.คำสร้อยพิทยาสรรค์ตรวจRT PCRไม่พบเชื้อ”ตรีนุช”โล่งอก

จากกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้เข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ด้วยวิธี ATK นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนคําสร้อยพิทยาสรรค์ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร  และพบว่า มีครู และบุคลากรทางการศึกษา 17 คน และนักเรียน 85 คน รวมแล้วกว่า 100 คน มีผลเป็นบวก นั้น

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2564  นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ หลังจากสั่งตรวจแล้วพบว่า เมื่อตรวจด้วยวิธี RT PCR ซ้ำอีกครั้ง สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ได้แจ้งผลตรวจยืนยันของโรงเรียนดังกล่าว ว่าผลตรวจออกมาเป็นลบ และยืนยันว่าไม่พบเชื้อโควิด- 19 ทั้งหมดทุกคน จากจำนวนนักเรียนกว่า  1,000 คน และนักเรียนที่พักรอที่โรงพยาบาลสนามทุกคนได้ทยอยกลับบ้านหมดแล้ว โดยให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการอยู่ที่บ้าน

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ.)และหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด และส่วนกลาง หากเกิดเหตุไม่ว่าจะในพื้นที่จังหวัดใดให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุในการที่จะเข้าไปแก้ปัญหาทันทีเพื่อให้ความมั่นใจผู้ปกครองและนักเรียน  อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ขอชื่นชมทุกฝ่ายที่สามารถดำเนินการได้ตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อสงสัยว่าพบเชื้อโควิด-19 ทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข เอกชน ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง ครู นักเรียน ให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดเป็นอย่างดี

ด้าน ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า การสุ่มตรวจหาเชื้อด้วยวิธี ATK เป็นการกำหนดโดยคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดที่กำหนดว่าจะมีการสุ่มตรวจที่โรงเรียนไหน จำนวนเท่าไหร่ แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนคําสร้อยพิทยาสรรค์ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ตอนแรกโรงเรียนสุ่มตรวจเอง แต่พอเจอว่ามีผลตรวจเป็นบวก ก็เลยแจ้งให้สาธารณสุขก็เข้ามาตรวจอีกครั้ง ซึ่งผลก็ออกมาตามที่เป็นข่าว ซึ่งมีผลตรวจเป็นบวกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จึงเป็นประเด็นขึ้นมาว่า ATK ที่เอามาตรวจไม่มีคุณภาพ หรือวิธีการตรวจไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงเป็นบทเรียนว่าอุปกรณ์บางอย่างที่เราคาดหวังว่ามีประสิทธิภาพครบถ้วนก็อาจไม่ได้ผล100%อย่างที่เราคาดหวัง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเด็กต้องฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 จะดีที่สุด

“ตอนนี้หากโรงเรียนใดเปิดเรียนออนไซต์แล้ว คิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงก็สามารถปิดเรียนออนไซต์ได้ เพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ให้อำนาจโรงเรียนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการรายงานโรงเรียนในจังหวัดอื่น ๆ บางแห่งมีการปิดโรงเรียนเป็นจากสาเหตุญาติของนักเรียนติดโควิด-19 ทางโรงเรียนจึงปิดการเรียนการสอนไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยและเป็นการระงับเหตุไว้ก่อน ไม่ใช่เหตุผลของการเปิดเรียนออนไซต์”ดร.อัมพร กล่าว

บอร์ดกพฐ.ชุดใหม่ ดึงอดีตบิ๊กศธ.นั่งกรรมการเพียบ ครม.ตั้ง ‘อธิการฯจุฬาฯ’ นั่งหัวโต๊ะ

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2564 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ศธ. เสนอแต่งตั้ง ประธานคณะกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) จำนวน 17 ราย แทนชุดเดิมที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ดังนี้ นายบัณฑิต  เอื้ออาภรณ์  อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานคณะกรรมการ, นายวิสิทธิ์ ใจเถิง  กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน, นายนิวรณ์  แสงวิสุทธิ์  กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , นายปิยะบุตร  วานิชพงษ์พันธ์ กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ,นางชลิดา อนัตรัมพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  ,นายชัยพฤษ์  เสรีรักษ์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,นายบุญรักษ์  ยอดเพชร  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,นายประสงค์  เลิศรัตนวิสุทธิ์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒ

นายปราโมท  แก้วสุข กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,นางพรพิมล วิปุลากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,นายวิริยะ  ฤาชัยพาณิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ,นางศศิธร  วิทยะสิรินันท์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ,นายศิริเดช  สุชีวะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,นายสนิท แย้มเกสร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ,นายสมเกียรติ  ตั้งกิจวานิชย์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ,นายอำนาจ  วิชยานุวัติ  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ,และพระพรหมบัณฑิต  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ครม.มีมติแต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ รายชื่อดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบ จากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว